19 ก.ค. 2020 เวลา 04:30 • ไลฟ์สไตล์
#คุณเป็นคนแบบไหนแค่ไลฟ์สไตล์ก็บอกว่าตัวคุณเป็นคนเก็บเงินได้หรือเป็นคนเก็บเงินไม่ได้#
๏ คุณชำระเงินด้วยวิธีไหนจ่าย "เงินสด" หรือ "รูดบัตรเครดิต" ๏
~ ก่อนตอบคำถามนี้ ผมขอถามคำถามหนึ่ง คุณมีบัตรเครดิตในกระเป๋ากี่ใบแค่
“ใบเดียว” หรือ “มากกว่า”
- จริง ๆ แล้วคนเราควรมีบัตรเครดิตกี่ใบ ลองคิดกันดูนะครับ
- การใช้บัตรเครดิตให้เป็นจะช่วยควบคุม บัญชีรายรับ – รายจ่ายได้ เพราะมีใบแจ้งรายละเอียดการใช้จ่ายเป็นหลักฐาน แต่ถ้าใช้ไม่เป็นคุณก็อาจตกหลุมของการใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายได้อย่างรวดเร็ว นอกจากจะเก็บเงินไม่ได้แล้วบางครั้งจะต้องแบกหนี้สินจำนวนมากอีกด้วย
๏ หลุมพรางของบัตรเครดิตมีอยู่ 3 ข้อ
1. บัตรเครดิตจะช่วยยกระดับชีวิตของคุณโดยปริยาย
2. คุณสามารถกดเงินสดได้ง่าย ๆ
และ 3.คุณสามารถสะสมแต้มได้
~ เมื่อคุณสมัครบัตรเครดิต คุณจะสามารถซื้อของได้จนถึงเพดานจำนวนเงินที่กำหนด โดยไม่จำเป็นต้องมีเงินในบัญชีธนาคาร มันทำให้คุณรู้สึกเหมือนตัวเองมีเงินมากขึ้น และอยากลองใช้ชีวิตที่มีระดับเกินตัวไปโดยปริยาย เช่น คุณอาจนึกอยากลองซื้อสูทมาใส่ในราคา 30,000 บาท ก็เป็นได้นะครับ (ฮา ฮา)
- เวลาไม่มีเงินสด คุณยังสามารถใช้บัตรเครดิตกดเงินสดได้ไม่ยาก ผมคงไม่จำเป็นต้องบอกนะครับว่าการเบิกเงินสดจากบัตรเครดิตนั้น ไม่เหมือนกับการเบิกจากบัญชีธนาคารเพราะมันไม่ต่างอะไรกับการเป็นหนี้บริษัทบัตรเครดิต
~ซึ่งแน่นอนว่าคุณจะต้องชำระดอกเบี้ยตอนที่ใช้คืน เพียงคุณเบิกเงินสดจากบัตรเครดิตจะได้ของแถมเป็นค่าใช้จ่ายเพิ่มคือ ดอกเบี้ย
- ซึ่งหากคุณเบิกเงินจากธนาคารคุณก็ไม่จำเป็นต้องจ่ายดอกเบี้ยเลย
~ ประเด็นที่ยุ่งยากที่สุดคือ เรื่องการสะสมแต้ม คงมีคนจำนวนไม่น้อยเลยที่ตัดสินใจทำบัตรเครดิตเพราะต้องการสะสมแต้ม เรื่องนี้คล้ายกับบัตรสมาชิกร้านค้าคือ ความอยากสะสมแต้ม ทำให้คุณมักเกิดซื้อของที่ไม่จำเป็น
1
- อย่าลืมนะครับว่าการที่คุณสะสมแต้มได้มาก หมายความว่าคุณต้องจ่ายเพื่อซื้อของจำนวนมากเช่นกัน!!
- ถ้าให้จัดประเภทผมคิดว่าบัตรเครดิตเป็นสิ่งที่ เหมาะสำหรับคนที่เก่งในการควบคุมบัญชีรายรับ – รายจ่ายแล้วมากกว่าเพราะสำหรับคนที่ไม่สามารถควบคุมตัวเองไม่ให้ใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย หรือซื้อของมากเกินไป การใช้บัตรเครดิตให้จึงเป็นเรื่องยาก ดังนั้น สำหรับคนที่คิดว่าตัวเองไม่ค่อยถนัดเรื่องการคุมบัญชีรายรับรายจ่ายผมคิดว่าจ่ายเป็นเงินสดปลอดภัยกว่า
~ แต่หากคุณยังอยากใช้บัตร ผมขอแนะนำให้ลองใช้บัตรเดบิตดูก่อนเพราะบัตรเดบิตผูกกับบัญชีธนาคารของคุณโดยตรง เมื่อคุณใช้จ่ายเงินจะถูกหักจากบัญชีธนาคารในทันทีและหากคุณไม่มีเงินในบัญชีธนาคาร คุณก็จะไม่สามารถใช้บัตรเดบิตได้ นอกจากนี้คุณยังเก็บรายละเอียดรายการที่จ่ายไปแล้วได้ด้วยบัตรเดบิต จึงเป็นเครื่องมือควบคุมรายรับรายจ่ายได้สบาย ๆ แถมยังช่วยป้องกันการใช้จ่ายเกินตัวได้ในขณะเดียวกัน
2
- จริง ๆ ผมเองก็ชอบใช้บัตรเดบิตนะครับ เพราะช่วยควบคุมบัญชีรายรับรายจ่ายได้ง่ายกว่าการจ่ายเป็นเงินสดมาก เพียงนำใบเสร็จรับเงินมาเทียบกับรายการใช้จ่ายในแต่ละวันก็สามารถบริหารจัดการการเข้าออกของเงินได้ จริงอยู่ว่าบัตรเดบิตใช้ไม่ได้กับร้านค้าทุกร้าน แต่ลองใช้ดูก็ไม่เสียหายนะครับ
~ เอาล่ะครับกลับมาที่ คำถามแรกจริง ๆ แล้วว่าเราควรมีบัตรเครดิตกี่ใบ คำตอบของผมคือ “2 ใบ” ครับ ถึงมีมากกว่านี้ก็คงใช้ประโยชน์ได้ไม่หมด นอกจากนี้แม้บัตรเครดิตส่วนใหญ่จะได้รับการยกเว้นค่าธรรมเนียมรายปี ในปีแรกแต่มักเริ่มเก็บค่าธรรมเนียมตั้งแต่ปีถัดไปอยู่ดี มีบัตรเครดิตใบไหนไหมครับที่คุณทำมาแล้วไม่ค่อยได้ใช้ แต่กลับต้องถูกหักค่าธรรมเนียมทุกปี
2
- หากคุณมีบัตรเครดิตที่ไม่ได้ใช้ก็ควรยกเลิกดีกว่า จะได้ไม่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมรายปีไปโดยเปล่าประโยชน์
**สำหรับวิธีเลือกบัตรเครดิต 2 ใบที่กล่าวข้างต้น**
คุณควรเลือกใช้บัตรเครดิตที่สามารถสะสมเงินคืนอย่างน้อย 1% ในทุกร้านที่ซื้อเป็นบัตรหลัก และเลือกบัตรที่สะสมแต้มได้สูงในร้านใดร้านหนึ่งเป็นบัตรรอง เช่น บัตรของซุปเปอร์มาร์เก็ตที่คุณใช้เป็นประจำ ถ้าคุณสามารถแบ่งใช้บัตร 2 ใบนี้ได้อย่างชำนาญ ก็ถือว่าสมบูรณ์แบบแล้วครับ
#ตัวคุณล่ะใช้บัตรเครดิตอย่างไรมาแลกเปลี่ยนกันใน Comment ได้นะครับ#
โฆษณา