8 ก.ค. 2020 เวลา 15:42 • ไลฟ์สไตล์
#คุณเป็นคนแบบไหนแค่ไลฟ์สไตล์ก็บอกว่าตัวคุณเป็นคนเก็บเงินได้หรือเป็นคนเก็บเงินไม่ได้#
๏ เป็นคนกลางคืนที่ทำงานจนดึกดื่นหรือเป็นคนตื่นเช้าที่ตื่นแล้วไปทำงานแต่เช้า ๏
- สมมุติว่ามีคน 2 คนคือ คุณOกับคุณK คุณOเป็นคนประเภทเครื่องติดตอนกลางคืนอยู่ทำงานที่บริษัทจนค่ำมืดแต่พอกลับไปถึงบ้านยังดูดีวีดีหรือโทรทัศน์ต่อกว่าจะเข้านอนก็ดึกดื่น ขณะที่คุณK ตื่นเช้าไปทำงานที่บริษัทก่อนใครพอถึงเวลาเลิกงานก็กลับบ้านเข้านอนแต่หัวค่ำ ทั้งคู่มีเวลานอน 6 ชั่วโมงเท่ากันคุณคิดว่า “ใคร” เก็บเงินเก่งกว่ากัน?!!
- เมื่อมองผิวเผินคุณO ซึ่งทำงานจนดึกดื่นน่าจะมีค่า OT อาจน่าจะมีรายได้มากกว่าใช่ไหม?
- ถ้ามองในแง่จำนวนเงิน จริงอยู่ที่ว่าคุณO อาจจะมีรายได้มากกว่า แต่หากคุณมองว่า “เก็บเงินได้หรือไม่ได้”คุณK ต่างหากที่มีลักษณะของคนเก็บเงินง่ายกว่าอย่างเทียบไม่ได้ เพราะอะไรงั้นหรอครับ? ความลับอยู่ที่วิธีการใช้เวลาของแต่ละคนนั้นเอง!!
- เรามีสำนวนว่า “เวลาเป็นเงินเป็นทอง” มาแต่โบราณ ทุกคนต่างมีเวลาเท่ากันคือ วันละ “24 ชั่วโมง" ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามการบริหารและการใช้เวลา 24 ชั่วโมงที่มีนี่แหละ ที่จะพลิกชีวิตการเงินของคุณได้จากหน้ามือเป็นหลังมือ
~ โดยเฉพาะช่วงเช้ามีความสำคัญเป็นพิเศษ หากคุณนอนดึกก็ยอมตื่นสายเป็นธรรมดา ถ้าคุณซุกตัวในที่นอนจนวินาทีสุดท้าย จนกระทั่งถึงจุดที่ว่าคือไม่ตื่นตอนนี้คงไปสายแน่ๆ คุณก็จะต้องรีบตื่นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าออกจากบ้านด้วยความลนลาน ผู้อ่านคงสงสัยใช่ไหมว่าเรื่องนี้เกี่ยวกับเงินอย่างไร ลองคิดดูสิว่าเวลาเรากำลังออกจากบ้านเรามักจะลืมของได้ง่าย หรือการโดยสารด้วยรถประจำทางไม่ทันจนต้องนั่งแท็กซี่แทนก็ต้องจ่ายค่าแท็กซี่เพิ่มอีก
- ในทางกลับกันหากคุณมีเวลามากพอในตอนเช้าคุณจะสามารถใช้เวลาเตรียมตัวได้อย่างเต็มที่และตรวจสอบได้ว่าตัวเองลืมอะไรหรือไม่
- นอกจากนั้นยังสามารถทำข้าวกล่องไปรับประทาน ซึ่งช่วยประหยัดเงินค่าอาหารกลางวันได้ด้วย ที่สำคัญคือหากมีเวลาเพียงพอในเริ่มต้นแต่ละวันคุณจะสามารถบริหารเวลาในวันนั้น ๆ ได้อย่างเป็นระเบียบแบบแผน
- การใช้เงินฟุ่มเฟือยส่วนใหญ่เกิดจากการไร้การวางแผน หากเราต้องเร่งรีบเป็นประจำโดยไม่สามารถวางแผนการใช้เวลาในแต่ละวันได้ เราจะเกิดความเครียดตลอดเวลาว่า “ไม่ทันแล้ว” ซึ่งอาจเกิดเป็นเหตุให้จะต้องระบายความเครียดด้วยการไปช้อปปิ้งบำบัดหรือออกไปเที่ยวดึก ๆ ทุกคืน ใช้เงินฟุ่มเฟือยวันละ 500 บาท ก็เท่ากับว่าต้องเสียเงินเดือนละ 15,000 บาทหรือปีละ 180,000 บาท เปรียบเหมือนกับเศษฝุ่นที่สะสมนานๆไปก็กลายเป็นภูเขาได้
- เวลาสำคัญกว่าเงินเรามักมองว่าคนที่บริหารรายรับ – รายจ่ายได้ดี คือคนที่เก่งเรื่องการจัดการ แต่จริงๆแล้วคนที่สามารถบริหารเวลาได้ดีพอกับเงินต่างหากคือคนที่เก่งเรื่องการจัดการอย่างแท้จริง ว่ากันว่าคนที่ประสบความสำเร็จทางธุรกิจส่วนใหญ่เป็นคนตื่นเช้าพวกเขาจะไปถึงบริษัทก่อนใครและทำงานชิ้นสำคัญทั้งหมดให้ลุล่วงภายในช่วงเช้าหากเราใช้อีเมลและจัดทำเอกสารต่าง ๆ ให้เสร็จตั้งแต่ช่วงเช้า เราจะมีเวลาในช่วงบ่าย เพื่อนัดหมายพบปะผู้คนหรือออกไปหาข้อมูลที่ต่างๆซึ่งจะยิ่งช่วยส่งเสริมให้ธุรกิจขยายตัวได้เรื่อย ๆ
- การไม่ลนลานคือหัวใจสำคัญของการใช้เวลาให้เป็น เช่น ระหว่างการทำอาหารกลางวันไปรับประทานคุณอาจจะเตรียมวัตถุดิบสำหรับอาหารเย็นไปด้วย หรือการออกจากบริษัทตามเวลาเลิกงานและถอนเงินตามตู้ ATM ระหว่างทางอาจจะช่วยประหยัดค่าเดินทางไปถอนเงิน เมื่อถึงคราวจำเป็นต้องใช้การมีเวลาสำหรับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้จะช่วยป้องกันเงินของคุณจากความฟุ่มเฟือยได้
** การใช้ชีวิตในแต่ละวันด้วยความตั้งอกตั้งใจคือ ทางลัดสู่การฝึกฝนตนเองให้เป็นคนเก็บเงินเก่งกว่าการมุ่งมั่นเก็บเงินอย่างเอาเป็นเอาตายก่อนอื่น คุณลองเริ่มจากการทบทวนการใช้ชีวิตประจำวันของคุณดูนะครับ!!
#ตัวคุณล่ะเป็นคนแบบไหนมาแลกเปลี่ยนกันใน Comment ได้นะครับ#
โฆษณา