14 ก.ค. 2020 เวลา 17:38 • สุขภาพ
วันนี้มีการวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของทั้งรัฐบาล และทีมงาน ศบค. กันอย่างหนาหูหนาตากันตลอดทั้งวัน ตั้งแต่ประเด็นไม่แจ้งเรื่องรายละเอียดของคอนโดที่ผู้ติดเชื้อไปพัก ไปจนถึงเรื่องอภิสิทธิ์การไม่ต้องกักตัวกับสถานกักตัวที่รัฐบาลจัดไว้ให้
พอดีมีคนส่งข้อมูลอีกชุดหนึ่งมาให้ผมอ่าน และอธิบายถึงเหตุผลเกี่ยวกับเหตุการณ์ครั้งนี้ในมิติของด้านการทูต และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศว่าประเด็นนี้มันมีที่มา และมีต้นเหตุมาจากอะไร
ผมอ่านแล้วก็เห็นว่ามีเหตุผล มีหลักการดี เลยขออนุญาตนำมาเป็นข้อมูลให้ผู้อ่านได้อ่านกัน ถือเป็นความรู้รอบตัวในฐานะที่มันเป็นข้อมูลที่ไม่ค่อยจะมีใครนำออกมาบอกกันบ่อยๆ
คือทางคนของกระทรวงการต่างประเทศเขาพยายามอธิบายไว้เมื่อตอนเย็นว่าเรื่องนี้จริงๆมันเป็นความผิดพลาดเชิงกระบวนการ และเป็นผลมาจากการสื่อสารที่ไม่ชัดเจนระหว่างรัฐบาลครับ
คนของทางกระทรวงต่างประเทศนั้นเขาไม่ค่อยอยากให้โทษฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งว่าเป็นฝ่ายที่ผิดอยู่ฝ่ายเดียว แต่อยากให้มองในภาพรวมแบบกว้างๆของสถานการณ์ และความผิดพลาดที่เกิดขึ้น
ประเด็นที่ว่านักการทูต หรือครอบครัวทูตนั้นได้รับอภิสิทธิ์ไม่ต้องกักตัวตามสถานพยาบาล หรือสถานการกักตัวที่รัฐบาลไทยจัดหาไว้ให้นั้นเป็นมาตรฐาน และเป็นไปตามกฎระเบียบของกระทรวงการต่างประเทศสากลทุกอย่าง
เนื่องจากคนเป็นทูต เป็นแขกของรัฐบาลไม่ว่าจะทูตพาณิชย์ ทูตทหาร หรือเอกอัครราชทูตอะไรต่างๆนั้นก็จะได้รับอภิสิทธิ์เหล่านี้ด้วยกันทั้งหมด แน่นอนว่าถ้าทูตไทยเราบินไปอียิปต์เขาก็ต้องอนุญาตเราให้ไม่ต้องไปกักตัวเช่นเดียวกัน
มันเป็นพันธะ เป็นความผูกพันทางการทูต และพันธมิตรระหว่างประเทศน่ะครับ อันนี้ว่ากันในภาษาและตรรกะของกระทรวงการต่างประเทศและนักการทูตนะ คือเราต้องย้อนกลับมาดูที่ตามระเบียบข้อบังคับที่ไทยเราเคยบัญญัติไว้ด้วย
ว่าเรามีข้อตกลง มี MOU อะไรที่ทำไว้ตั้งแต่แรกหรือเปล่า ว่านักการทูต ทูตทหาร ทูตพาณิชย์ ทีมเจรจาการค้าที่บินมาจากต่างประเทศเข้าไทยมาในฐานะแขกของรัฐบาลไทยเนี่ยจำเป็นต้องกักตัวในสถานกักตัวของรัฐบาลหรือไม่
ถ้าเราไม่ได้เขียน หรือตรากฎเกณฑ์กติกาอะไรเหล่านั้นไว้เป็นลายลักษณ์อักษร ก็จะเท่ากับว่าทูตทหาร นักการทูต หรือครอบครัวนักการทูตนั้นเขาจะได้รับสิทธิ์การเป็นแขก VIP ของประเทศไทยโดยอัตโนมัติไปเลย
ซึ่งอันนี้เป็นสิ่งที่สากลอยู่แล้ว ทูตไทยเราบินไปที่จีน ที่ไต้หวัน ญี่ปุ่นเราก็อาจจะได้รับสิทธิ์ VIP แบบเดียวกันในประเทศเขา ถ้าเขาไม่ได้เขียน หรือร่างกฎอะไรที่นอกเหนือพันธะสัญญาทางการทูตสากลเอาไว้
ประเด็นนี้จึงอาจแปลได้ง่ายๆว่า รัฐบาลไทยไม่ได้ไปเสนอให้พวกเขาเป็นแขก VIP ของไทย เราไม่ได้มีการไปประเคนสถานะแขก VIP ให้เขา หรือครอบครัวเขา แต่มันเป็นพันธะที่เรามีตั้งแต่แรกอยู่แล้วต่อประเทศที่เรามีสายสัมพันธ์ทางการทูตการค้าด้วย
ดังนั้นสิ่งที่รัฐบาลพลาด และข้อผิดพลาดในสถานการณ์นี้ ถ้าว่ากันตามทฤษฎีและข้อปฏิบัติทางการทูตจริงๆ จะเห็นว่าเราพลาดไปตรงที่เราไม่มีประสบการณ์ ไม่มีข้อมูล หรือการระแวดระวังตรงช่องว่างทางด้านมาตรฐานทางการทูตตรงนี้
ซึ่งถ้ารัฐบาลจะเอาไปอ้างก็อาจจะสามารถอ้างได้ว่ามันเป็นเหตุการณ์ไม่คาดฝัน รัฐบาลและทีมงาน องค์กรที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะคณะรัฐมนตรี หรือกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงสาธารณสุขก็ไม่มีใครเตรียมการเอาไว้ก่อน
เพราะไม่เคยคิด ไม่เคยฝันว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้น เช่นเดียวกันกับเรื่องเที่ยวบินพิเศษ เที่ยวบินทางทหาร เครื่องบินกองทัพของต่างประเทศอะไรพวกนี้มันมีช่องว่าง และบทบัญญัติทางการทูตสากลเขียนไว้หมดแหละครับว่าทำได้
ซึ่งก็เป็นช่องโหว่ที่ทางการไทยไม่ได้ตระหนักถึงมาก่อน ถ้าเขาบินเข้าไทยมาแล้วแจ้งว่าอยากจะขอจอดพักเครื่อง ขอเติมน้ำมัน เราก็จำเป็นที่จะต้องให้เขาจอด ให้เขาพัก ถ้าเราไปสั่งตัดสิทธิ์เครื่องบินเขา เขาก็มีสิทธิตัดเส้นทางการบินของเราเช่นกัน
และอย่าลืมว่าไทยเรามีสายสัมพันธ์ที่ดีกับประเทศในแถบแอฟริกาหลายประเทศ มีการส่งของไปค้าขาย มีการส่งทหารไทยไปทำภารกิจที่แถบซูดานร่วมกับกองกำลังของสหประชาชาติเป็นผลัดๆด้วย
ปัญหามันมีอยู่จุดเดียวตรงๆเลย คือเราเขียนกฎไว้ไม่ชัดเจนเองตั้งแต่แรกครับ เพราะในความเป็นจริง ไม่มีใครในรัฐบาลอยากเปิดรับคนต่างชาติเข้าประเทศหรอก ถ้าติดตามข่าวเรื่อง Travel Bubble มาตั้งแต่แรก
จะเห็นว่ามีรัฐบาลต่างประเทศพยายามเจรจาให้ไทยเปิด Travel Bubble เพื่อกระตุ้นการเดินระหว่างประเทศอยู่หลายครั้ง แต่รัฐบาลก็บอกปัด และตัดสินใจที่จะชะลอการเปิด Travel Bubble เพราะในหลายๆประเทศเริ่มกลับมาระบาดอีกครั้งในระลอก 2
ก็เลยมีการเลื่อน Travel Bubble ครั้งแล้วครั้งเล่า เลื่อนการประชุม เลื่อนการประกาศผลมาตรการการเที่ยวต่างประเทศอะไรต่างๆออกไปเป็นเดือนๆ หลังจากนี้ก็แค่ปิดช่องโหว่ที่มันเปิดอยู่นั้นซะ จะได้หมดปัญหา ถ้ากฎมันเขียนไว้ไม่ชัดเจน ก็รีบๆเขียนทับไปซะเลย จะได้ไม่พลาดแบบนี้อีก
อ่านดีๆนะครับ ตรงนี้ผมไม่ได้บอกว่ารัฐบาลไม่ผิด จะมองมุมไหนรัฐบาลก็ผิดนั่นแหละ ในฐานะที่รัฐบาลนั้นเป็น Provider มีหน้าที่ในการจัดแจงบริหาร และบริการให้มันรอบคอบ
และที่พลาดนี้ส่วนหนึ่งก็เพราะความไม่รอบคอบ ความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของฝ่ายบริหาร ที่ไม่ได้คำนึงถึงความเป็นไปได้ หรือ แนวโน้มด้านลบ (worst-case scenario) ขึ้นมาให้ดีๆก่อนจะเปิดให้ทูตบินเข้า
สิ่งที่ผมเขียนมานี้ ไม่ได้ตั้งใจจะแก้ตัวให้รัฐบาล เพียงพยายามช่วยอธิบายในมิติของการทูต และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอยู่ ว่ามันมีตรรกะและเหตุผลของมัน และที่พิมพ์ออกมานี้ก็เพื่อพยายามช่วยเสริมเรื่องข้อมูล
ผู้อ่านจะได้มีข้อมูลไว้ใช้พิจารณามากขึ้นเพียงเท่านั้น ถือซะว่าช่วยๆกันหาข้อมูลมากระจายกัน จะได้ไม่เสพข้อมูลจากแหล่งใดแหล่งหนึ่งมากจนเกินไป
Reference
บทความจากฐานเศรษฐกิจ ชื่อ "อดีตทูตเปิดข้อมูลละเอียดอ่อนปมทหารอียิปต์-เด็กซูดานติดโควิด"
โฆษณา