7 ก.ค. 2020 เวลา 16:31
สติ ความคิดและการรับรู้ของคนเรา (Human Consciousness)
ถ้าพูดในทางของ Neuroscience แล้วประกอบไปด้วยอะไรบ้าง ?
(แน่นอนว่า อันนี้ไม่เกี่ยวกับเรื่องราวธรรมมะน้า)
เราได้ไปอ่านมาแล้วพบว่าน่าสนใจดีน้ะ เลยขอนำมาย่อยให้เพื่อนๆอ่านเป็นอาหารสมองกันน !
โดยการรวบรวมอันนี้มาจาก Christopher Tyler, visual neuroscientist ที่ the Smith-Kettlewell Brain Imaging Center และเป็น Professor มหาวิทยาลัย City University of London,
1. Privacy
- อันดับแรกเลยก็คือ Privacy ในทีนี้คือเป็นเหมือนกับความซับซ้อนของชั้นความคิด ที่ทำให้เกิดความเป็นส่วนตัวทางความคิด
- จะบอกว่าการรับรู้และเรียนรู้ของสมองมนุษย์ ไม่ได้เรียบง่าย และกว่าจะเชื่อใจสักอย่างเนี่ย เค้าต้องมี reference หรือ แหล่งอ้างอิงจากบุคคลที่น่าเชื่อถือ
- ก็เหมือนเราอ่านหนังสือแล้วต้องมองว่าใครเป็นผู้เขียนเล่มนี้น่ะ แล้วเชื่อได้ไหมน้ะ ? คุณค่าที่เราควรจะจดจำไหมน้ะ ?
2. Unity (ความเป็นหนึ่งเดียว)
- พี่ Tyler บอกว่า จริงๆการรับรู้ หรือความสามารถ ความถนัดของคนเรา ก็จะเกิดมาจากการใ้งานของสมองในแต่ละซีก สลับไปมา ถ้าฝึกจนคล่องเราก็จะมีความถนัดในเรื่องของวิชาการ และกีฬา คำนวนและทางศิลปะ
- แต่มันคงเป็นไปได้ยากที่จะใช้งานสมองทั้ง 2 ซีกไปพร้อมๆกัน (Multiple independent brain)
3. Interrogacy (การถามคำถาม)
- ความสามารถในการถามคำถาม และการรับรู้เชิงคำถาม
- ถ้าเทียบกับสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ต่างๆ หรือแม้กระทั่งสิ่งที่สร้างโลกเราขึ้นมา จักรวาล (galaxy) ก็ยังไม่สามารถมีระดับการรับรู้แบบถามคำถาม (ถ้าเป็น Alien ก็ไม่แน่นะ)
- นอกจากคำถามแล้ว กระบวนการที่สำคัญของต้นของความคิดนี้ก็คือ Process information ที่ทำให้เรามีกระบวนการคิดย้อนกลับไปมา หรือวิเคราะห์ข้อมูลเป็นลำดับได้นั้นเอง
4. Extinguishability (การดับหาย)
- หรือเอาง่ายๆคือ คนเราไม่ได้มีสติอยู่ตลอดเวลา
- เวลาที่เราเหนื่อย เราล้า เราก็จะเหม่อลอยนะเนอะ เป็นระยะเวลาสักแป้ป
- หรือแม้กระทั่งตอนที่ร่างกายพักผ่อนในช่วงการแบบ Non-Rem เนอะ ที่หลับลึกจนตอนนั้นเราก็ไม่ได้มีสติ
5. Iterative (ซ้ำและย้ำ)
- Tyler บอกว่านี้เป็นกระบวนการ การรับรู้อย่างหนึ่ง คือ การทวนซ้ำ หรือการย้ำ
- ในเวลาที่มนุษย์ต้องการความมั่นใจ หรือ สงสัย หรือต้องการความกระจ่าง นอกจากคำถามแล้ว คือการย้ำและพูดทวนซ้ำในสิ่งที่พวกเค้าเข้าใจออกมา
- เหมือนเวลาเราคุยกับลูกค้าแล้ว คุณลูกค้าอาจจะมีการพูดที่ไม่ค่อย clear นัก แต่เราพอจะเข้าใจ และการ check ความเข้าใจที่ดีก็คือ การ rephrase สิ่งที่ลุกค้าพึ่งพูดมา ในมุมที่กว้างขึ้นนิดนึงเพื่อย้ำว่า เราเข้าใจและรับรู้ถูกต้อง
6. Operationality
- หรือก็คือ การทำงานในลักษณะของ working memory คือความจำในระยะสั้น (Short-term memory) และสมองส่วนปฏิบัติการนั้นเอง
- ก็สมมุติ โดนออกคำสั่งว่า ให้ไปหยิบแก้วน้ำส้ม หรือเอกสารสีน้ำตาลมา เราก็จะเดินไปหาแล้วค่อยๆหยิบของแต่ละอย่างมานั้นเอง
- จริงๆ ถ้าเราฝึกให้ดีได้ ก็จะเกิดการเรียนรู้ การจดจำ และเก็บไว้สำหรับสถานการณ์ต่างๆ เช่นแบบ สิ่งนี้ ไม่ควรทำ หรือทำแล้วจะเกิดผลดี
- สติการรับรู้ Consciousness เนี่ย ไม่ได้เกิดขึ้นมาได้เองนะ แต่ต้องอาศัยการ download และ เรียนรู้ด้วยเช่นกัน
- ถ้าส่วนนี้พัฒนาไปได้ดีคือ decision-making และ cognitive thought หรือ Long-term memory จะทำได้ดีเช่นกัน
7. Multifacetedness (หลากหลายแง่มุม/รูปแบบ)
- เป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของคนเราเลย คือ เราสามารถรับรู้ในมุมมองและรูปแบบที่หลากหลาย
- เช่น emotional experience, การรับรู้แบบคิดให้เป็นภาพ (imagery experience)
8. Complex inter-connectivity (ความซับซ้อนทางการเชื่อมโยง)
- จะมีความเชื่อมต่อกับการรับรู้ในข้อที่ 7
- ในข้อนี้คือ สมองเราสามารถที่จะสร้างระบบความคิดและการรับรู้เชิงซ้อนได้ นั้นคือการที่เราสามารถคิดแบบ logical thinking หรือแม้กระทั่ง non-logical โดยการใช้ความเชื่อมโยงจากประสบการณ์ความคุ้นเคย หรือแม้กระทั่ง sense
9. Autosuppressive (หรือการ burn out)
- จะคล้ายกับข้อ 4 เลย
- อันนี้เอาง่ายๆคือ ความกดดันที่สุดท้ายแล้วทำให้เกิดการ burn out (คล้ายๆกับทำงานมาทั้งวันแบบไม่ได้พัก แล้วเหนื่อยล้า จนไม่อยากทำอะไร)
- อันนี้ก็เปรียบเหมือนเพ่งกับการมีสติเพ่งในสิ่งสิ่งเดียวมาทั้งวัน อาจทำให้เกิดอาการล้าได้
- วิธีแก้ก็คือ ลองฝึกการรับรู้ในสิ่งใหม่ๆ แปลกๆดูนะ
1
10. Self-referentiality
- เอาโดยความหมายของเค้าคือ การที่รับรู้หรือแปลข้อมูลเนี่ย อ้างอิงมาจากความคิดปละประสบการณ์ของตัวเองที่เอาไว้อ้างอิงให้กับตัวเอง
- หรือบางทีคล้ายๆกับการที่เรา re-call memory สำหรับสร้าง reference ให้กับตัวเอง
- พี่ Tyler เค้าบอกไว้ว่า สติของคนเราก็จะอ้างอิงกับการรับรู้ที่ผ่านมาของเรา (อ่าวพูดวนไปมา 555 แต่ถ้าเพื่อนๆอ่านดีๆแล้วคิดตามเนี่ย เราว่าเค้าไม่ได้ วนนะ แง้มม)
จบแล้วจ้าาาา เราคิดว่าเรื่องของสติเนี่ย ถ้าเราเข้าใจเค้าให้มากกว่าในแง่มุมของ Neuroscience จะทำให้เราสามารถรับรู้ถึงที่มา และความเป็นไปของเค้าได้ดีขึ้นนะ
เพราะงั้นจะทำอะไร กับใครหรือพูดอะไร อย่าลืมมีสติกันนะเพื่อนๆ จะได้ไม่พลาดอะไรไป :):)
โฆษณา