13 ก.ค. 2020 เวลา 07:16 • ธุรกิจ
เทคนิคการออมเงินแบบ DCA ถัวเฉลี่ยความเสี่ยง ผลตอบแทนคุ้มค่า!
สำหรับคนที่สนใจเรื่องการเงินการลงทุน ผมเชื่อว่าหลายคนน่าจะรู้จักหรือเคยได้ยินเทคนิคการออมเงินแบบ DCA กันบ้างแล้วนะครับ
เทคนิคแบบ DCA หรือ 'Dollar Cost Average' คือเทคนิคการออมเงินโดยการกำหนดจำนวนเงินและวันเวลาที่แน่นอน ซึ่งต้องทำอย่างสม่ำเสมอจนกว่าจะบรรลุเป้าหมายนั่นเอง
ยกตัวอย่างเช่น ผมต้องการเก็บเงินเรียนต่อเป็นจำนวน 50,000 บาท ซึ่งแต่ละเดือนผมมีเงินเหลือจากการกินใช้เงินเดือน 2,500 บาท
ผมจึงวางแผนการออมแบบ DCA เก็บเงินเดือนละ 2,500 บาทเป็นระยะเวลา 20 เดือน โดยให้ทางธนาคารตัดออมตั้งแต่วันแรกที่เงินเดือนออกเพื่อกันไม่ให้ผมใช้เงินเดือนจนหมด เป็นต้น
เงินออมต่อเดือน x จำนวนเดือน = จำนวนเงินเป้าหมาย (2,500x20=50,000)
เทคนิค DCA เป็นที่นิยมในสินทรัพย์ทุกประเภท แต่ในแต่ละสินทรัพย์ การทำ DCA จะถูกใช้เพื่อประโยชน์ที่แตกต่างกันไปบ้าง ดังนี้ครับ
(1) สินทรัพย์ดอกเบี้ยต่ำ เช่น เงินฝากธนาคาร และกองทุนรวมตราสารหนี้ เป็นต้น
สินทรัพย์ที่ดอกเบี้ยต่ำมักจะมีความผันผวนที่ต่ำมากเช่นกัน การออมเงินแบบ DCA ในสินทรัพย์เหล่านี้จะช่วยสร้างวินัยทางการเงิน รวมถึงช่วยให้เก็บเงินได้อย่างสม่ำเสมอ
(2) สินทรัพย์ผลตอบแทนสูง เช่น หุ้นรายตัว และกองทุนรวมหุ้น เป็นต้น
สินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงเช่น หุ้นรายตัว ราคาของสินทรัพย์ก็จะมีความผันผวนมากเช่นเดียวกัน การทำ DCA ในสินทรัพย์เหล่านี้จะเป็นการช่วยถัวเฉลี่ยราคาในการเข้าซื้อ รวมถึงช่วยให้เราเลี่ยงการซื้อสินทรัพย์ในราคาที่แพงได้ด้วย
หากซื้อในราคาที่สูงก็ให้ถือว่าเป็นการรักษาวินัย แต่หากซื้อได้ในราคาต่ำก็ให้ถือเป็นกำไรนั้นเอง
การทำ DCA จะให้ผลดีมากหากทำอย่างสม่ำเสมอในระยะเวลาที่ยาวนานพอ แม้การทำ DCA จะไม่ให้กำไรที่สูงสุด แต่ก็มีแนวโน้มทำกำไรมากกว่าการกะจังหวะเข้าซื้อ-ขาย ด้วยตัวเองมาก
นอกจากข้อดีข้างต้นนี้การทำ DCA ยังช่วยให้เราคิดน้อยลงเพราะปัจจุบันทางสถาบันการเงินก็ออกระบบที่จะช่วยตัดออมเงินอัตโนมัติโดยสามารถระบุจำนวนเงินและวันเวลาที่จะให้ตัดออมได้เลย
(*คิดน้อยลงหมายถึงก่อนทำเราต้องวางแผนมาดีแล้ว ส่วนหลังทำไม่ต้องคิดให้ระบบทำไปครับ)
เนื่องจากในการลงทุน ความคิดที่มีอารมณ์ความรู้สึกเข้ามาเกี่ยวข้องนี่เองที่เป็นสิ่งอันตรายและอาจทำให้เราตัดสินใจผิดพลาดได้ในที่สุด
การทำ DCA มีประโยชน์อย่างหลากหลายทั้งช่วยเสริมสร้างวินัยทางการเงิน และช่วยกระจายความเสี่ยงในการลงทุน
แต่สิ่งที่ผมเองก็ทำ และนักลงทุนมือใหม่ก็ควรทำคือการตั้งเป้าหมายของตัวเองให้ชัดเจนก่อนครับ เราต้องการออมเงินเพื่ออะไร เพื่อใช้เกษียณ เพื่อเรียนต่อ หรือเพราะต้องการสิ่งของอะไรก็ตาม
เมื่อกำหนดเป้าหมายชัดเราจึงจะรู้ครับว่าต้องใช้ระยะเวลาเท่าไหร่ และจำนวนเงินเท่าใด เพื่อที่จะบรรลุเป้าหมายได้สำเร็จ ท้ายสุดก็ขอให้ทุกคนประสบความสำเร็จในการลงทุนนะครับ
#พ่อบ้านลงทุน

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา