5 ก.ค. 2020 เวลา 11:30 • ท่องเที่ยว
'กิน-เที่ยว'...ตามวิถีชาวสุราษฎร์ฯ
รายชื่อ "ของอร่อยสุราษฎร์ธานี" ลอยขึ้นมาอยู่ในหัว เช่น เกี๊ยวปลา ปลาม้วน โล่งโต้ง (ชื่อร้าน) ขนมกะทิแบบไทย หลนไตปลา อาหารทะเลตรงปากแม่น้ำตาปี เป็นต้น เวลามาเที่ยวแบบแผนการไม่มี ส่วนใหญ่จะเจอของดีแบบไม่คาดคิดเสมอ...
บทความ / ภาพ โดย สิรินทร์ วงศ์พานิช I กรุงเทพธุรกิจ
'กิน-เที่ยว'...ตามวิถีชาวสุราษฎร์ธานี
ตอนวางแผนเที่ยวล่องใต้ นึกถึง "หาดสิชล" ที่ยาวสวยของนครศรีธรรมราช แต่ก็อ่านเจอข่าวกลุ่มนักท่องเที่ยวชอบใช้ชายหาดเงียบ ๆ เป็นแหล่งปาร์ตี้ส่วนตัว เปิดเพลงลั่น กินข้าวกันข้ามคืน ก็เลยเปลี่ยนแผนมาพักที่ "สุราษฏร์ธานี" แทน
ใจกลางเมืองสุราษฎร์ธานี
ใครมาสุราษฎร์ฯ มักนึกถึงเกาะสมุย เกาะพะงัน แต่การมาเที่ยวด้วยตัวเองแบบจริงจังก็เที่ยวในเมืองได้
เราเลือกโรงแรมในตลาด เป็นโรงแรมเก่าทำใหม่ให้สะอาดสดใสขึ้น แต่ก็ยังเป็นโรงแรมแบบ Budget ห้องเล็ก ๆ ไม่มีอะไรมาก แต่ทุกอย่างสะอาดดี สมราคา พออยู่ได้ค่ะ
ที่ดีมากคือตรงนี้อยู่ใจกลางเมือง ร้านเกี๊ยวปลาที่อยากจะกินมาก ๆ อยู่ด้านหน้าโรงแรม ร้านนี้เปิดเช้า ปิดเร็ว เพราะคนเยอะตลอดเวลา เราทานอาหารเช้ากันมื้อแรกที่นี่ ไปถึงร้านคือก่อน 9.00 น. คนรอเต็มร้านแล้ว ทีเด็ดของเขาคือปลาม้วน ใช้เนื้อปลาเป็นชิ้น ๆ มาม้วนไส้คึ่นช่าย ที่กรุงเทพฯ ไม่มีแบบนี้นะคะ นอกนั้นก็เกี๊ยวปลา ลูกชิ้นปลา อร่อยดี แต่ที่สุดในใจคือ ปลาม้วน ค่ะ
ปลาม้วน
ร้านอาหารเช้าของสุราษฎร์ฯ มีมากมาย อยากลองมากเป็นอันดับสองคือ ร้านไข่ดาว ที่ห่างออกไปไม่ไกล เดินย่อยเกี๊ยวปลาไปได้กำลังดี ร้านนี้ขายอาหารเช้าที่มันย่องแต่อร่อยเด็ดดวงแบบต่าง ๆ เช่น ไข่ดาว หมูทอด ไส้กรอกทอด แฮม ขนมปังหน้าหมู หมูสับห่อฟองเต้าหู้ทอด ขนมปังปิ้ง โจ๊กหมู และ ข้าวหมูทอดแบบไทยโปะไข่ดาว ก็มี เราทานชุดอาหารเช้าแบบคลาสสิกกันพอเป็นพิธีคนละชุดพอ แต่ขอสั่งขนมปังปิ้งมาเพิ่มเติม กาแฟที่นี่แก้วเล็ก เลยกินไปสอง อิ่มท้องจิแตก ตอนนี้พร้อมมากแล้วค่ะสำหรับการเดินเล่นในเมือง
เที่ยว-กิน...วิถีชาวเมือง
วิถีของชาวเมืองสุราษฎร์ฯ ก็น่าจะเหมือนกันกับชาวเมืองที่มีบ้านอยู่ริมน้ำที่ภาคใต้ของไทย แม่น้ำหลักคือ แม่น้ำตาปี พื้นที่เมืองตรงนี้ก็คือปากแม่น้ำขนาดใหญ่ที่อยู่ไม่ไกลจากทะเลนัก ริมแม่น้ำไม่ไกลจากเมืองเป็นพื้นที่สาธารณะ
สะพานโค้งที่ตลาดเก่า
วันแรกที่มาถึง เรามาเดินเล่นสำรวจพื้นที่ เห็นว่ามีคนท้องถิ่นออกมาเต้นออกกำลังกายเยอะมาก แถมยังแบ่งเป็นกลุ่มตามเพลงตามจังหวะ เนิบช้าอยู่ส่วนนึง ฮาร์ดร็อกหัวสั่นก็อยู่อีกส่วน อยู่ใกล้กัน ได้ยินเพลงของกันและกัน แต่ไม่ข้ามเขตกันค่ะ ขณะเดินเรื่อยเปื่อยอยู่ มีคุณพี่เจ้าของเรือนำเที่ยวมาชวนให้ไปล่องเรือชมแม่น้ำ ชุมชนร้อยสาย ซุ้มจากที่ใคร ๆ ที่มาสุราษฎร์ก็ต้องมาเช็คอิน คิดไม่แพงค่ะ มาสองคนคิดคนละ 150 บาท (รวม 300 บาท) เลยขอเบอร์เขาไว้แล้วโทรไปจอง ได้คิวมาตอนเย็น ๆ วันนี้
ยามเย็นที่แม่น้ำตาปี
เราไม่มีแผนการอะไรนัก นั่งดูแผนที่มือถือเห็นว่า วัดไทร อยู่ไม่ไกลนัก เลยเดินไปเที่ยวกันก่อนค่ะ
ภายนอกวัดไทรอาจจะไม่ต่างอะไรกับวัดไทยทั่วไปนัก แต่พอได้เดินเรื่อยเปื่อยเข้ามาด้านใน สิ่งที่เห็นคือศาลากลางเปรียญไม้สองชั้น คือดูแปลกตาไม่เหมือนที่ไหน หาดูออนไลน์ทันทีเลยได้ใจความว่า นี่คืออาคารไม้เก่าแก่มากอายุกว่า 100 ปี ที่ชาวชุมชนวัดไทรร่วมกันอนุรักษ์ไว้เพื่อเป็นหลักฐานสำคัญทางประวัติศาสตร์ ก็ปรากฏว่าในขณะที่เรากำลังกระหน่ำถ่ายภาพและวีดีโออยู่นั้น เราได้พบกันกับ คุณเสรี เตชะภิวัฒน์ พี่ชายของ คุณสมชาย เตชะภิวัฒน์ ประธานชุมชนวัดไทร คนที่เป็นผู้ให้สัมภาษณ์สื่อเรื่องชุมชนหลายครั้ง คุณเสรีเห็นเราสองคนถ่ายภาพกัน เลยกรุณาเปิดศาลากลางเปรียญให้เข้าไปถ่ายรูปเพิ่ม ซึ่งถือว่าเป็นโอกาสดีโชคดีมาก
ระฆังทองเหลืองสมัยรัชกาลที่ 3
ด้านในศาลากลางเปรียญคือ ระฆังทองเหลืองสมัยรัชกาลที่ 3 ตู้พระไตรปิฎก คุณเสรีชี้ให้กราบ พระพุทธเญยยอญฏิมา พระพุทธรูปเก่าแก่ที่สร้างตั้งแต่ พ.ศ. 2463 ตีระฆัง (เบา ๆ พอค่ะ เก่าแก่มาก) เพื่อความเป็นสิริมงคล และเดินขึ้นไปชั้นสองเพื่อดูโต๊ะเก้าอี้ไม้เก่าที่เคยถูกใช้ในการเปิดเจรจาระหว่างรัฐบาลไทยกับทหารญี่ปุ่นในวันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2484 ด้วย ที่เกิดขึ้นก็เพราะว่า ศาลากลางเปรียญแห่งนี้เคยถูกใช้เป็นฐานบัญชาการในวันที่ญี่ปุ่นยกพลขึ้นบกที่สุราษฎร์ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองด้วยนั่นเอง
ตอนเย็นถึงเวลาล่องเรือตามที่ได้นัดไว้ เรือพาเราลัดเลาะเข้าไปตามลำคลองเล็ก ๆ ไปยังชุมชนบางใบไม้ ต้นจากเยอะมากตลอดทาง จะบอกว่าเห็นนกแปลก ๆ เยอะเลย ไฮไลท์ของการล่องเรือเห็นจะเป็นซุ้มต้นจาก ที่โน้มตัวลงมายังคุ้งน้ำ สวยงาม ตลอดทางดิฉันลองใช้ Google Map ตามทางที่เรามา เห็นว่าเรานั่งเรือเข้าคลองจิ๋ว ๆ ลัดเลาะชุมชนมากมายนะคะ ใช้เวลาล่องเรือประมาณชั่วโมงเศษ ๆ หากได้มาย่านนี้วันอาทิตย์ก็จะมีตลาดน้ำประชารัฐบางใบไม้ด้วย มีศูนย์เรียนรู้การทำน้ำมันมะพร้าว แต่วันที่เราไปนี่คือชมวิวอย่างเดียว ไปเย็น ๆ แสงสวยมาก อย่าพลาดนะคะ
ล่องเรือชมธรรมชาติ
ชมภาพและอ่านรีวิวกินเที่ยวเมืองสุราษฎร์ฯ ต่อได้ที่ https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/887923?amx
โฆษณา