# สรุปสัมภาษณ์คุณหมอจิรยศเกี่ยวกับโควิดที่เมกาตอนนี้
เมื่อวานปองนั่งฟังคลิปสัมภาษณ์คุณหมอจิรยศในรายการของคุณสุทธิชัย
เกี่ยวกับการระบาดของโควิดระลอก 2 ที่เมกา ต้องบอกว่า มีทั้ง “ข่าวดีและข่าวร้าย” มาเล่าให้ฟังค่ะ
ก่อนอื่นต้องเล่าประวัติคุณหมอท่านนี้ซักหน่อยเนอะ
คุณหมอจิรยศเป็นคุณหมอคนไทยที่เก่งมาก ๆ คะ จบเฉพาะทางด้านปอด และประจำอยู่โรงพยาบาลในเมืองปานามา รัฐฟลอริด้า มากกว่า 26 ปี
สำหรับสถานการณ์ของรัฐที่คุณหมออยู่ตอนนี้
ถือว่าหนักหนาเอาการเลย การแพร่กระจายของโควิดรอบ 2 สูงมากค่ะ ทำให้รัฐฟลอริด้ามียอดคนติดเชื้อพุ่งสูงเป็นอันดับ 3 ของเมกา และเมื่อไม่นานมานี้ ทางรัฐได้มีคำสั่งปิดหาดไมอามี่ ซึ่งเป็นหาดยอดฮิตของคนเมกันในการมาพักผ่อนสังสรรค์ เพื่อที่จะสกัดการแพร่ระบาดของโรคโควิด (ปองลืมบอก...หาดนี้มีผับ บาร์เยอะมากค่ะ เดี่ยวคุณหมอจะพูดถึงในคลิปด้วย)
สำหรับรายละเอียดการสัมภาษณ์เกี่ยวกับโควิดรอบ 2 ที่เมกา ปองสรุปเป็นข้อ ๆ ตามนี้นะคะ
1.
สถานการณ์ของเมกาตอนนี้เรียกว่า “Honeymoon Period”
คุณหมอบอกว่า ทั่วโลกอาจจะตกใจที่เมกามีคนติดเชื้อถึงวันละ 5 หมื่นคน แต่จริง ๆ แล้ว มันไม่น่ากลัวอย่างที่คิด “การติดเชื้อรอบสองเงียบสงบกว่ารอบแรกมากค่ะ” คือ มีคนติดเยอะแต่มีคนตายน้อย ตอนนี้เฉลี่ยการตายต่อวันของเมกาอยู่ที่ 500 คน ซึ่งเมื่อเทียบกับการระบาดรอบแรกที่คนเมกันติดไม่เยอะ แต่คนตายต่อวันขึ้นพุ่งขึ้นหลักพันค่ะ (นี่คือไม่เยอะของคุณหมอนะ >< ) สรุปคือ สถานการณ์ตอนนี้เรียกว่า...เราควบคุมโรคได้พอสมควร
2.
สิ่งที่คุณหมอหลายคนในเมกากังวลคือ “ช่วงเผาจริง”
ซึ่งจะเกิดในอีก 3 เดือนข้างหน้า หรือ ประมาณเดือนกันยายนที่เป็นดูหนาวของเมกา ช่วงนั้นจะเริ่มมีไข้หวัดใหญ่ระบาด ทีนี้จะยากในการตรวจวินิฉัยโรคมาก คือ คน ๆ นึง อาจจะติดอย่างใดอย่างหนึ่ง หรืออาจจะเป็นผสมกัน 2 โรค ซึ่งความรุนแรงจะเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า อืมมม มาแค่ตัวเดียว เราก็แย่ละ นี่เจอข้าศึก 2 ทางมาเล่นปอดน้อย ๆ ของเรา ฟังคุณหมอพูดละนึกภาพปอดตาม น่ากลัวววว
3.
กลุ่มที่ติดโควิดรอบ 2 ตอนนี้ คือ เยาวชนไม่ใช่คนสูงอายุ
ช่วงแรกของการเกิดโรคโควิด จะสังเกตว่ากลุ่มเสี่ยงคือ คนสูงอายุและคนมีโรคประจำตัวต่าง ๆ คนกลุ่มนี้พอติดโรคโควิด จะสู้กับโรคไม่ไหว ทำให้อัตราการตายช่วงแรกถึงสูงมาก (เฉลี่ย 5-10 % เลยค่ะ) อย่างเช่น ในสวีเดนที่รัฐบาลเลือกจะไม่ล็อคดาวน์ พบว่า คนตายเยอะมาก และประมาณ 40 % ในนั้นเป็นคนสูงอายุ ( เค้าว่ารัฐบาลเลือกแนวทางนี้ เพราะจะได้ลดค่าใช้จ่ายในส่วนสวัสดิการคนชราออกไปบ้าง เอิ่มมม !) ส่วนตอนนี้ที่เมกา โรคติดในกลุ่มเด็กมากกว่าค่ะ ทำให้ความสามารถในการสู้กับโรคมีมากกว่า
4.
