28 มิ.ย. 2020 เวลา 13:34
#จันทร์เจ้าขาบทที่2ตอนที่6,
สวัสดีครับ เพื่อนๆ
วันนี้ผมขอส่งตอนใหม่ และคลิปรางวัล แยกกันคนละโพสต์นะครับ..
สุขสันต์วันอาทิตย์ครับ
ความเดิมตอนที่แล้ว:
คุณหลวงและคณะ ได้มาตั้งค่ายพักแรม ที่บริเวณหน้าประตูเมือง เมืองตุง .. ในดงของ
“ลำโพงบ้า”..
และในคืนนั้น กองทัพลับแลของจันทมณีเทวี ก็ปรากฏกายขึ้นหมายขัดขวาง การเดินทางไปที่เชียงใหม่ของคุณหลวงและคณะ..
โดยท้ายสุด..จันทมณีเทวี ได้ออกคำสั่ง ยิงธนูพิษ..
“ฝนแสนห่า” เข้าใส่คณะนักเดินทาง..
จันทมณีเทวี
บทที่ 2 รุ้งวาริท
ตอนที่ 6: สายลมตะวันตก และสายน้ำแห่งตะวันออก..
ธนูดอกนั้น ..พุ่งตรงปักเข้าที่ลำคอ และปลิดชีวิต ..ผู้เคราะห์ร้ายรายแรก..แทบจะในทันที..
วาระแห่งความมรณา ช่างเกิดขึ้น รวดเร็ว และเรียบง่าย..อย่างนี้ นี่เอง ..
..
..
..
ดวงตาของสุนัขจิ้งจอกที่ตายแล้ว.. แต่ตาของมันยังเบิกโพลง จับจ้องที่ กระต่ายป่าตัวอ้วนขนฟู สีน้ำตาล .. ที่กระโดด หนีเงื้อมมือแห่งมัจจุราช..ได้อย่างหวุดหวิด..ในชั่วเสี้ยววินาที..
ขณะที่..ฝูงสุนัขจิ้งจอก..
แตกกระเจิง..ในทันทีที่จ่าฝูง โดนสังหาร..
“เจ้าโง่ ..เจอริโมนี่ เอ๊ย
เราออกมาล่ากระต่ายป่า กันนะเพื่อน..แต่แกกลับไปยิง สุนัขจิ้งจอก ตัวนั้นเพื่อ อะไร....”
อันนิบาเล ตะโกนบ่น อย่างหัวเสีย..
เจอริโมนี่ ยิ้มที่มุมปาก ก่อนหันใบหน้าคมสัน ราวกับเทพบุตรนั้น ไปที่ อันนิบาเลพร้อมทำมือ จุ๊ปาก ..
เจอริโมนี่
แล้วรีบวิ่งออกไปยัง เจ้าสุนัขจิ้งจอกนั้น อย่างรวดเร็ว..
“ปั่ดโธ่..ไอ้บ้าเจอริโมนี่
รอข้าด้วย สิว้อย ..”
อันนิบาเล ตะโกนไล่หลัง
..พลาง พาร่างตุ้ยนุ้ยวิ่งไล่ตาม เพื่อนรัก อย่างอุ้ยอ้าย
..
..
..
เจอริโมเน่ มาถึง ที่ศพสุนัขจิ้งจอกตัวนั้น ก่อนที่จะย่อตัวลงนั่ง.. และใช้สายตากวาดมองไปยัง ทุ่งหญ้า สีทองที่กำลังไหวเอน ..ตามแรงลม..
ในที่สุด อันนิบาเล ก็วิ่งตามมาถึง และเอามือสองข้าง ยันต้นไม้ ยืนหอบ และ สบถด่าถึงท่านั่งยองๆของ เพื่อนรักว่า..
“Sono la tartaruga sciocca che segue il coniglio cieco”
(ข้ามัน..ไอ้เต่าโง่..ตาม กระต่ายตาบอด..)
เจอริโมนี่ ยิ้มที่มุมปากอีกครั้ง ก่อนหันใบหน้าคมสัน ราวกับเทพบุตรนั้น ไปที่..
อันนิบาเลพร้อมทำมือ ให้ ตามมา อย่างเงียบๆ..
ทั้งคู่ ค่อยๆย่องเข้าไปหา พงหญ้า ที่กระตุก สะบัดไปมา ..
เจ้ากระต่ายน้อย หนีเงื้อมมือมัจจุราช .. แต่กลับมาติดกับดัก ของเจอริโมนี่ในที่สุด..
“โอ้โห..เจอริโมนี่ เพื่อนรักแกนี่มันลูกของเทพอาธีน่า แน่ๆ”
อันนิบาเล ยิ้มกว้าง และตะโกนอย่างดีใจ ..
ขณะที่ตั้งใจมองเจอริโมนี่ ที่ค่อยๆ แกะกับดักที่งับขา เจ้ากระต่ายน้อย..
“ข้าจะเอากระต่าย ตัวนี้ไปเป็นของขวัญ ให้ สมายลี่ (Smiley)” เจอริโมนี่ เงยหน้าขึ้นยิ้มกว้าง ..บอก อันนิบาเล..
“เทพบุตร มักตายเพราะสตรีนะเว้ย ..แกจำคำนี้ไว้เลยนะ..ไอ้เจอริโมนี่”
อันนิบาเล พูดเบา พร้อม
เบ้ปาก..ทำหน้าเลี่ยน..
ให้เพื่อนรัก..
..
..
..
ณ. ที่หน้าชั้นเรียนศิลปะ สถาบันศิลปะอัลแบร์ตินา
เจอริโมนี่กำลังขี่คออันนิบาเล และ ชูกระต่าย อยู่นอกหน้าต่างชั้นเรียน ศิลปะ..
พลางโบกมือ..ทำท่าภาษาใบ้ ให้ เด็กหญิง สมายลี่ ที่กำลังตั้งใจเรียน ...ให้เสียสมาธิ..
“((ข้า..เอา..กระต่ายป่า..มาฝากเจ้า..สมายลี่..))”
“รีบออกมาเร็วๆ ได้มั้ย .. ยัยสมายลี่..” อันนิบาเล สบถกับตัวเอง..
“ก้นเหม็นๆ ของ ไอ้เจอริโมนี่.. ติดแน่นอยู่บนเนื้อผ้า ของ Barberis (Vitale Barberis Canonico)
..แล้วตอนนี้..ข้าต้องโดนแม่ หยิกหูยานแน่ๆ ”
..
..
สมายลี่ ค่อยๆย่องออกจากห้องเรียนชั้นศิลปะมา ยืนยิ้มหวานให้ ..
เจอริโมนี่ และ อันนิบาเล
พลางทักว่า
“เป็นยังไงบ้าง หนุ่มๆ แก๊งน้ำแดง”
เจอรี่โมนี่ เอามือปัดฝุ่น และลูบผม ให้เรียบ.. และตอบว่า
“ ข้าเอากระต่ายสีน้ำตาล ที่เจ้าอยากได้ มาให้ ล่ะ.. สมายลี่”
“ข้าอยากได้ ตุ๊กตา กระต่ายสีน้ำตาลจ้ะ เจอริโมนี่..ไม่ใช่กระต่ายตัวเป็นๆ อย่างนี้..”
“..โถ เจ้ากระต่ายที่น่าสงสาร..ดูที่ขาสิ..เจ้าเกือบจะทำมันพิการแล้วนะ เจอริโมนี่..” สมายลี่พูดพลาง อุ้มกระต่ายไว้ในอ้อมแขนน้อยๆ..
“ข้านึกว่า เจ้าจะชอบมันเสียอีก สมายลี่” เจอริโมนี่ พูดตัดพ้อเบาๆ ..
สมายลี่ เงยหน้า จ้องตา
เจอริโมนี่ แล้วพูดช้าๆ ว่า
“หากมีชีวิต อย่างสิ้นอิสรภาพ..
ความตายอย่างมีศักดิ์ศรี ย่อมงดงามกว่ามาก”
คุณหนูสมายลี่ เมื่อกลับสยาม
“..ข้าจะเอามันไปรักษา ให้หายดี และเราจะนำมันไปปล่อยในทุ่งหญ้าของมัน กันนะ เจอริโมนี่..” สมายลี่ ยิ้มกว้าง ..
และพูดขอบคุณ..
“ขอบคุณมากนะ เจอริโมนี่”
อันนิบาเล ยิ้มกว้างตอบ สมายลี่ และพูดว่า
“การมีชีวิต ที่มีความสุข จากการทานสปาเก็ตตี้ ฝีมือแม่ข้า.. ดีกว่าการตายอย่างมีเกียรติ เห็นๆ..”
“เจ้าเปรียบเทียบได้ น่ากลัวพิลึกนัก.. ยัยสมายลี่”
และทั้งหมด ก็หัวเราะขึ้นพร้อมกัน ยาวนาน ..
เมื่ออันนิบาเล พูดจบ..
....
....
....
ในเวลาเดียวกันนั้น
ณ. กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ปี พุทธศักราช 2426
คาร์โน จูเนียร์ หยิบสิ่งประดิษฐ์ ของคณะสำรวจชาวฝรั่งเศส ขึ้นมาพินิจพิจารณา ด้วยความสนใจ
มันคือ..หน้าไม้ ที่บรรจุลูกยิง แบบต่อเนื่องคราวละ 4 ดอก..
“เจ้าบอกว่า.. เจ้าใช้สิ่งนี้ ยิงเสือโคร่ง ปีศาจ ริมฝั่งแม่น้ำโขง รึ.. ผู้กอง” คาร์โนจูเนียร์ เอ่ยถาม ด้วยความสนใจ..
ทันใดนั้น ประตูห้องทำงานของรัฐมนตรีกระทรวงแรงงานก็ถูกเปิดออกอย่างช้าๆ โดยไม่มีเสียงเคาะประตูใดๆ ล่วงหน้า..
“ สวัสดี ท่านประธานาธิบดี ที่รัก..” ฮิปโปไลท์ กล่าวทักทาย ลูกชาย ด้วยเสียงอันดัง..
1
“โอ้ว.. สวัสดีครับ คุณพ่อ”
“ผมเป็นแค่ รัฐมนตรี กระทรวงเล็กๆ.. ขอคุณพ่อ โปรดเลิก เรียกผมว่า ประธานาธิบดี เถิดครับ”
คาร์โนจูเนีย พูดอย่างสุภาพที่สุด พลาง ผายมือ เชิญให้ฮิปโปไลท์ นั่งลง..
“หากเจ้า ห้ามสายลมแห่งตะวันตก ไม่ได้ฉันท์ใด.. เจ้าก็คงมิอาจห้าม คำอวยพรของบิดา ที่รักเจ้า อย่างสุดหัวใจ ไม่ได้ฉันท์นั้น นะลูกเอ๋ย.. ฮ่ะฮ่ะฮ่า..” ฮิปโปไลท์ พูดพลาง เดินไปแตะไหล่ลูกชาย..
และพูดกระซิบเบาๆ ว่า
“..ราชทูตพม่า จะเข้าพบและถวายเครื่องมงคลราชบรรณาการ.. บ่ายนี้..”
“หลังงานพิธีนั้น..
จงเตรียมตัวลูกให้พร้อม เพื่อหารือ เรื่องสิทธิป่าไม้ในพม่า ของ ฝรั่งเศส ที่จะเข้าไปแทนที่ อินเดียเบอร์มาของอังกฤษ..
สายลมแห่งโชคชะตา .. กำลังจะพัดพา ให้หมากเรือเจ้า เข้าสู่ตำแหน่งสำคัญ บนกระดาน ในไม่ช้านี้..”
ฮิปโปไลท์ ก้มลงจุบลา แล้วจึงหยิบหน้าไม้กล ถือ ออกจากห้องนี้ไปด้วย..
ก่อนจะปิดประตูห้อง..
ฮิปโปไลท์ หันกลับมา พูดว่า “ขอเชิญ ผู้กอง ไปทานอาหารเย็นที่บ้าน ของเราในช่วงวันหยุดนี้ ด้วยนะครับ.. เด็กๆที่บ้านเรา..คุณหนูแพร คุณหนูพักตร์ เป็น แฟนคลับตัวยง ของคณะสำรวจฝรั่งเศส เลยครับ ..
....
....
....
ในอีกด้านหนึ่งของ ทวีป
ณ.เมืองตุ่น เขตแดนล้านนา สยามประเทศ..ในวันเดียวกันนั้น..
..ก่อนที่ลูกธนู จะพุ่งถึง คุณหลวงและคณะ..
จันทมณีเทวี กลับชะงัก วูบหนึ่ง และก้มหน้าลง..
หลับตา ..
ด้วยว่า..ไม่อาจทนเห็นความเจ็บปวดทรมาน และความตายของคุณหลวง ที่ต้อง ลูกธนูพิษ ฝนแสนห่า เหล่านั้นได้..
เวลาในความมืด เมื่อหลับตาลงนั้น ..ช่างเนิ่นนาน และเงียบสนิท..จนคล้ายอยู่ในภวังค์บางอย่าง..
กระทั่ง มีลมแรงวูบหนึ่ง ปะทะใบหน้างามของจันทมณีเทวี จนต้องยกมือขึ้นป้องลมนั้น และ ลืมตาขึ้นมอง..
ตอนนี้ ลูกธนู ฝนแสนห่า กลับปลิวเปลี่ยนทิศ กระจัดกระจาย ตามแรงลม ที่เด็กหญิง ตัวน้อย เป่าออกมา..
“เตโช..กสิณวิชา” คุณหลวงอุทานออกมาเบาๆ อย่างแปลกใจ ...
ในขณะที่มองคุณหนูดี ที่กำลังหลับตา และเป่าลม แห่งพระพุทธคุณ อย่างต่อเนื่องนั้น..
พรานเฒ่า และเหล่าควาญช้าง..ถึงกับอ้าปากค้าง มอง อัศจรรย์ที่หนูดี กระทำอยู่.. อย่างไม่เชื่อสายตา ..
ขณะเดียวกันนายแพทย์ชอ ยกไหน้ำละลายดินปูน (Zeolite) ขึ้นดื่ม อีกสองอึกใหญ่ และยื่นให้ผู้กองหนุ่ม ดื่มตาม..
“ผู้กอง..ลูกธนู..หายไป แล้ว..ดื่มกันอีกคนละสองสามอึก .. สักพัก..เราคงตื่นจากภาพหลอนนี้ แล้วละขอรับ..”
จันทมณีเทวี รู้สึกโกรธ จนดวงตาลุกโพลงแดงก่ำ และก้มหยิบลูกธนู ขึ้นมา
พร้อมกับกดกรีดเข้าบริเวณฝ่ามือ ให้เลือดของนางชะโลมลูกธนูนั้น..
จากนั้น จึงนำลูกธนูนั้น ขึ้นคันศร และโก่งคันธนูนั้นเล็งมาที่เด็กหญิงตัวเล็กๆ ที่กำลังเป่าลม อยู่ในขณะนี้..
“จงตายซะเถอะ...”
จันทมณีเทวี กล่าวออกมาอย่างเคียดแค้น ขณะปล่อยศร ออกไป..
ลูกธนู ที่พุ่งตรงไปยังคุณหนูดี ค่อยๆมีเปลวไฟลุกขึ้น และความเร็ว ก็เร่งขึ้นจนดูคล้าย เหมือนพญานกไฟยักษ์.. พุ่งบินอย่างรวดเร็ว หมายเข้า..โฉบคร่าชีวิตของคุณหนูดี..
ลมแรงที่ถูกเป่าออกมา นั้นก็ค่อยๆ แรงขึ้น ..แรงขึ้น
แต่ก็ไม่สามารถทำอะไร กับธนูดอกนี้ ที่กำลังพุ่งเข้าหาเป้า ในระยะประชิดได้..
ทันใดนั้นเอง..คุณหลวงก็บริกรรมพระคาถา.. และเขียนยันต์บางอย่างในอากาศ อย่างรวดเร็ว
ก่อนจะคว้าอากาศธาตุ ที่เขียนยันต์นั้นไว้ แล้วนำมาตบบนพื้นไม้ที่กูบนั้น..
แรงสั่นสะเทือนอันมหาศาล ค่อยๆ กระเพื่อมจากบริเวณ ที่คุณหลวงวางมือ เป็นศูนย์กลาง กระจายวง ออกไป ดั่งคลื่น และเกิดม่านแสงสว่างขนาดใหญ่ ที่ค่อยๆกระจายขยายขอบเขต พร้อม กับ เสียงระเบิดกัมปนาทออกไป ..
ความสั่นสะเทือนนั้น ทำให้ธนูไฟ นั้น หล่นลงบนพื้น ราวกับมีมือยักษ์ มาปัดลง..
ในขณะเดียวกัน แสงวาบใหญ่ นั้น ..
เป็นแสงสว่างที่ช่างแสบตา และสว่าง แสบร้อนอย่างที่สุด..จนแม้แต่จันทมณีเทวี ก็ไม่อาจจะต้านทานได้ ..
จนต้องชักช้างศึก และทัพใหญ่..ถอยค่อยๆเลือนหายไป พร้อมกับรำพึง ทางจิต ถึงคุณหลวง ว่า
“ท่านพี่ช่างใจร้ายอะไรปานนี้
..ถึงกับใช้ ยันต์มหาโสฬสมงคล 37 ช่อง หมายเผาผลาญน้อง ให้เป็นมอดไหม้ เป็นจุณ เลยกระนั้น ฤา..”
..
..
จบบทที่ 2 ตอนที่ 6
จันทมณีเทวี
#เกร็ดเพิ่มเติม
“ยันต์โสฬสมหามงคล" จัดเป็นยันต์ชั้นสูง ทำเป็นตัวเลข 3 ชั้น ชั้นนอกลงด้วยเลข 16 ตัว (โสฬส แปลว่า 16 ชั้นฟ้า มีความหมายถึงภูมิชั้นอรูปภูมิอันเป็นถิ่นที่อยู่ของพระพรหมทั้ง 16 ชั้น และหมายถึงพระพุทธคุณแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า 16 ประการ) พระมหายันต์นี้ปรากฏหลักฐานในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ทรงตั้ง "ศาลหลักเมือง" โปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญ "ยันต์มหาโสฬสมงคล" ประดิษฐานไว้ที่ส่วนยอด เพื่อนำความเจริญรุ่งเรืองและมหามงคล ณ เสาหลักเมือง
พระยันต์นี้แม้แต่ สมเด็จพระสังฆราช (แพ) ผู้เจนจบใน พระยันต์ร้อยแปด ทรงพิจารณาแล้วเห็นว่า เป็นยันต์อันวิเศษสุดกว่ายันต์ทั้งปวง พระองค์ได้นำไปประทับในพระอุโบสถของวัดสุทัศนเทพวราราม และเขียนสอดใส่ไว้ใต้หมอนหนุนศีรษะตลอดเวลา จนกระทั่งท่านมรณภาพเมื่อปี พ.ศ.2487 ลูกศิษย์จึงได้พบแผ่นยันต์มหาโสฬสมงคล วางไว้ใต้หมอนของท่าน..
#พบยันต์นี้ที่จังหวัดสงขลา,
-ป้อมปราการสี่มุมเมืองสงขลาในอดีต มีการตั้งชื่อเรียกได้แก่ ป้อมไพรีพินาศ ป้อมพิฆาตข้า​ศึก ป้อมป้องกันศัตรูและป้อมเทเวศ​
พบหลักฐานแผ่นศิลาจารึกเป็นตารางหรือลายเส้นเป็นตัวเลขและอักขระอยู่ใต้ป้อม สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นยันต์ที่เรียกว่า “ยันต์สี่” มีตัวเลขอยู่ในช่องตารางทั้ง 37 ช่อง ซึ่งหมายถึงโพธิปักขียกรรม 37 ประการ ซึ่ง ยันต์ดังกล่าวอาจสัมพันธ์กับยันต์ที่เรียกว่า “ยันต์โสฬสมหามงคล” ใช้สำหรับขับไล่ภูตผีปีศาจ..
สวัสดี และขอจบเพียงเท่านี้
ขอบคุณครับ
ร้อยเรียงข้อมูล (T.Mon)
28/6/2020

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา