21 มิ.ย. 2020 เวลา 13:00 • ประวัติศาสตร์
The Soap-Maker of Correggio
นักทำสบู่แห่งกอร์เรจโจ้
The Soap-Maker of Correggio หรือ "นักทำสบู่แห่งกอร์เรจโจ้" มีชื่อที่แท้จริงว่า "เลโอนาร์ด้า ชานชูลลี่"(Leonarda Cianciulli)
และนี่คือเรื่องราวของเธอ.....
เลโอนาร์ด้าเกิดในเมืองมินเตลล่า ดิ อเวลลิโน่ ในปี1893
ชีวิตในวัยเด็กของเธอไม่ค่อยมีความสุขนัก
ในปี1914 เลโอนาร์ด้า ชานชูลลี่แต่งงานกับรัฟฟาเอล ปานซาร์ดิ และย้ายไปอาศัยอยู่ด้วยกันที่ลาเรียโน่ จนกระทั่งในปี1930 ได้เกิดแผ่นดินไหวขึ้นทำให้บ้านของทั้งสองเสียหาย ทั้งคู่จึงย้ายไปอยู่ที่กอร์เรจโจ้
เลโอนาร์ด้าเคยตั้งครรภ์ถึง 17 ครั้งด้วยกัน แต่ว่าเธอแท้งถึงสามครั้ง
และลูกของเธออีกสิบคนก็เสียชีวิตตั้งแต่ยังเล็กๆ
เธอมีลูกที่เหลือรอดอยู่เพียงแค่ 4 คนเท่านั้น และเธอจะปกป้องพวกเขาด้วยทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอมี.....
ลีโอนาร์ด้าได้ไปหาหมอดูสองคน และคำทำนายจากหมอดูทั้งสองคนนี้ จะทำให้ชีวิตของลีโอนาร์ด้าเปลี่ยนเธอไปตลอดกาล....
“เธอจะแต่งงานและมีลูก แต่ลูกๆของเธอจะตาย”
“ในมือขวาของเธอฉันเห็นคุก
ในมือซ้ายของเธอฉันเห็นโรงพยาบาลบ้าสำหรับอาชญากร”
เรื่องราวในคำทำนายได้เริ่มต้นขึ้นในช่วงสงครามโลกครั้งที่2 ปี1939...
อย่างที่หลายๆคนทราบกันดีว่าประเทศอิตาลีนั้นเป็นหนึ่งในตัวละครเด่นของสงครามครั้งนี้ในฐานะของประเทศอักษะ และด้วยเหตุนี้เองทำให้“จูเซปเป้” ลูกชายคนโตของเลโอนาร์ด้าต้องเข้าร่วมกับกองทัพ ทำให้เลโอนาร์ด้าวิตกกังวลเป็นอย่างมาก เธอกลัวว่าลูกชายของเธอจะไม่ได้กลับมา เธอกลัวว่าคำทำนายของแม่หมอจะเป็นจริง
เธอจึงได้เริ่มต้นสิ่งที่เธอคิดว่าจะช่วยชีวิตลูกชายของเธอได้
นั่นก็คือการ“บูชายัญมนุษย์” อีกนัยย์หนึ่งก็คือการพรากชีวิตของผู้อื่นมาเพื่อแลกกับชีวิตของลูกชายตนเองนั่นเอง
และวิธีเลือกเหยื่อของเธอก็เรียบง่าย โดยเลโอนาร์ด้าตัดสินใจทำอาชีพเป็นแม่หมอเสียเอง โดยรับให้คำปรึกษากับเพื่อนบ้านในระแวกนั้น
เพื่อนบ้านที่มาขอความช่วยเหลือจากเธอบ่อยๆ จะเป็นหญิงสาววัยกลางคนจำนวนสามคน
....และพวกเธอนั่นแหละคือเหยื่อของลีโอนาร์ด้า...
ภาพเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายของเลโอนาร์ด้า โดยเริ่มจากเหยื่อรายแรกคือโฟสติน่า(ภาพกลาง) ต่อด้วยเคลเมนติน่า(ภาพริมขวา) และคนสุดท้ายวีร์จิเนีย(ภาพริมซ้าย)
โฟสติน่า เซ็ตติ [Faustina Setti]
โพสติน่าเป็นเหยื่อรายแลกของเลโอนาร์ด้า
เธอเป็นหญิงโสดวัยกลางคน เธอมาหาเลโอนาร์ด้าเพื่อขอความช่วยเหลือในการหาคู่ชีวิต
เลโอนาร์ด้าบอกกับโฟสติน่าว่ามีชายหนุ่มที่เหมาะกับเธอมากๆ ที่เมืองโพล่า ประเทศโครเอเชีย
แต่เธอได้กำชับไม่ให้โฟสติน่าบอกเรื่องนี้กับใคร
นอกจากนี้เลโอนาร์ด้ายังให้โฟสติน่าเขียนจดหมายก่อนที่เธอจะไป เพื่อแจ้งกับเพื่อนๆและครอบครัวว่าเธอปลอดภัยดี
แต่จดหมายนี้ต้องส่งหลังจากที่เธอไปถึงโพล่าแล้วเท่านั้น
ก่อนที่จะออกเดินทาง โฟสติน่าต้องเดินทางไปหาเลโอนาร์ด้าก่อน
เลโอนาร์ด้าเสนอไวน์ให้กับเธอหนึ่งแก้ว แน่นอนว่านั่นไม่ใช่ไวน์ธรรมดา….
เลโอนาร์ด้าวางยาโฟสติน่า ฆ่าเธอด้วยขวาน
หั่นร่างของเธอออกเป็นเก้าส่วน
และนำเลือดของเธอทั้งหมดไปรวมไว้ในอ่าง
“ฉันโยนชิ้นส่วนพวกนั้นลงในหม้อ
ใส่โซดาไฟที่ฉันซื้อมาเพื่อทำสบู่ลงไปเจ็ดกิโลกรัม
คนให้ส่วนผสมทั้งหมดจนกว่าส่วนผสมทั้งหมดจะละลายกลายเป็นเนื้อเดียวกัน
ฉันเทมันลงไปในถังหลายถัง ก่อนจะไปล้างถังบำบัดน้ำเสียที่อยู่ใกล้เคียง
ในส่วนของเลือดที่ยังอยู่ในอ่าง ฉันรอให้มันจับตัวกันเป็นก้อน
เอาไปทำให้แห้งในเตา
เสร็จแล้วก็เอาออกมาผสมกับแป้ง น้ำตาล ช็อกโกแล็ต นม ไข่ และมาร์การีนนิดหน่อย
นวดส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน
แล้วทำออกมาเป็นเค้กน้ำชากรุบกรอบแสนอร่อย เพื่อแจกจ่ายให้กับสาวๆที่มาเยี่ยม รวมไปถึงจูเซปเป้และตัวฉันเองก็กินมันเหมือนกัน”
นอกจากนี้เลโอนาร์ด้ายังได้รับเงินค่าบริการจากโฟสติน่าอีก30,000ลีร่า
ฟรานเชสก้า โซอาวี [Francesca Soavi]
ฟรานเชสก้าถูกเลโอนาร์ด้าหลอกว่าหางานให้เธอทำได้ที่โรงเรีียนหญิงล้วนในพีอาเซนซ่า
แต่ห้ามบอกใครเรื่องนี้ เขียนจดหมายเตรียมเอาไว้
และส่งในวันที่เธอเดินทางไปถึงจุดหมายแล้ว
แต่สุดท้ายแล้วเธอก็ไม่ได้ไปไหนทั้งนั้น
เพราะในวันเดินทางของเธอ เธอถูกกระทำเช่นเดียวกับโฟสติน่าเสียก่อน
เลโอนาร์ด้า ได้รับเงิน3,000ลีร่า จากเหยื่อรายนี้
วีร์จิเนีย กาชอปโป [Virginia Cacioppo]
วีร์จิเนียเป็นอดีตนักร้องโอเปร่า วัย53ปี
เธอใช้ชีวิตในกอร์เรจโจ้กับเงินทองที่เริ่มลดน้อยลงทุกวันๆ
เธอจึงไปขอความช่วยเหลือจากเลโอนาร์ด้า โดยเลโอนาร์ด้าได้อ้างว่าเธอมีงานให้วีร์จิเนียทำที่ฟลอเรนซ์ ภายใต้ข้อตกลงที่ว่าเธอห้ามบอกใคร
และหลังจากที่เธอตกลงกับข้อเสนอนี้ ในวันที่30 กันยายน 1939 วีร์จิเนียได้พบจุดจบที่ไม่แตกต่างจากเหยื่อสองคนแรกเท่าไหร่นัก ลีโอนาร์ด้าเปลี่ยนวีร์จิเนียให้กลายเป็นสบู่แท่ง ซึ่งสบู่แท่งเหล่านี้เธอได้นำไปแจกจ่ายให้กับผู้คนมากมาย
“เธอจบชีวิตลงในหม้อเหมือนกับสองคนแรก เนื้อของเธอทั้งอ้วนและขาว
เมื่อมันละลายฉันผสมโคโลญลงไป หลังจากที่ต้มนานจนได้ที่แล้ว ฉันได้ทำสบู่ที่ละมุนที่สุดเท่าที่เคยทำมา ฉันเอาสบู่แท่งพวกนี้ไปแจกจ่ายให้กับเพื่อนๆด้วย นอกจากวีร์จิเนียยังเป็นเค้กที่อร่อยที่สุด เธอเป็นผู้หญิงที่หวานมาก”
เลโอนาร์ด้าได้รับเงินจำนวน50,000ลีร่าจากวีร์จิเนีย และยังขโมยเครื่องประดับเพชรพลอยของเธอไปอีก
การจับกุม
ในปี 1946 หญิงสาวคนหนึ่งสงสัยในการหายตัวไปของ “วีร์จิเนีย กาชอปโป้” ผู้เป็นพี่สะใภ้ของเธอ
เธอจึงเดินทางไปหาตำรวจเพื่อแจ้งว่าพี่สะใภ้ของเธอหายตัวไป
และบ้านของเลโอนาร์ด้าคือที่สุดท้ายที่วีร์จิเนียไปก่อนจะไม่มีใครพบเห็นอีก
ทันทีที่ตำรวจสอบปากคำเลโอนาร์ด้า เธอยอมรับทุกข้อกล่าวหาในทันที
เธอถูกจับคุมขังเป็นเวลา 30 ปีในคุก
และอีก 3 ปีในโรงพยาบาลจิตเวชของอาชญากร
เลโอนาร์ด้า ชานชูลลี่ จบชีวิตลงในวันที่ 15 ตุลาคม 1970 ด้วยอาการเส้นโลหิตในสมองแตก ในโรงพยาบาลจิตเวช
ในปัจจุบันนี้ อุปกรณ์และข้าวของที่เธอใช้ในการก่อคดียังคงถูกเก็บรักษาเอาไว้ที่ “พิพิธภัณฑ์อาชญาวิทยา” กรุงโรม ประเทศอิตาลี
จะว่าไปแม่หมอคนที่สองนี่ทำนายแม่นมากๆเลยนะคะเนี่ย(....
และสำหรับใครที่สงสัยว่าจูเซปเป้เป็นอย่างไรบ้าง
จูเซปเป้ไม่ได้ตายในสงคราม ส่วนรายละเอียดใดๆผู้เขียนเองก็หาไม่เจอเช่นกันต้องขออภัยด้วยนะคะ
และนี่คือภาพของจูเซปเป้ที่ขึ้นศาลในคดีของแม่ของเขา ซึ่งเป็นหลักฐานยืนยันได้ว่าเขาไม่ได้ตายในสงคราม

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา