3 ก.ค. 2020 เวลา 11:50 • ข่าว
ฆาตกรบาร์บี้และเคน / นักข่มขืนแห่งสการ์เบอร์โรว์
"คดีฆาตกรบาร์บี้กับเคน" เป็นคดีข่มขืนและฆาตกรรมต่อเนื่องของ "พอล เบอร์นาร์โด" (Paul Bernardo) และภรรยาของเขา"คาร์ล่า โฮโมลก้า"(Karla Homolka)
ทั้งสองเรียกได้ว่าเป็นคู่รักที่สมบูรณ์แบบ พวกเขางดงามด้วยเรือนผมสีบลอนด์ทอง และดวงตาสีฟ้าสวย แต่จิตใจของพวกเขานั้นทั้งน่ารังเกียจและน่าสะพรึ่งกลัว...
นี่เป็นหนึ่งในคดีที่น่าสะเทือนขวัญมากที่สุด จนเกิดเป็นข้อถกเถียงในประวัติศาสตร์ของประเทศแคนาดา...
นักข่มขืนแห่งสการ์เบอร์โรว์(Scarborough Rapist)
พอล เบอร์นาร์โด
ในช่วงตีหนึ่งของวันที่ 4 พฤษภาคม 1987
หญิงสาวคนหนึ่งถูกทำร้ายและข่มขืน ขณะที่เธอกำลังลงจากรถบัสใกล้บ้านเธอในเมืองสการ์เบอร์โรว์ ซึ่งอยู่ชานเมืองของโตรอนโตประเทศแคนาดา
นี่คือหนึ่งใน 24 คดีข่มขืน และพยายามข่มขืนที่ได้เกิดขึ้นในช่วงเวลา 5 ปีนั้น
เหยื่อของชายที่มีฉายาว่า“นักข่มขืนแห่งสการ์เบอร์โรว์” คือเด็กสาววัยรุ่น และหญิงสาวที่อายุไม่มากนัก
การจู่โจมมักจะเกิดขึ้นข้างนอก แต่มีคดีหนึ่งที่คนร้ายบุกเข้าไปในบ้านของเหยื่อ
การทำร้ายจะเป็นการทุบตี ด่าทอด้วยถ้อยคำที่รุนแรง และข่มขู่เหยื่ออย่างร้ายกาจทำให้เหยื่อไม่มีความกล้ามากพอที่จะไปแจ้งตำรวจ
ในวันที่ 17 พฤศจิกายน 1988
ตำรวจนครบาลโตรอนโตถูกสั่งให้ไปตามจับนักข่มขืนแห่งสการ์เบอร์โรว์
แต่ว่าการสืบสวนไม่มีอะไรคืบหน้าจนถึงเดือนพฤษภาคม 1990 เมื่อมีเหยื่อคนหนึ่งได้มาหาตำรวจพร้อมกับรูปพรรณสันฐานของผู้ที่ทำร้ายเธอ
ตำรวจจึงได้สร้างภาพเหมือนของคนร้ายขึ้นมา และกระจายภาพนั้นออกไปเป็นวงกว้าง
ในบรรดาเสียงตอบรับทั้งหมดที่ตำรวจได้รับ ชื่อของ“พอล เบอร์นาโด”คือคนที่ถูกระบุว่าเหมือนคนในรูปถ่ายมากที่สุด
ทีมสืบสวนได้ไปหาพอลที่อาศัยอยู่กับพ่อแม่ในตัวเมืองสการ์เบอร์โรว์ในตอนนั้น
พวกเขาดูสบายใจและดูไม่เหมือนผู้ต้องสงสัย
ตำรวจได้นำDNA จากเส้นผม เลือด และน้ำลายของพอลไปตรวจกับเสื้อผ้าของเหยื่อที่ถูกข่มขืน
แต่ด้วยความที่ในสมัยนั้นการตรวจDNA เป็นเรื่องที่ค่อนข้างใหม่ในแคนาดา
และศูนย์นิติวิทยาศาสตร์ในโตรอนโตมีนักวิทยาศาสตร์กับเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญอยู่เพียงอย่างละ 1 คนเท่านั้น
ในขณะเดียวกัน ตัวอย่างDNAในคดีข่มขืนกลับมีจำนวนกว่า 50,000 ตัวอย่างที่พวกเขาต้องตรวจสอบ
การตายของแทมมี่ ลีน โฮโมลก้า(Tammy Lynn Homolka)
คาร์ล่า โฮโมลก้า ฆาตกรสาวผู้เป็นพี่ของ แทมมี่ ลีน
วันที่ 23 ธันวาคม 1990
เบอร์นาโด(26ปี) ได้หมั้นกับคาร์ล่า โฮโมลก้า(20ปี) และอาศัยอยู่กับครอบครัวของฝ่ายหญิงที่เมืองเซนต์ แคทเธอรีนส์ ออนตาริโอ
ในบ่ายวันนั้น ขณะที่พ่อแม่โฮโมลก้าและน้องสาวที่ชื่อโลริกำลังหลับอยู่
คาร์ล่าร่วมมือกับพอลในการวางยาน้องสาวคนเล็ก “แทมมี่ ลีน” วัย15ปี เพื่อที่พอลจะได้ข่มขืนเธอ
โดยมีคาร์ล่าอยู่ด้วยพร้อมกับอัดคลิปวิดีโอในขณะที่น้องสาวแท้ๆของเธอถูกกระทำอย่างโหดร้าย
เช้าวันที่ 24 ธันวาคม แทมมี่ยังคงหมดสติ เธออาเจียนออกมาและหยุดหายใจ
พอลกับคาร์ล่าแต่งตัวให้แทมมี่ และอุ้มเธอไปนอนบนเตียงในห้องนอนของเธอ
พวกเขาเก็บกวาดจุดเกิดเหตุ ซ่อนเทปวิดีโอคาสเซ็ตที่ถ่ายเอาไว้ ก่อนจะโทรเรียกเบอร์ฉุกเฉิน911
หลังจากนั้นรถพยาบาลก็ได้มารับตัวแทมมี่ไปยังโรงพยาบาล St. Catharines General Hospital ซึ่งเป็นสถานที่ที่เธอถูกระบุว่าเสียชีวิตแล้ว
ตำรวจสอบถามพอลและคาร์ล่าเรื่องของรอยไหม้แปลกๆที่พบบนใบหน้าของแทมมี่
พอลกล่าวถึงบาดแผลนั้นว่า“มันเกิดจากพรมไหม้ที่แทมมี่ไปโดนเข้าตอนที่ผมกำลังลากเธอกลับขึ้นห้องนอนของเธอ” และตำรวจก็เชื่อ
แต่ในความเป็นจริงแล้วมันเกิดจากยาชาที่เรียกว่าฮาโลเทน(Halothane)ซึ่งก็คือยาสลบนั่นเอง
พวกเขาใช้ยานี้กับเสื้อ แล้วโปะลงไปที่ใบหน้าของแทมมี่เพื่อให้ยาได้ทำงานเมื่อเธอสูดดมเข้าไป
ผลการชันสูตรออกมาว่า แทมมี่ขาดอากาศหายใจจนตายจากการอาเจียนหลังจากที่ดื่มแอลกอฮอล์เกินขนาด
การฆาตกรรมเลสลีย์ มาฮาฟฟี (Leslie Mahaffy Murder)
ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 1991
พอลและคาร์ล่าย้ายไปอยู่บังกาโลในพอร์ท ดาลูซีย์(Port Dalhousie) ออนตาริโอ
พวกเขาแต่งงานกันในวันที่ 29 มิถุนายน และในวันเดียวกันนั้น เรือของชาวประมงในแม่น้ำกิบสัน(Lake Gibson) ได้เจอกับก้อนคอนกรีตที่ห่อหุ้มแขน ขา เท้า และหัวของมนุษย์เอาไว้ข้างใน
หลังจากนั้นหนึ่งวันชายอีกคนก็ได้พบกับร่างมนุษย์ที่ลอยอยู่ในน้ำ
จากการตรวจสอบพบว่าเจ้าของร่างคือเลสลีย์ มาฮาฟฟี่ วัย 14 ปี อาศัยอยู่ที่เบอร์ลิงตัน ออนตาริโอ
พ่อแม่ของเธอได้เข้าแจ้งความคนหายไปตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายน
ในขณะที่ตำรวจกำลังสืบสวนคดีนี้ พอลและคาร์ล่ากำลังฮันนีมูนกันอยู่ที่ฮาวาย
ตำรวจตามหาเบาะแสในคดีของเลสลีย์ โดยไม่ได้สงสัยเลยว่าคดีนี้จะเชื่อมโยงกับคดีนักข่มขืนแห่งสการ์เบอร์โรว์
ในขณะเดียวกันการตายของแทมมี่กลับไม่ได้ถูกสืบสวนเสียด้วยซ้ำ
หลังจากนั้นเกือบๆหนึ่งปีต่อมา ในเดือนเมษายน1992 ตำรวจท้องถิ่นแห่งไนแองการ่าได้ขอความช่วยเหลือจากFBI
การฆาตกรรมคริสเตน เฟรนช์ (Kristen French Murder)
ในวันที่ 30 เมษายน 1992
ศพของหญิงสาวคนหนึ่งถูกพบอยู่ในคูน้ำตามท้องถนนของชนบทบนทางตอนเหนือของเบอร์ลิงตัน
เจ้าของร่างนี้มีชื่อว่า"คริสเตน เฟรนช์" วัย 15 ปี ใบหน้าของเธอถูกทำลายผมของเธอถูกโกนออก
พ่อแม่ของคริสเตนได้แจ้งความคนหายในวันที่ 16 เมษายน
โดยรองเท้าของคริสเตนถูกพบตกอยู่หนึ่งข้าง ในลานจอดรถที่"โบสถ์ เกรซ ลูเธอร์แลน" (Grace Lutheran Church) ซึ่งเป็นสถานที่ที่เธอต้องเดินผ่านทุกวันเพื่อไปและกลับจากโรงเรียน
หลังจากนั้นได้มีพยานมาให้ปากคำว่าพบเห็นการต่อสู้กันในลานจอดรถตอนกลางวัน ในวันเดียวกันนั้น
โดยพยานบอกว่าเห็นคนสองคนบังคับให้เด็กผู้หญิงคนหนึ่งขึ้นรถ "เชฟโรเล็ต คาเมโรสีครีม"
ตำรวจจึงไปสืบสวนต่อที่ลานจอดรถแห่งเดิมแห่งนั้น จนได้พบเจอกับชิ้นส่วนของแผนที่ เมืองสการ์เบอร์โรว์ และเส้นผมสีน้ำตาลหนึ่งกำมือ
ตำรวจจึงเริ่มลงมือค้นหารถเชฟโรเล็ตคาเมโรคันสีครีม
แต่นั่นเป็นเรื่องที่ผิดพลาดเพราะความจริงแล้วรถของพอลเป็นนิสสันสีทองต่างหาก
การจับกุม
วันที่ 6 มกราคม 1993
คาร์ล่าถูกส่งตัวไปยังโรงพยาบาล"St. Catharines" หลังจากที่ถูกพอลทุบตีอย่างรุนแรงด้วยไฟฉาย
พอลจึงถูกจับด้วยข้อหาทำร้ายร่างกายโดยใช้อาวุธ ก่อนจะถูกประกันตัวออกมา
หลังจากนั้นคาร์ล่าก็ไม่กลับไปบ้านที่พวกเขาอยู่ร่วมกันในพอร์ต ดาลูซีย์อีกเลย
หนึ่งเดือนต่อมา ในที่สุดผลการตรวจDNAก็ออก ตำรวจจึงรีบจับพอล เบอร์นาโดทันที
ส่วนคาร์ล่านั้นให้ความร่วมมือกับตำรวจเป็นอย่างดี
หลังจากที่เธอได้ทำการปรึกษากับทนายของเธอแล้ว เธอได้ตัดสินใจเป็นพยานฝ่ายตรงข้ามกับพอล ทำให้เธอได้รับการคุ้มครอง
อัยการสูงสุดแห่งออนตาริโอไม่ค่อยเห็นด้วยกับการปกป้องคาร์ล่าเท่าไหร่นัก แต่ยินดีที่จะลดโทษที่เธอจะต้องได้รับให้
ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ พอลถูกจับกุมในข้อหาฆาตกรรมเลสลีย์ มาฮาฟฟี่ กับคริสเตน เฟรนช์ และคดีข่มขืนที่สการ์เบอร์โรว์
คาร์ล่าอยู่ภายใต้การสอบสวนเป็นเวลากว่า 4 วัน
เธอโทษว่าการตายของแทมมี่น้องสาวของเธอเป็นฝีมือของพอล อธิบายวิธีที่พอลลักพาตัวเลสลีย์จากสวนในบ้านของเธอเอง และวิธีที่เขาล่อลวงคริสเตนจากลานจอดรถ
เธอกล่าวว่าเด็กสาวสองคนนั้นถูกใช้เป็นทาสอารมณ์ก่อนที่พอลจะรัดคอพวกเธอจนตาย
คริสเตนถูกบังคับให้นั่งดูรายการโทรทัศน์ที่กำลังถ่ายทอดสดคำพูดแสนสะเทือนใจของพ่อของเธอที่กำลังอ้อนวอนขอให้คริสเตนลูกสาวของตนได้กลับบ้านมาอย่างปลอดภัย
นอกจากนี้คาร์ล่ายังบอกว่าพอลเคยอวดกับเธอว่าเขาข่มขืนผู้หญิงไปไม่น้อยกว่า 30 คน
คาร์ล่าบอกว่าเธอเป็นภรรยาที่ถูกทำร้ายถูกบังคับให้มีส่วนร่วมในการกระทำของสามีโดยไม่เต็มใจ และต้องอาศัยอยู่อย่างหวาดกลัวกับเขา
จากการค้นบ้านของพวกเขา ตำรวจได้พบกับหลักฐานมากมาย ไม่ว่าจะเป็นลิสต์ของการข่มขืนสการ์เบอร์โรว์ หนังสือเกี่ยวกับเรื่องเพศ มีดล่าสัตว์ กุญแจมือ และวิดีโอเทปของคาร์ล่าและพอลที่กำลังข่มขืนเด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ
คาร์ล่าไม่ได้แก้ตัวใดๆ เธอยอมรับทุกข้อกล่าวหา เธอยังสารภาพอีกด้วยว่าเด็กสาวเหล่านั้นถูกวางยาจึงไม่รู้ตัวว่าถูกข่มขืน
คาร์ล่า โฮโมลก้าที่ยอมรับผิดและให้ความร่วมมือกับตำรวจเป็นอย่างดี ถูกตั้งข้อหาเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดในคดีฆาตกรรมสองคดี
เธอถูกจำคุก 12 ปี ควบคู่ไปกับการทำบำเพ็ญประโยชน์ แต่อาจจะเป็นเพราะว่าเจ้าหน้าที่พบวิดีโอเทปอันเป็นหลักฐานไม่หมดเธอจึงได้รับโทษเพียงแค่นี้
ในวันที่ 6 พฤษภาคม 1993
ทนายของพอล เบอร์นาโด ได้นำเทป 6 ม้วนที่ถูกซ่อนอยู่ในบ้านของพอลออกมาแต่ไม่ยอมนำไปให้ตำรวจ
จนในวันที่ 22 กันยายน 1994 ตำรวจได้เทปนั้นมา
ในเทปนั้นมีหลักฐานในการทำร้ายและข่มขืนเหยื่ออยู่หลายราย ทำให้คดีนี้กลายเป็นคดีที่รุนแรงอย่างมาก และเป็นที่จับตามองของคนทั่วทั้งทวีปอเมริกาเหนือ
และแน่นอนว่าผู้คนได้ตั้งคำถามอย่างหนักกับโทษของคาร์ล่า ที่เบาเกินไปอย่างมากเมื่อเทียบกับความเลวร้ายที่เธอได้กระทำลงไป
18 พฤษภาคม 1995
พอล เบอร์นาโดมีความผิดตามข้อกล่าวหาทุกข้อ
เขาต้องจำคุกตลอดชีวิต และถูกประกาศว่าเป็นผู้กระทำผิดร้ายแรงอีกด้วย
ท้ายที่สุดแล้ว คดีของคู่รักนี้ได้ส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อครอบครัวของเหยื่อ และตัวของเหยื่อเอง
วิดีโอเทปที่เป็นหลักฐานทั้งหมดได้ถูกทำลายทิ้ง
และทนายความของพอล เบอร์นาโดได้ถูกจับข้อหาพยายามปกปิดความผิด
คาร์ล่า โฮโมลก้า ถูกปล่อยตัวออกมาจากคุกในปี 2005
โดยต้องอยู่ในขอบเขตที่ผู้พิพากษากำหนดให้ รวมไปถึงการจำกัดพื้นที่ที่เธอจะสามารถไปได้ และห้ามไม่ให้เธอติดต่อสื่อสารหรือพูดคุยกับใครก็ตามที่อายุต่ำกว่า 16 ปี
แต่สุดท้ายแล้วขอบเขตเหล่านี้ก็ถูกยกเลิกไปโดยผู้พิพากษาคนใหม่ในเดือนต่อมา
เธอได้ย้ายหนีไปตั้งรกรากถิ่นฐานที่มอนทรีออล และให้กำเนิดลูกชายในปี 2007
คาร์ล่า โฮโมลก้าเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น เลอานน์ บอร์เดอเลซ์ และย้ายไปอยู่กับสามีคนใหม่ที่กัวเดอลูปพร้อมกับลูกอีก 3 คน จนกระทั่งในปี 2012 เธอถูกจับได้โดยนักข่าวแคนาดาที่กัวเดอลูป เธอจึงย้ายไปอยู่ที่ควิเบก
ส่วนตัวของพอล เบอร์นาโดอดีตสามีนั้นยังคงถูกจำคุกอยู่จนถึงทุกวันนี้ โดยไม่มีทีท่าว่าจะถูกปล่อยตัวออกมา...
และท้ายที่สุดนี้ ผู้เขียนขอแสดงความเสียใจต่อเด็กสาวผู้บริสุทธิ์ทั้งสามที่ต้องมาเสียชีวิตอย่างโหดร้ายและครอบครัวของพวกเธอที่ต้องเศร้าโศกจากการจากไปของผู้เป็นที่รัก รวมไปถึงเหยื่อรายอื่นๆที่รอดมาได้แต่ต้องใช้ชีวิตกับแผลใจที่ไม่มีวันจางหายไปตลอดชีวิต ขอให้ทุกคนเข้มแข็ง และ RIP ค่ะ
เหล่าผู้เสียชีวิต

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา