[ลงทุนกับบัง] Rick Rule Bull market to end in tears Interviewer เนื่องด้วยการ Recovery ของตลาด นักวิเคราะห์บางคนก็มีมุมมองที่ดีขึ้นต่อการลงทุนในช่วงเวลานี้ เเต่เราก็อย่าลืมนะครับว่าตัวเลขของผู้ติดเชื้อ Covid 19 ก็

สำรวจ
ลงทุน
คำถาม

มีบัญชีอยู่แล้ว?หรือ

ลงทุนกับบัง

•

8 ก.ค. 2020 เวลา 13:08 • หุ้น & เศรษฐกิจ

Rick Rule

Bull market to end in tears

c3alliancecorp

Interviewer

เนื่องด้วยการ Recovery ของตลาด

นักวิเคราะห์บางคนก็มีมุมมองที่ดีขึ้นต่อการลงทุนในช่วงเวลานี้ เเต่เราก็อย่าลืมนะครับว่าตัวเลขของผู้ติดเชื้อ Covid 19 ก็เพิ่มขึ้นกลับมาเช่นกัน

สำหรับวันนี้เราอยู่กับ Rick Rule

Rick ขอต้อนรับเข้าสู่รายการ

Rick

เป็นเกียรติมาก David ที่เชิญผมมาอีกครั้ง

Interviewer

เป็นเวลาเกือบสองเดือนที่เราไม่ได้พูดคุยกัน

ตอนนี้มุมมองของคุณที่มีต่อตลาดเป็นยังไงบ้าง

**อ่านบทความสัมภาษณ์ของ Rick Rule ก่อนหน้านี้

https://www.blockdit.com/articles/5eb25c18fb86341a30c4b537

Rick

ถ้าอิงจากการที่พวกเราคุยกันครั้งก่อน

พวกเราก็พูดได้ถูกต้อง

เรามองว่าโลหะมีค่าจะมีการปรับตัวสูงขึ้น ราคาหุ้นที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มโลหะมีค่าก็จะเพิ่มขึ้นเช่นกัน

ถ้ามองในรูปแบบสถิติที่ผ่านมา

สองเดือนที่เเล้วพวกเราก็มีมุมมองต่อตลาดที่ถูกต้อง

และผมก็หวังให้เป็นอย่างนั้นต่อไป

มุมมองของผมก็คือในช่วงเวลานี้มันคือการแบ่งแยก(อย่างน้อยก็ในสหรัฐอเมริกา)

ตลาดหุ้นและเศรษฐกิจจริงได้ถูกแบ่งออก

ผู้คนกำลังเจ็บปวดแต่ตลาดหุ้นกลับแข็งแกร่ง

ทำไม ?

ทำไมตลาดหุ้นถึงแข็งแรง

เพราะว่ากำลังจะเกิดการฟื้นฟูของเศรษฐกิจ หรือ เพราะการลดดอกเบี้ยและการทำ quantitative easing

สำหรับผมมันคือข้อหลัง ด้วยดอกเบี้ยที่ต่ำระดับนี้ได้ผลักดันให้ผู้คนที่อดออมต้องนำเงินไปวางไว้ในทรัพย์สินที่มีความเสี่ยงมากขึ้น และเป็นการลดต้นทุนให้ผู้ที่ต้องการกู้ยืมเงิน

ตอนนี้ธนาคารกลาง (Fed)

ได้เข้าซื้อสินทรัพย์โดยตรงแล้ว

ซื้อหนี้ระดับ Junk เเละ Bonds ต่างๆ

ซึ่งเหตุการณ์แบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

ผมไม่ได้จะบอกนะว่าตลาดไปต่อไม่ได้

แต่สำหรับนักลงทุนในเวลานี้จำเป็นจะต้องเข้าใจถึงโครงสร้างของตลาดกระทิง ว่าเหตุผลที่มันเคลื่อนตัวแบบนี้มันเกิดจากอะไร

Interviewer

ตลาดกระทิงในตอนนี้

ปัจจัยมูลค่าพื้นฐาน เป็นที่สนใจน้อยกว่า

การกระทำของ Fed (quantitative easing)

คุณมีความคิดเห็นในเรื่องนี้อย่างไร

Rick

บางทีความเชื่อมั่นต่อความจริงสำหรับคนแก่แบบผม

อาจจะเป็นการต่อต้าน

การลงทุนคือการเป็นเจ้าของในธุรกิจ

แต่สำหรับนักลงทุนในตอนนี้

(โดยเฉพาะในRobinhood)

กลับมองว่า นี่คือเครื่องมือในการเก็งกำไร

ผมและกลุ่มคนกลุ่มนี้จะถูกเปรียบเทียบไปเรื่อยๆจนกว่าจะมีใครสักคนที่ถูกพิสูจน์ว่าเป็นคนที่ถูกต้อง

CNBC

เเล้วรู้อะไรมั้ย

ในตอนนี้ผมกลับมองว่าอาจจะเป็นไปได้ทั้งคู่

เเต่สำหรับผมเเล้ว Bull Market ที่ไม่ได้มาจากการเติบโต ที่ไม่ได้มาจาก Value

ในตอนจบมันจะต้องเจ็บปวด

ผมไม่ได้บอกนะว่าหลังจากนี้อีก 10 ปีราคาของหุ้นจะไม่สูงไปมากกว่านี้ แต่เมื่อผมมองไปข้างหน้าสองถึงสามปีนี้มันเป็นเรื่องยากจริงๆที่จะมองว่าเศรษฐกิจจะเติบโตได้

ตราบใดที่ยังมี confident ในตลาด

โดยเฉพาะในสหรัฐ พี่ใหญ่ ของ North America

QE ก็จะยังคงใช้งานได้ดีต่อไป

สิ่งที่ผมกลัวก็คือถ้ามีอะไรบางอย่างมาทำให้ความมั่นใจของผู้คนหายไปถึงตอนนั้น

ผู้คนจะตระหนักได้ถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น

Interviewer

ด้วยตัวเลขต่างๆที่ออกมาทั้งด้านดีและด้านร้ายคุณคิดว่าหลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นกับความมั่นใจของผู้คนในตลาด จะเกิดการ Recovery ที่เร็วมากยิ่งขึ้นรึเปล่า

Rick

ถ้าสำหรับธุรกิจระหว่างประเทศในตอนนี้ไม่ใช่สถานการณ์ที่ดีเลย แต่ถ้ามองเจาะจงไปในแต่ละบริษัทเราก็จะเห็นว่ามีบริษัทที่โดดเด่นมากๆ พวกเขาจะไม่เป็นไรในทุกสถานการณ์ แต่สำหรับธุรกิจระหว่างประเทศนั้นในมุมมองของผมมันเป็นเรื่องที่ยากมากๆที่จะมองว่ามันกลายเป็นตลาดกระทิงไปแล้ว

เมื่อผมคิดว่าโครงสร้างของสภาพคล่องเเละการเติบโต

การเข้าเเทรกเเซงตลาดหุ้นเเละ Credit Market

Sectort ต่างๆในอุตสาหกรรมใหญ่

โรงพยาบาล

โรงเเรม

ร้านอาหาร

สายการบินเเละโรงเเรม

ตอนนี้ตลาดได้เมินเฉยความจริงที่ว่าอุตสาหกรรมใหญ่กำลังได้รับผลกระทบที่รุนเเรง

news.un.org

ผมไม่ได้บอกให้ขายหุ้นของคุณทั้งหมดในเวลานี้

ผมจะบอกว่าให้คุณซื้อธุรกิจที่คุณเชื่อว่ายังต่ำกว่า

มูลราคาที่แท้จริง อย่าซื้อทั้งตลาดให้ซื้อคนที่เก่งให้ซื้อธุรกิจที่แข็งแกร่งในทุกสภาวะแวดล้อม เเละอย่าลืม เตรียมสภาพคล่องไว้เสมอ

สิ่งหนึ่งที่บอกผมมาตลอด David

จากประสบการณ์ 45 ปีของผม

ความขัดแย้งของสภาพคล่องและเศรษฐกิจที่อ่อนแอ

จะไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ใดใดนอกจากความผันผวนเท่านั้น

(พวกเราจะเห็นได้ถึงการเเกว่งตัวอย่างรุนเเรงของราคาในตลาดต่างๆ)

Interviewer

มุมมองของคุณเกี่ยวกับการลงทุนในหุ้นคุณค่าก็เหมือนกับมุมมองของVi คนอื่นๆ เเละ Buffett ก็คือหนึ่งในนั้น

เเต่มุมมองขอของคุณที่ต่างกับ Buffett คือ มุมมองในเรื่องของทองคำ เขาไม่สนใจในโลหะมีค่าสีเหลืองชนิดนี้เลย เเต่คุณ Rick คุณคือ Champion

ในตลาดกระทิงของโลหะมีค่าชนิดนี้

ผมอยากถามถึงความเห็นของคุณในเรื่องนี้ครับ

markets.businessinsider

Rick

ผมเคยพูดถึงเรื่องนี้ในครั้งก่อน

สำหรับคำตอบนั้นพวกเราทั้งสองคนล้วนถูกต้อง

Buffett ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาทองคำ เพราะเขาคืนหนึ่งในคนที่ฉลาดที่สุดในโลก คนที่ควบคุม เงินจำนวนมหาศาลและเป็นเจ้าของธุรกิจที่มีอำนาจในการต่อรองราคา

เมื่อเกิด Inflation

Buffet ได้ลงทุนในบริษัทชั้นนำในอุตสาหกรรมนั้นๆ

พวกเขาสามารถเพิ่มกำไรได้ สามารถเอาชนะคู่เเข่งต่างๆได้

goldsurvivalguide.co.nz

เเต่สำหรับคนทั่วไปหล่ะ

คนเเบบ Rick Rule เเละ David Lin พวกเราจำเป็นต้องพึ่งพาทองทำ พวกเราไม่มีประสบการณ์หรือความอดทน

จำนวนเงินลงทุนหรือพอร์ตที่มีบริษัทชั้นนำของโลก

ผมจะบอกแบบนี้ในมุมมองของ Buffett เขาพูดถูกเเล้ว

เเต่สำหรับคนทั่วไป คนที่ต้องพึ่งพารัฐบาล คนที่เงินออมอย่างเดียวไม่สามารถทำให้พวกเขาใช้ชีวิตที่เหลือของพวกเขาได้ พวกเราต้องการทองคำ

ทองคำคือหลักประกันที่ใช้ปกป้องการเสื่อมค่าของเงินออมของพวกเรา

Rick

การที่ Fed ขับดันราคาของตลาด ล้วนเป็นการเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้คน

พวกเขาทำส่วนนี้ได้ดี เเต่สุดท้ายเเล้วจะมีบริษัทที่ไปไม่รอด จะต้อง Defalut Debt กันไป

Hotel สินเชื่อเกี่ยวกับโรงเเรม

สายการบินต่างๆ

การผิดชำระของ Bond ในกลุ่ม High Yeild เเละ Bond ระดับ Junk สามารถบ่อนทำลายความมั่นใจของผู้คนได้อย่างง่ายดาย

High Yeild Debt นั้นมีนักลงทุนจำนวนมากที่เข้าไปลงทุน (เก็งกำไร) มันคือ ETF High yeild ที่มีสภาพคล่องสูงมาก

เเละถ้าเมื่อไหร่ความมั่นใจของนักลงทุนหายไป

พวกเขาจะสั่งขาย ETF นี้ทันที

และในตอนนั้น Manager ของกองทุนจำเป็นจะต้องขายสินทรัพย์ที่อยู่ใน ETF นั้นออกไป

ปัญหาอยู่ตรงไหน ?

ETF ในส่วนนี้ มีสภาพคล่องที่สูงมากครับ

มันถูกเทรดเหมือน Water เเต่กลับกัน Bond ที่อยู่ในนั้นกลับไม่มีสภาพคล่องอยู่เลย

เเละเมื่อเวลานั้นมาถึง สถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นผมเรียกมันว่า Owl Bond มันคือสถานการณ์ ที่คุณกำลังหวาดกลัวและคุณยกมือถือขึ้นโทรหาโบรกเกอร์ของคุณแล้วบอกให้ขาย ETF ของคุณทิ้งเดี่ยวนี้ และโบรกเกอร์ของคุณจะตอบกลับมาว่า “ To Who , To Who “

Sky NEWS

หลังจากนี้เราคงต้องอยู่กับตลาด

ที่มีความผันผวนเเบบนี้ต่อไป

อย่างที่ Rick บอกไว้ครับ

ความผันผวนระดับนี้

จะกลายเป็นเรื่องปกติของตลาดต่อไปในอนาคตก็ได้

ในส่วนของความมั่นใจนั้น เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ต้องระวังเป็นอย่างมาก

ด้วยเม็ดเงินที่เข้าไปเก็งกำไรใน ETF ระดับ High Yeild เเละระดับ Junk ทำให้ ETF

พวกนี้มีสภาพคล่องที่สูงมากๆ

แต่กลับกัน underlying asset ที่อยู่ใน ETF จำพวกนี้กลับไม่มีสภาพคล่องอยู่เลย

ดังนั้นทุกคนจะเห็นได้ถึงความพยายามของ Federal reserve ที่จะต้องรักษาความมั่นใจในตลาดให้ได้

เพราะถ้าเมื่อไหร่ความมั่นใจในตลาดหายไป จะเกิดการเทขายครั้งใหญ่ในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงทันทีครับ