3 ก.ค. 2020 เวลา 11:00 • กีฬา
จุดเริ่มต้นในสีเสื้อทีมชาติ ของ "ชนาธิป สรงกระสินธ์"
การแข่งขันฟุตบอลเจลีก ญี่ปุ่น พร้อมที่จะกลับมาระเบิดความมันกันอีกครั้งในวันพรุ่งนี้ 4 กรกฎาคม หลังจากต้องหยุดแข่งขันไปนานหลายเดือน เนื่องจากเจอพิษโควิด-19 เล่น
งาน
ซึ่งไฮไลท์ที่สำคัญต้องมาจับตาดูว่า 4 แข้งไทยที่ไปค้าแข้งอยู่ในดินแดนปลาดิบจะสามารถลงสนามครบทั้ง 4 คน หรือไม่ แฟนๆฟุตบอลอย่าลืมติดตามกัน โดยเริ่มตั้งแต่เวลา
16.00 น. เป็นต้นไป
สำหรับหนึ่งในนักเตะที่ถูกจับตามองเป็นอย่างมากคงหนีไม่พ้น “เมสซี่เจ” ชนาธิป สรงกระสินธ์ ที่เข้าสู่ฤดูกาลที่ 4 แล้วที่มิดฟิลด์ตัวรุกทีมชาติไทยได้ไปโลดแล่นอยู่บนลีกสูงสุดของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งต้องบอกว่าเจ้าตัวนั้นยกระดับฝีเท้าได้ดีขึ้นในทุกๆปีที่ผ่านมา
“ผมฝันมาตลอดว่า สักวันหนึ่งผมจะต้องมาเล่นที่ เจลีกญี่ปุ่น ให้ได้และการได้ลงเล่นใน ACL เป็นสิ่งที่นักเตะหลายคนใฝ่ฝัน เพราะมันคือโอกาสที่จะได้ดวลกับทีมชั้นนำของ
ทวีปเอเชีย” คำกล่าวของมิดฟิลด์ร่างเล็กจนถูกเพจ ACL ยกเป็นประโยคเด็ดประจำวัน
แต่สำหรับเรื่องราวในสีเสื้อทีมชาติไทยของ ชนาธิป สรงกระสินธ์ ในการลงเล่นให้ทีมชาติไทยชุดใหญ่นัดแรกภายใต้การคุมทัพของวินฟรีด เชเฟอร์ ที่ได้เห็นแววดาวเตะร่างเล็กทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมกับทีมชาติไทยรุ่นอายุไม่เกิน 19 ปีจนถูก "วินนี่" เรียกมาติดทัพช้างศึกชุดใหญ่เป็นครั้งแรกคิงส์คัพเมื่อปี 2012 และทำให้เขากลายเป็นผู้เล่นที่มีอายุน้อยที่สุด
"ความรู้สึกตอนนั้นผมและครอบครัวภูมิใจมากเพราะเราอายุแค่ 19 ปีได้ติดชุดใหญ่แล้วจากนั้นก็มาติดซูซูกิคัพปลายปีด้วย เหมือนฝันที่เป็นจริงเลย” ชนาธิปกล่าว
จากนั้นเขาเริ่มสร้างชื่อเสียงเพิ่มมากขึ้นในการเป็น 1 ใน 23 ขุนพล ที่ได้โอกาสลงสนามอีกครั้งหนึ่งในนัดชิงชนะเลิศนัดที่ 2 พบกับทีมชาติสิงคโปร์ แม้ผลการแข่งขันจะจบลงความชอกช้ำให้แฟนบอลชาวไทยรวมไปถึงพลพรรคช้างศึก เมื่อทีมชาติไทยแพ้สกอร์รวมให้กับ สิงคโปร์ ในรอบชิงชนะเลิศ อย่างไรก็ตามสิ่งที่ได้กลับมาที่ไม่มีใครคาดคิดโดยเฉพาะนักเตะดาวรุ่งสายเลือดใหม่ที่ไม่มีใครโดดเด่นไปกว่า “เมสซี่เจ” ชนาธิป สรงกระสินธุ์ แข้งวัย 19 ปี (ในเวลานั้น) เจ้าของส่วนสูง 157 เซนติเมตร ที่หลอกแข้ง “เมอร์ไลออนส์” หลังหักคนแล้วคนเล่า จนมันสะใจแฟนลูกหนังไทยเหลือเกิน
เบื้องหลังอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จ คือ โค้ชคนแรกในชีวิตอย่าง ก้องภพ สรงกระสินธ์ แม้พ่อเขาจะเล่นบอลไม่เก่งแบบเจ แต่พ่อก็ทุ่มเทหาแบบฝึกต่างๆมาซ้อมให้กับลูกชาย “พ่อบอกให้เขาซ้อมหนักทุกวัน เพื่อปิดจุดอ่อนในเรื่องของรูปร่าง และใช้เทคนิคความสามารถเฉพาะตัวมาทดแทน” คำสอนที่พ่อของเขาพร่ำสอนลูกชาย
“พรสวรรค์เพียงอย่างเดียว ไม่ได้ทำให้เราเก่งแต่การฝึกตั้งหากที่จะพาเราไปพบกับพรแสวง” กองกลางทีมชาติไทย
วันนี้ ชนาธิป สรงกระสินธ์ ได้กลายเป็นนักเตะเบอร์ 1 ของประเทศไทยที่ประสบความสำเร็จอย่างมากมายและเป็นนักเตะที่ทั่วเอเชียให้การยอมรับกับมิดฟิลด์ตัวรุกรายนี้
โฆษณา