ความเชื่อของคนเมกันเกี่ยวกับหน้ากากอนามัย
จำได้มั้ยคะ ที่ WHO เคยพูดตอนที่โควิดระบาดใหม่ ๆ ว่า “แมสไม่จำเป็นต้องใส่ แมสไม่ช่วยป้องกันโรคโควิด” ตั้งแต่นั้นมา คนเมกันก็ฝังความคิดนี้มาโดยตลอด ทำให้วันนี้ แม้ทรัมป์ หรือ WHO จะออกมาบอกว่าควรใส่นะ เค้าก็ไม่เปลี่ยนความคิดค่ะ เรียกว่า...เชื่อแบบฝังแน่น ๆ กันเลย
5.
ไม่มีทางที่จะหยุดโรคนี้ได้จนกว่าจะมีวัคซีน
25 % ของคนทั่วไปติดเชื้อโคโรนาไวรัสในร่างกายแบบไม่แสดงอาการ (Asymptomatic Cases) และคนกลุ่มนี้คือพาหะชั้นดีของโรคนี้ ดังนั้นโรคก็เลยไม่มีทางจบง่าย ๆ วนเวียนจนกว่าทุกคนจะได้รับวัคซีน และสร้างภูมิป้องกันการติดเชื้อ สิ่งที่เราทำได้ตอนนี้ คือ “การซื้อเวลา” ให้การแพร่ของโรคเกิดได้ช้าที่สุด เช่น การสั่งล็อคดาวน์บางเมือง การสั่งปิดสถานบริการ หรือ สถานที่ท่องเที่ยวอย่างหาดไมอามี่เป็นระยะ ๆ
6.
วันนี้โรงพยาบาลมีเครื่องช่วยหายใจเพียงพอแล้ว
ในการระบาดของโควิดช่วงต้นปี แทบทุกประเทศจะไม่ได้เตรียมรับมือกับอัตราการป่วยและตายที่พุ่งสูงอย่างรวดเร็ว เครื่องช่วยหายใจไม่พอ บุคลากรทางการแพทย์ไม่รู้จักโรคนี้ เราไม่รู้ว่าจะป้องกัน หรือ รักษาโรคกันแบบไหน แต่ในวันนี้ที่เกิดการระบาดรอบ 2 สถานการณ์ของทุกประเทศเปลี่ยนไป มีการเตรียมการรับมือกับโรคนี้อย่างดี เช่น ที่นิวยอร์กตอนแรกเครื่องช่วยหายใจและอุปกรณ์ป้องกัน PPE ขาดแคลน แต่ตอนนี้ทุกโรงพยาบาลมีพร้อมหมดแล้ว
7.
สำคัญคือ ต้องไม่ประมาทกับโรคนี้
ที่ Bay Medical Center คุณหมอจิรยศเล่าว่า “ ที่นั้นไม่มีบุคลากรทางการแพทย์ติดโควิดเลยซักคน เพราะ สิ่งที่เราเน้นย้ำกันคือ ทุกคนต้องมีสติตลอดเวลา การป้องกันตัวเองต้องมี ไม่ใช่รอให้คนไข้ไอ จามใส่แล้วถึงจะป้องกัน เพราะละอองฝอยของไวรัสโควิดสามารถลอยอยู่ในอากาศได้นานถึง 8 ชั่วโมง ดังนั้นทุกคนต้องไม่ประมาทกับโรคนี้ ”
8.
ผับบาร์คือ สถานที่จุดระเบิดของโรค
คุณหมอบอกว่า บาร์เนี่ย...พิสูจน์กันมาในหลายประเทศแล้ว ว่าเป็น Super spreader ชั้นดีเลย แล้วที่หาดไมอามี่ ก็เป็นสถานที่ยอดฮิตของเหล่าวัยรุ่น ที่จะนัดรวมตัวกันไปเที่ยวตามผับบาร์ในช่วงวันหยุด แล้วยิ่งตอนนี้แต่ละประเทศห้ามคนต่างชาติเข้ามา หาดเลยป๊อบปูล่าสุด ๆ ค่ะ ผู้ว่าการรัฐเลยจำเป็นต้องปิดหาดชั่วคราว เพราะกลัวจะเกิดการระบาดรุนแรงมากขึ้นไปอีก
9.
จะผลิตวัคซีนได้ต้องอีก 2 ปี
วิธีการผลิตไวรัสชนิด RNA Viruses จะค่อนข้างยากค่ะ คือ ถ้าไม่ทำให้เชื้อมันตายก่อน ก็ต้องทำให้เชื้อมันอ่อนกำลังจนก่อโรคไม่ได้ แล้วถึงจะนำมาผลิตวัคซีน แต่ปัญหาของวัคซีนกลุ่ม RNA Viruses ที่นักวิจัยเค้ากังวลกัน คือ ความเสถียรของวัคซีนค่ะ เพราะสมัยทำวัคซีนโปลิโอออกมาใช้ใหม่ ๆ ตอนแรกการสร้างภูมิคุ้มกันเกิดได้ดีมาก แต่หลังจากนั้น 1 ปีปรากฏว่าคนป่วยกันเยอะขึ้น เกิดเป็น Cluster Effect เพราะวัคซีนคุณภาพมันยังไม่นิ่งพอ ดังนั้นในกรณีของโควิดก็เช่นกัน นักวิจัยยังต้องทดลองซ้ำในคนอีก 3 ครั้งจนมั่นใจกับผลของมัน ถึงจะผลิตออกมาให้เราใช้ได้ค่ะ เรียกว่า...หมดหวังเล็ก ๆ นะตอนนี้ เหอ ๆ
10.
การลดปัจจัยเสริมโรค คือ สิ่งที่ควรทำ
กลุ่มเสี่ยงโควิดที่คุณหมอพูดถึง คือ โรคอ้วน กลุ่มคนสูงอายุ โรคหัวใจ โรคความดัน คนท้อง กลุ่มที่มีปัญหาภูมิคุ้มกันบกพร่องอย่างโรคพุ่มพวง หรือ โรคเอดส์ และ กลุ่มคนที่มีปัญหาโรคปอด กลุ่มเหล่านี้จะมีความเสี่ยงในเรื่องของความรุนแรงเวลาติดโควิด ดังนั้นต้องป้องกันตัวเองให้ดี และถ้าเป็นไปได้ขอให้งดการสูบบุหรี่ ! เพราะจะเพิ่มความเสี่ยงในเรื่องโควิดขึ้นไปอีกค่ะ
============
วันนี้คุณหมอเชื่อว่า… “เมการับมือกับโรคนี้อยู่”
ถึงตัวเลขจะดูเพิ่มสูงขึ้นแทบทุกวัน แต่เราจะเห็นว่ามันเป็นตัวเลขสะสมที่เกิดจากหลาย ๆ รัฐค่ะ และทุกโรงพยาบาลก็เตรียมการเอาไว้รอหมดแล้ว
สิ่งที่คุณหมอบอกว่า...น่าเป็นห่วง จะมีอยู่ 2 อย่างค่ะ
คือ โรคอยู่ดี ๆ ลงไปถล่มซักเมือง แบบเดียวกับสมัยนิวยอร์กโดนไปเมื่อ 3 เดือนก่อน ซึ่งโรงพยาบาลจะรับมือไม่ไหวและต้องมีการล็อคดาวน์กันใหม่ คนเมกันคงไม่ชอบใจและเกิดการต้อต้านอีกเป็นแน่ค่ะ
กับอีกประเด็นที่คุณหมอบอกว่า “หนาวนี้...หนาวแน่”
คือ เจ้าไข้หวัดใหญ่ ที่จะมาในฤดูหนาวของทุกประเทศ มันจะเป็นตัวซ้ำเติมให้โควิดประทุขึ้นมาใหม่ และ รุนแรงกว่าเดิม แล้วถ้าใครโดนเล่นงานจาก 2 ตัวพร้อมกัน โอกาสเสียชีวิตก็มีสูงค่ะ ไม่ว่าหนุ่มหรือแก่ ><
ด้วยความปรารถนาดี
The Wisdom Diary
สำหรับสาระแบบสั้นๆ และคลิปสั้นทันข่าว ติดตามได้ที่
- 10
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
