“อิโตชู” บริษัทการค้าข้ามประเทศอันดับ 1 ของญี่ปุ่น มั่งคั่งขนาดไหน ?
ร้านสะดวกซื้อ 7-11 ครองส่วนแบ่งในตลาดทั้งในประเทศไทยและหลาย ๆ ประเทศในเอเชีย ซึ่งคนที่เป็นคู่แข่งตัวฉกาจและเป็นรอง 7-11 มาเนิ่นนาน นั่นก็คือ “แฟมิลี่มาร์ท”
พฤษภาคมที่ผ่านมา เครือเซ็นทรัลเพิ่งจะเทคโอเวอร์กิจการแฟมิลี่มาร์ทในไทยไป แต่ล่าสุดเครือ “อิโตชู” บริษัทการค้าระหว่างประเทศอันดับหนึ่งของญี่ปุ่น เพิ่งจะทุ่มเงิน 1.68 แสนล้านบาท เข้าไปครอบครองกิจการแฟมิลี่มาร์ทในญี่ปุ่นเต็มตัว
ความน่าสนใจก็คือ “อิโตชู” เป็นบริษัทที่ใหญ่แค่ไหน ทำไมถึงตัดสินใจทุ่มเงินกว่าแสนล้าน ท่ามกลางวิกฤติทางการเงินจากโรคระบาดเช่นนี้
ผู้เขียนจะพาไปความรู้จักกับ “อิโตชู” ให้มากกว่านี้กัน..
“อิโตชู” เริ่มต้นดำเนินธุรกิจมาตั้งแต่ปี 1858 หรือเมื่อประมาณ 160 ปีก่อน โดยธุรกิจแรกคือขายส่งผ้าลินินระหว่างเมืองโอซาก้าและคิวชู ก่อนที่จะมาประกอบกิจการผ้าม่านในเขตฮอนมาชิ และกิจการค้าเส้นด้ายในเวลาต่อมา
ปัจจุบันผ่านมากว่า 160 ปี “อิโตชู” ได้รับการเปลี่ยนผลัดมาหลายต่อหลายเจนเนอเรชั่น แถมมีบริษัทในเครือไม่ต่ำกว่า 130 บริษัทที่ดำเนินธุรกิจครอบคลุมทั้ง 65 ประเทศทั่วโลก
ไม่ว่าจะเป็น ค้าสิ่งทอ เครื่องจักร โลหะ เคมีภัณฑ์ อาหาร เทคโนโลยีสารสนเทศ การสื่อสาร อสังหาริมทรัพย์ ประกันภัย บริการโลจิสติกส์ การก่อสร้าง การเงิน ตลอดจนการลนทุนในด้านอื่น ๆ ทั่วโลก แต่ที่น่าสนใจในที่นี้คือ..ร้านสะดวกซื้อ
รู้ไหม รายได้จากการเข้าลงทุนและประกอบกิจการต่าง ๆ ของอิโตชูในแต่ละปี มหาศาลแค่ไหน ?
ปี 2018 มีรายได้ 1,597,917 ล้านบาท กำไรสุทธิ 116,096 ล้านบาท
ปี 2019 มีรายได้ 3,364,140 ล้านบาท กำไรสุทธิ 145,151 ล้านบาท
ปี 2020 มีรายได้ 3,185,060 ล้านบาท กำไรสุทธิ 145,383 ล้านบาท
(สิ้นสุดงวดบัญชี 31 มีนาคมของทุกปี)
สำหรับการเข้าเทคโอเวอร์กิจการแฟมิลี่มาร์ททั้งหมดในญี่ปุ่น ที่มีสาขามากถึง 17,400 แห่ง (ข้อมูลปี 2018) เป็นรองเพียงแค่ 7-11
ก่อนหน้านี้ อิโตชูเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในกิจการแฟมิลี่มาร์ทมาตั้งแต่ปี 2012 กระทั่งแฟมิมิลี่มาร์ทต้องมาอยู่ท่ามกลางปัญหาที่สะสมมาเนิ่นนาน อย่างเช่นในไทยที่เพิ่งได้รับการเทคโอเวอร์ไป ก็มาจากการเป็นรองในตลาด
ถึงแม้จะเป็นเบอร์สองแต่ก็ใช่ว่ากิจการจะราบรื่น เพราะเมื่อความไม่ราบรื่นสะสมไปนาน ๆ จนมีผลประกอบการน้อยลง แล้วมาประสบกับปัญหารอบด้าน แน่นอนว่าผลตอบรับที่ได้ คือต้องถอยแล้วให้นายทุนเข้ามาซื้อไป
ซึ่งแฟมิลี่มาร์ทในญี่ปุ่นก็คงจะไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ที่น่าสนใจที่เพิ่มมา คือปัญหาการขาดพนักงานเนื่องจากคนวัยทำงานของญี่ปุ่น เต็มไปด้วยประชากรผู้สูงอายุ รวมถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคที่หันไปทางตลาดออนไลน์แทน
ไม่เพียงแค่นั้น ยังประสบกับปัญหาวิกฤติโรคระบาด ที่กำลังอยู่ในช่วงกอบกู้สถานการณ์ ซึ่งสาขาทั่วทั้งญี่ปุ่น บางพื้นที่ก็ยังคงไม่สามารถเปิดให้บริการได้ปกติ เป็นเหตุให้ผลประกอบการตกฮวบมากกว่าเดิมที่เคยเป็น
ฉะนั้น การเข้ามาบริหารแฟมิลี่มาร์ทแบบเต็มตัวในครั้งนี้ เราจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของแบรนด์ร้านสะดวกซื้อแบรนด์นี้ว่าจะเดินไปทิศทางไหน หรือบางทีเราอาจจะเห็นภาพที่น่าสนใจ หลังจากที่แฟมิลี่มาร์ทเดินหน้าแซง 7-11 ที่ยังเป็นเบอร์หนึ่งในญี่ปุ่นในเวลานี้ ก็อาจเป็นได้..
ปิดท้ายกันด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ..
รู้ไหมว่าอิโตชูเคยได้รับการจัดอันดับจาก Fortune ในปี 2017 ให้เป็นบริษัทอันดับที่ 217 จาก 500 บริษัทที่มีรายได้สูงที่สุดในโลก
และรู้ไหมว่าอิโตชูมีสินทรัพย์ปัจจุบันสูงถึง 3,200,000 ล้านบาท ซึ่งมากกว่าบริษัทอันดับหนึ่งของไทยและของอาเซียนอย่าง ปตท. ถึง 700,000 ล้านบาท เลยทีเดียว..
ส่งต่อทุกแรงบันดาลใจ Share For Inspire
Follow Us On “Facebook” https://www.facebook.com/swivelth
Follow Us On “Instragram” https://www.instagram.com/swivel.th/
Reference
- 19
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
