2 ก.ค. 2020 เวลา 04:00 • ประวัติศาสตร์
มังกรแห่งเอจิโกะ! 'อุเอสึกิ เคนชิน' นักบุญซามูไรผู้ยิ่งใหญ่แห่งยุคเซนโกคุ
WIKIPEDIA PD
ร่วมเป็นผู้สนับสนุนให้เรามีกำลังผลิตงานต่อไปได้ทาง บัญชีกสิกรไทย
0698966939
บริษัท สโป๊คดาร์ค จำกัด
หากพูดถึงยอดขุนศึกในยุคเซ็นโกคุ หนึ่งในนั้นก็เห็นจะไม่พ้น อุเอสึกิ เคนชิน ไดเมียวผู้ได้รับฉายาว่า ‘มังกรแห่งเอจิโกะ’ เคนชินคือนักรบผู้อยู่ภายใต้ผ้าคลุมสีขาวเหนือชุดเกราะ มีความสามารถในการนำทัพ และสติปัญญาเป็นเลิศ รวมไปถึงยังประพฤติตนตามหลักคำสอนของพุทธศาสนาอย่างเคร่งครัด จนทำให้เขาได้รับการยกย่องว่าเป็น ‘บิชามอนเท็น’ เทพเจ้านักรบที่แข็งแกร่งที่สุดตามความเชื่อของชาวญี่ปุ่น
อาจฟังดูแปลกไม่น้อย ที่ขุนศึกอย่างเคนชินน่าจะคุ้นเคยกับการฆ่าฟันศัตรู ชิงไหวชิงพริบกับไดเมียวคู่แข่ง แต่กลับมีความเลื่อมใสในพุทธศาสนา ที่เรียกได้ว่าไปกันคนละทาง ที่เป็นเช่นนี้เพราะวัยเด็ก นากาโอะ คาเงโทระ (ชื่อเดิมของเคนชิน) ถูกส่งไปบวชเรียนตั้งแต่ยังเด็ก เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการแย่งชิงอำนาจของญาติพี่น้องในตระกูล เขาได้ศึกษาพุทธศาสนาจนเข้าใจอย่างลึกซึ้ง
WIKIPEDIA PD
แต่สุดท้ายเคนชินก็ต้องกลับมาสู่ทางโลก หลังจากที่ผู้รับใช้ของพ่อมาตามให้เขากลับไปช่วยเหลือตระกูล เนื่องจากคนรับใช้เก่าแก่ของตระกูลหลายคนไม่ชื่นชอบในตัว นากาโอะ ฮารุคาเกะ พี่ชายคนโตของเคนชิน ที่มีร่างกายอ่อนแอ ซ้ำร้ายยังสนใจแต่เรื่องสุรานารีมากกว่าสนใจในการปกครองบ้านเมือง
อุเอสึกิ เคนชิน ในวัย 14 ปี ที่ไม่เคยมีประสบการณ์ในการปกครองและการทำสงคราม แต่กลับสามารถแสดงฝีมือจนเป็นที่ยอมรับได้ เนื่องจากสมัยที่บวชอยู่ เขาได้รับการฝึกฝนวิชาอาวุธจากทางวัด ซึ่งในตอนนั้นวัดหลายแห่งในญี่ปุ่นได้มีการฝึกพระและสามเณรจนเป็นกองกำลังทหารขนาดย่อมเลยทีเดียว
WIKIPEDIA PD
ภายหลัง ฮารุคาเกะ พี่ชายของเคนชินป่วยหนักและถูกบีบให้ออกจากตำแหน่ง เคนชินจึงก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำตระกูล ต่อมา อุเอสึกิ โนริมาสะ ผู้ครองแคว้นเอจิโกะ กำลังมีปัญหาจากการถูกตระกูลโฮโจคุกคาม จึงตัดสินใจรับเคนชินมาเป็นบุตรบุญธรรม และทำให้เขาหันมาใช้นามสกุลอุเอสึกิและเปลี่ยนชื่อมาเป็นเคนชิน เมื่อโนริมาสะเสียชีวิตลง และเขาไม่มีทายาท จึงทำให้เคนชินก้าวขึ้นมามีอำนาจมากขึ้น และขยายดินแดนไปทั่วเอจิโกะ จนทำให้เขาได้มาพบกับคู่ปรับที่มีความสามารถทัดเทียมกันก็คือ ทาเคดะ ชินเง็น เจ้าของฉายา ‘พยัคฆ์แห่งคาอิ’ และทั้งคู่ได้ประลองฝีมือกันในสนามรบติดต่อกันเป็นเวลานานนับสิบปี จนเกิดความนับถือในฝีมือของกันและกัน และคอยช่วยเหลืออีกฝ่ายในยามยาก และไม่ฉวยโอกาสเอาเปรียบอีกฝ่ายโดยเด็ดขาด
กล่าวกันว่าในยุคเซ็นโกคุ นอกเหนือจากโนบุนากะและชินเง็นแล้ว ยังมีเคนชิน ที่ได้ชื่อว่ามีศักยภาพพอที่จะก้าวขึ้นมาครองแผ่นดินญี่ปุ่น แต่สองรายหลังอย่างชินเง็นและเคนชิน ทั้งคู่อาจได้รับการยกย่องว่าเป็นขุนพลผู้ยิ่งใหญ่ แต่ก็ไม่มีวาสนาที่จะได้ครองแผ่นดินญี่ปุ่น ดินแดนของชินเง็นอยู่ไกลจากเมืองหลวงเกียวโต เช่นเดียวกับแคว้นเอจิโกะของเคนชิน ที่ดูแล้วเป็นคนที่มีความทะเยอทะยานน้อยกว่าอีกสองคน เนื่องจากเขาเคยบวชเรียนมานาน
WIKIPEDIA PD
อย่างไรก็ตาม หลังจากชินเง็นเสียชีวิตลงเมื่อปี ค.ศ.1573 ก็ทำให้อำนาจของตระกูลทาเคดะลดลงไปอย่างมาก ในตอนนั้นเคนชินรับรู้ว่ามีศัตรูใหม่ที่น่ากลัวยิ่งกว่าชินเง็นซึ่งก็คือชายผู้ได้สมญานามว่า 'จอมมารฟ้าที่หก' อย่าง โอดะ โนบุนากะ และกองทัพทั้งสองตระกูลได้เผชิญหน้ากันในยุทธการที่เทโดริกาวะในแคว้นโนโตะ โดยภายหลังเคนชินสามารถเอาชนะการรบในการศึกครั้งนี้ได้ และเตรียมพร้อมสำหรับการทำสงครามแตกหักกับโนบุนากะ
แต่เหมือนฟ้าไม่เป็นใจ เคนชินเสียชีวิตในปี ค.ศ.1578 ด้วยอาการพิษสุราเรื้อรัง ด้วยวัยเพียง 48 ปี และความตายของเคนชินได้ทำให้ โอดะ โนบุนากะ กลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่แต่เพียงผู้เดียวในแผ่นดินญี่ปุ่นทันที
ร่วมเป็นผู้สนับสนุนให้เรามีกำลังผลิตงานต่อไปได้ทาง บัญชีกสิกรไทย
0698966939
บริษัท สโป๊คดาร์ค จำกัด
WIKIPEDIA PD
โฆษณา