21 ก.ค. 2020 เวลา 11:43 • ประวัติศาสตร์
“วลาดิเมียร์ ปูติน” Ep.1 สายลับเหล็กแห่ง KGB
“สายลับคนเดียวสามารถทำอะไรได้มากพอๆกับทหารทั้งกองทัพ และสายลับเพียงคนเดียวเป็นผู้กุมชะตาชีวิตของผู้คนนับหมื่นนับพันคน” วลาดิเมียร์ ปูติน
หากเอ่ยชื่อ “วลาดิเมียร์ ปูติน” เชื่อได้เลยว่าร้อยละ 90 รู้จักชื่อนี้เป็นอย่างดี
“วลาดิเมียร์ ปูติน” คือชื่อของชายผู้อยู่ในตำแหน่งประธานาธิบดีรัสเซียมาแล้ว 4 สมัย
1
ชื่อของชายผู้ที่ทรงอำนาจสูงสุดในรัสเซียมากว่า 20 ปี
และชื่อของชายที่เป็นหนึ่งในผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในโลก
แต่ก่อนที่จะไปรู้จักเรื่องราวของชายผู้ยิ่งใหญ่คนนั้น ผมจะนำพาทุกท่านไปพบกับเรื่องราวของเด็กหนุ่มคนหนึ่งก่อน
เด็กหนุ่มผู้เกิดมาท่ามกลางสงครามอุดมการณ์ของมหาอำนาจ...
1
เด็กหนุ่มผู้มีความฝันตั้งแต่เด็กว่าอยากจะเป็นสายลับ...
1
เด็กหนุ่มผู้ขัดเกลาและเรียนรู้จนสามารถทำความฝันของตัวเองได้สำเร็จ...
เด็กหนุ่มผู้มีจิตใจมั่นคงและแข็งแกร่งเหมือนดั่งเหล็ก...
เด็กหนุ่มผู้เก็บงำความลับไว้มากมาย...
3
เด็กหนุ่มผู้ที่ทำงานทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ของชาติ...
เด็กหนุ่มผู้ที่จะเติบโตแล้วเปลี่ยนแปลงรัสเซียในอนาคตไปตลอดกาล...
และนี่ คือเรื่องราว “วลาดิเมียร์ ปูติน” Ep.1 สายลับเหล็กแห่ง KGB
1
โปรดนั่งลงเถิดครับ แล้วผมจะเล่าให้ฟัง...
เรื่องราวได้เริ่มขึ้นในวันที่ 7 ตุลาคม ค.ศ.1952 ณ เมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก (หรือตอนนั้นเรียกเลนินกราด) เด็กน้อยคนหนึ่งได้ลืมตาขึ้นมาดูโลก พ่อและแม่ของเด็กน้อยก็ได้ตั้งชื่อให้ว่า “วลาดิเมียร์ ปูติน” หรือเรียกสั้นๆว่า “โววา”
โววาเกิดในครอบครัวที่ไม่ได้มีฐานะอะไรมากมายครับ พ่อเคยเป็นทหารผ่านศึกในสงครามโลกครั้งที่ 2 และขาพิการจากการรบ ทำให้หลังสงครามพ่อของโววาทำงานเป็นช่างในโรงงานทำโบกี้รถไฟ
ส่วนแม่นั้นมีอาชีพอิสระ รับจ้างทุกอย่าง ทั้งเก็บกวาดถนน ส่งของ ทำขนมปัง ล้างจาน หรือแม้กระทั่งเป็นยาม
เลยทำให้ความเป็นอยู่ในครอบครัวของโววาไม่ได้สบายซักเท่าไหร่ แต่ก็ถือว่าอบอุ่นพอสมควรเลยล่ะครับ เพราะพ่อและแม่ต่างเอ็นดูโววาเป็นพิเศษ (โววามีพี่ชายอีก 2 คน แต่เสียชีวิตไปในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2)
4
โววาในวัย 6-7 ปีนั้นก็แสดงลักษณะพิเศษออกมาคือ “ความเป็นผู้นำ” เนื่องจากแก๊งเด็กๆแถวบ้านนั้นต่างนับถือให้โววาเป็นหัวหน้าแก๊ง
ซึ่งเมื่ออายุ 8 ปี โววาก็เริ่มเข้าโรงเรียน และแสดงอิทธิพลของตัวเองจนเด็กจำนวนมากยอมศิโรราบแล้วเรียกโววาว่า “ลูกพี่” อีกทั้งบ้านและโรงเรียนของโววานั้นอยู่ติดกัน เลยทำให้แก๊งแถวบ้านและแก๊งที่โรงเรียนของโววารวมเข้าด้วยกัน จนกลายเป็นแก๊งมาเฟียเด็กย่อมๆเลยล่ะครับ!
3
ภาพจาก en.putin.kremlin (เด็กชายโววาและแม่)
เมื่อโววาอายุได้ 10 ปี แก๊งเด็กๆของเขาก็เริ่มกร่างมากขึ้นและโววาก็เริ่มควบคุมไม่อยู่ ดังนั้น โววาจึงตัดสินใจไปเรียนมวยสากล แต่พอไปเรียนได้แป๊ปเดียวก็โดนต่อยจนดั้งหัก! โววาจึงคิดว่า “มวยสากลไม่ใช่ทางซะแล้ว” เลยหันไปเรียนแซมโบแทน
4
พอโววาเรียนแซมโบจนเซียนแล้ว ก็หันไปเรียนยูโด ซึ่งจากการเรียนยูโดทำให้โววาเริ่มอินกับวัฒนธรรมของตะวันออกมากขึ้น (ต่อมาเรียนจนเป็นแชมป์ยูโดของเมืองและได้สายดำ)
เวลาผ่านไป โววาก็เริ่มเข้าสู่ช่วงฮอร์โมน วัยว้าวุ่น เริ่มสนใจผู้หญิงจนมีแฟน และพอถึงช่วงก่อนที่จะเข้ามหาวิทยาลัย แฟนของโววาได้ตัดสินใจที่จะไปเรียนต่อที่สถาบันเทคโนโลยีเลียนา เกรียชนาวา
แต่ทว่าโววานั้นไม่ตามไป! ซึ่งสร้างความตกใจและแปลกใจให้กับพ่อแม่และครูของโววาสุดๆเลยล่ะครับ (การตัดสินใจนี้ทำให้โววาและแฟนต้องห่างกันจนเลิกกันไปในที่สุด)
1
โววาได้บอกกับพ่อแม่และครูว่า “ผมตั้งใจจะเรียนต่อนิติศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยเลนินกราด”
1
ซึ่งพ่อแม่และครูก็ต่างไม่เห็นด้วยที่โววาจะเรียนนิติ จึงช่วยกันพูดจาหว่านล้อมและคัดค้าน เพราะกลัวว่าโววาจบแล้วจะไปเป็นตำรวจ (พ่อแม่ของโววาไม่อยากให้ลูกเป็นตำรวจ)
ซึ่งโววาก็ตอบกลับไปว่า “พ่อแม่ไม่ต้องห่วงสบายใจได้เลย เพราะผมไม่ได้อยากเป็นตำรวจ แต่ผมมีเป้าหมายอื่นอยู่ในใจ ซึ่งผมต้องทำมันให้ได้!”
2
พ่อแม่ก็สงสัยสิครับ จึงพากันเซ้าซี้ถามว่าโววามีเป้าหมายอะไร แต่โววาก็ไม่ยอมปริปากและเก็บงำความลับนั้นไว้ในใจเป็นเวลานาน (การเก็บงำความลับ เป็นลักษณะพิเศษอีกอย่างหนึ่งของโววา)
1
ซึ่งเป้าหมายจริงๆในการเรียนนิติของโววานั้น คือ การตั้งใจที่จะเป็นสายลับ!
1
นั่นเพราะว่าโววาได้แรงบันดาลใจมาจากการดูหนัง อ่านนิยายและวารสารที่เกี่ยวกับสายลับของโซเวียต (เรื่องราวโฆษณาหรือสื่อเกี่ยวกับสายลับในช่วงนั้นหลากหลายมาก เพราะเป็นช่วงสงครามเย็นที่หน่วยข่าวกรองและสายลับมีบทบาทสำคัญ)
จากการเสพสื่อเหล่านี้ทำให้โววามองสายลับเป็นฮีโร่และคิดว่า “สายลับนี่มันเท่จริงๆ!” จึงทำให้โววาตั้งความฝันและเป้าหมายคือ ต้องเป็นสายลับให้ได้! และต้องเป็นสายลับที่สังกัดใน KGB (หน่วยสืบราชการลับของโซเวียต เหมือน CIA ของอเมริกา หรือ MI6 ของอังกฤษ)
1
โววาจึงทำการเก็บข้อมูลว่า “ต้องทำยังไงถึงจะได้เป็นสายลับใน KGB?”
แล้วก็ได้รับคำตอบจากเจ้าหน้าที่รัฐในเลนินกราดว่า “KGB ไม่มีการรับสมัครเจ้าหน้าที่หรอกไอ้หนู หาก KGB อยากจะรับใครเข้าทำงาน KGB จะเป็นผู้เลือกด้วยตัวเอง ซึ่งจะเลือกจากผู้ที่ผ่านการเกณฑ์ทหารหรือจบจากมหาวิทยาลัยแล้วเท่านั้น”
ดังนั้น โววาจึงตัดสินใจไปเรียนมหาวิทยาลัยเลนินกราด และเลือกเข้านิติศาสตร์ เพราะคิดว่าน่าจะตรงกับสายงานของสายลับ ซึ่งในคณะนี้เรียกได้ว่า รับนักศึกษาน้อย จึงมีการแข่งขันที่สูงมาก ประมาณ 1 ต่อ 40 ผู้ที่สอบได้ส่วนใหญ่คือต้องเคยผ่านการสอบมาแล้วซักครั้งหรือสองครั้ง
2
แต่ก็น่าเหลือเชื่อที่โววาสอบติดตั้งแต่ครั้งแรก! ซึ่งแสดงถึงความเก่งและความฉลาดของโววาได้เป็นอย่างดีเลยล่ะครับ
ภาพจาก Daily Mail (พัฒนาการของโววา)
ภาพจาก The New York Times (ยูโดเป็นศิลปะการต่อสู้ที่โววาเชี่ยวชาญมากที่สุด)
เมื่อเข้ามหาวิทยาลัย โววาก็ได้เลิกกับแฟนคนแรกเพราะต้องห่างไกลกัน จากนั้นจึงคบกับนักศึกษาแพทย์คนหนึ่ง ซึ่งรักกันมากจนถึงขนาดจะมีการแต่งงานกันระหว่างเรียนเลยล่ะครับ แต่พอถึงวันแต่งงานเข้าจริงๆ เจ้าสาวได้ซื้อชุดแต่งงานและแหวนแต่งงานพร้อมอยู่แล้ว แต่โววากลับเปลี่ยนใจ บอกยกเลิกงานแต่งและชิ่งเอาดื้อๆ!
2
ซึ่งโววาได้ให้เหตุผลว่า “ยังไม่พร้อม” เพราะยังไม่บรรลุเป้าหมายในชีวิต คือ การเป็นสายลับ แสดงให้เห็นว่า เพื่อเป้าหมายของตัวเองแล้ว โววาจะตัดสินใจได้อย่างเด็ดขาดและเลือดเย็นสุดๆ (แต่โววาก็มาพูดภายหลังว่าการบอกยกเลิกงานแต่งครั้งนี้เป็นการตัดสินใจที่ยากที่สุดในชีวิตคร้ังหนึ่งเลยล่ะครับ)
1
ระหว่างที่เรียนอยู่ในมหาวิทยาลัย โววาพยายามทำตัวเป็นนักศึกษาที่ดี ตั้งใจเรียน เพื่อที่ซักวัน KGB จะได้มาทาบทามให้เขาเข้าทำงาน
1
แต่พอเวลาผ่านไปจนปีสุดท้ายในมหาวิทยาลัย ก็ยังไม่มีวี่แววว่า KGB จะเข้ามาติดต่ออะไร จึงทำให้โววาเริ่มหมดหวังในการเป็นสายลับและคิดว่าฝันคงสลายแล้ว จึงตัดสินใจว่าจบไปจะเปลี่ยนความตั้งใจไปเป็นทนายความ
แต่แล้ว ใน ค.ศ.1975 วันที่โววากำลังจะจบการศึกษา ก็ได้มีชายลึกลับคนหนึ่งติดต่อมา พร้อมกับนัดให้ไปเจอเพื่อคุยเกี่ยวกับการเสนอตำแหน่งงานในอนาคตหลังจบการศึกษา โดยชายลึกลับคนนั้นไม่ได้บอกรายละเอียดอะไรเลยเกี่ยวกับงาน บอกแค่ว่าเจอกันแล้วค่อยคุย...
1
โววาจึงเริ่มคิดแล้วว่า “เป็นความลับขนาดนี้ ต้องเป็นงานนั้นแน่ๆ!”
2
และก็เป็นไปตามที่โววาคิดครับ ชายลึกลับคนน้ันได้มาทาบทามให้โววาเข้าทำงานใน KGB
1
ภาพจาก Financial Times (โววาช่วงที่เป็นสายลับ KGB)
สายลับ KGB เป็นงานที่เด็กหนุ่มมากมายในโซเวียตอยากที่จะเป็น เพราะมีสิทธิพิเศษหลายอย่างที่คนทั่วไปไม่มี แต่ด้วยงานที่ขึ้นชื่อว่า “สายลับ” ทำให้ต้องมีการปิดบังตัวตนให้ได้มากที่สุด เพราะหากมีคนจำนวนมากรู้ว่าเป็นสายลับ อนาคตสายลับคนนั้นต้องดับลงแน่นอน
1
ดังนั้น งานนี้จึงเหมาะกับนิสัยของโววาได้พอดิบพอดี เพราะเป็นคนที่เก็บงำความลับได้เก่งมาก! ซึ่งคนที่รู้ว่าโววาเป็นสายลับจะมีแค่คนที่ใกล้ชิดและไว้ใจสุดๆเท่านั้น
การเป็นสายลับใน KGB ได้สร้างบุคลิกอีกอย่างหนึ่งให้กับโววา นั่นคือ การเป็นคนที่มีระเบียบวินัยและเคร่งครัดในกฎ
ความฉลาด...
1
ความเก่งกาจ...
ความแข็งแกร่ง...
1
ความมีระเบียบวินัย...
1
ความเป็นผู้นำ...
1
และปากที่แข็งเหมือนเหล็ก...
ทำให้ไม่กี่ปีที่ทำงาน โววากลายเป็นสายลับดีเด่น จนถูกส่งให้ไปเรียนต่อที่อันโดรบอฟ ซึ่งเป็นสถาบันของ KGB โดยเฉพาะ เพื่อที่เมื่อโววาจบจากสถาบันนี้แล้ว จะได้ถูกส่งไปปฏิบัติงานในต่างประเทศ
1
และแน่นอนครับ ระหว่างเรียนต่อ โววาก็ได้ทำผลงานดีเด่นอีกตามเคย และเมื่อเรียนจบใน ค.ศ.1985 โววาก็ได้ถูกส่งไปทำงานที่เยอรมนีตะวันออก
1
และในช่วงที่โววาเป็นสายลับอยู่ในเยอรมนีตะวันออกนั้น โซเวียตเริ่มที่จะตกต่ำลงทั้งทางด้านการเมืองและเศรษฐกิจ ผู้นำที่ขึ้นมา คือ มิคาอิล กอร์บาชอฟ จึงได้ทำการปฏิรูปโซเวียตครั้งใหญ่ โดยใช้นโยบายกลาสนอสต์และเปเรสทรอยก้า
1
และจากนโยบายของกอร์บาชอฟ โซเวียตก็เริ่มเกิดรอยร้าวทีละเล็กทีละน้อย...
2
ภาพจาก BBC (บัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ KGB ของโววาในเยอรมนีตะวันออก)
แต่ก่อนที่จะพูดถึงโซเวียตและงานสายลับในเยอรมนีตะวันออกของโววา ผมขอพูดถึงเรื่องราวความรักระหว่างเรียนต่อที่ KGB ของโววากันก่อน
อย่างที่ได้เล่าไปก่อนหน้าครับว่า โววาเคยมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับผู้หญิงมาแล้ว 2 คน (เท่าที่เปิดเผยนะครับ) และก็ได้พบกับผู้หญิงคนที่สามจากการที่เพื่อนของโววาชวนโววาไปดูละคร และบอกว่ามีสาวอีกสองคนไปด้วย
จากการไปดูละครครั้งนั้น หนึ่งในหญิงสาวที่ไปด้วย คือ ลูดมีร่าซึ่งเป็นแอร์โฮสเตส ทั้งโววาและลูดมีร่าก็เกิดปิ๊งกันขึ้นมา จึงมีการคุยกันต่อจนคบกันเป็นแฟน
1
ซึ่งพอคบกันไปได้ประมาณ 3-4 เดือน โววาก็ได้ขอลูดมีร่าแต่งงาน! (รวดเร็วทันใจจริงๆ) ซึ่งทั้งคู่ก็ได้แต่งงานกันในที่สุด และโววากับลูดมีร่ามีลูกสาวด้วยกันทั้งหมด 2 คน คือ มาช่าและคาเธีย
3
การที่โววาเป็นสายลับนั้น ทำให้ชีวิตหลังแต่งงานของลูดมีร่าไม่ค่อยราบรื่นซักเท่าไหร่ครับ เพราะโววาเป็นคนที่เงียบขรึมและมีความลับอยู่มากมาย ซึ่งทำให้ลูดมีร่าอึดอัดพอสมควร และมีการพูดภายหลังว่า
2
“จากการใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันมากว่า 20 ปี ชั้นก็ยังไม่รู้จักโววาดีพอเลย โดยปกติโววาเป็นคนเก็บตัวเงียบ แต่หากพูดคุยในเรื่องที่เขาสนใจล่ะก็ เขาก็เต็มใจที่จะพูดคุยด้วย แต่อย่าไปพูดถึงเรื่องนินทาคนอื่นหรือเรื่องงานเชียวล่ะ เพราะเขาจะหยุดพูดไปในทันที”
1
และหลังจากที่โววาถูกส่งให้ไปทำงานที่เยอรมนีตะวันออก ลูดมีร่าก็ได้ตามไปอยู่ด้วย
1
ภาพจาก Pinterest (งานแต่งงานของโววาและลูดมิร่า)
ภาพจาก Infiltrato (โววาพร้อมมาช่าและคาเธีย)
เมื่อถูกส่งมาที่เยอรมนีตะวันออก โววาได้แฝงตัวเป็นสายลับที่เมืองเดรสเด็น โดยเป็นงานหาข่าวสายการเมืองของนักการเมืองและพรรคการเมืองของประเทศสมาชิก NATO โดยมีการหาข่าวแล้วรวบรวมมาวิเคราะห์แนวโน้มภายในพรรคต่างๆเพื่อใช้เป็นข้อมูลการตัดสินใจของโซเวียตในการออกนโยบายตอบโต้ประเทศสมาชิก NATO
โววาทำงานได้ไม่กี่ปี โซเวียตก็เริ่มสั่นคลอนจากนโยบายของกอร์บาชอฟ
โดยสภาพของโซเวียตก่อนกอร์บาชอฟขึ้นมานั้น เศรษฐกิจตกต่ำลงอย่างมากจากเหตุผลหลายๆอย่าง โดยเฉพาะการเอาเงินไปทำสงครามในอัฟกานิสถาน
เมื่อกอร์บาชอฟขึ้นมา จึงคิดที่จะฟื้นเศรษฐกิจโซเวียตขึ้นมาใหม่ เลยประกาศใช้นโยบายกลาสนอสต์และเปเรสทรอยก้า
กลาสนอสต์ คือ การปฏิรูปทางการเมืองโดยการเปิดเสรีให้ประชาชนสามารถวิพากวิจารณ์รัฐบาลได้
เปเรสทรอยก้า คือ การปฏิรูปทางเศรษฐกิจ โดยลดการควบคุมจากส่วนกลาง เปิดเสรีทางเศรษฐกิจมากขึ้น
ซึ่งผล คือ เปเรสทรอยก้าไม่สามารถพยุงเศรษฐกิจของโซเวียตขึ้นมาได้เพราะเป็นการปฏิรูปที่ยังครึ่งๆกลางๆและสายจนเกินไป แต่กลาสนอสต์นั้นดันสำเร็จ ผู้คนในโซเวียตมีความตื่นตัวทางการเมือง เกิดการเคลื่อนไหวทางสังคม และพากันด่ารัฐบาลโซเวียตว่าไม่สามารถฟื้นเศรษฐกิจของประเทศได้...
2
เมื่อการเมืองเจริญแต่เศรษฐกิจกลับตกต่ำ ส่งผลให้คะแนนความนิยมในคอมมิวนิสต์โซเวียตดิ่งลงเหว เหล่าประเทศที่เคยรวมกันก็ลุกขึ้นมาปฏิวัติต่อต้านโซเวียตแล้วพากันแยกตัวไปทีละประเทศ
รวมถึงในเยอรมนีตะวันออกที่โววาทำงานอยู่ ฝูงชนก็ได้พากันลุกฮือเข้ายึดและทำลายสำนักงานต่างๆของโซเวียต รวมถึงสำนักงานหน่วยข่าวกรองลับ ซึ่งสถานการณ์เริ่มตึงเครียดและอันตรายสำหรับโววา โดยในภายหลังโววาได้เล่าเหตุการณ์ในวันนั้นอย่างละเอียดว่า
3
“ยิ่งเวลาผ่านไปฝูงชนที่เข้าห้อมล้อมอาคารก็ยิ่งฮึกเหิม ผมเลยต้องออกไปอธิบายให้พวกเขาฟังว่าที่นี่เป็นหน่วยงานทางทหารของโซเวียต และก็มีคำถามสวนออกมาจากฝูงชนว่า แล้วทำไมรถที่อยู่ในลานจอดรถถึงมีป้ายทะเบียนเหมือนรถเยอรมัน หรือ คุณเป็นใคร ดูเหมือนจะพูดเยอรมันได้ดีเกินไปหน่อยนะ...
2
ผมเลยตอบไปว่า ผมเป็นล่าม ซึ่งกว่าที่จะหยุดความวุ่นวายและให้ฝูงชนเหล่านั้นสลายตัวก็โต้เถียงกันนานพอสมควร และหลังจากนั้นผมก็มีความรู้สึกว่าจะไม่มีประเทศที่ชื่อว่าสหภาพโซเวียตอีกต่อไป เพราะสหภาพโซเวียตกำลังป่วย ป่วยด้วยโรคที่ร้ายแรงรักษาไม่ได้ มันคืออัมพาต อัมพาตทางอำนาจ!”
1
และแล้วฝูงชนเยอรมันก็ได้พากันทลายกำแพงเบอร์ลิน ซึ่งเป็นกำแพงที่แยกเยอรมนีตะวันตกและตะวันออก ออกจากกัน และเยอรมนีทั้งสองก็กลับมารวมกันอีกครั้งหนึ่ง
2
สหภาพโซเวียตก็ได้ล่มสลายไปในที่สุดจากการพากันแยกตัวของประเทศบริวาร และขั้วอำนาจของโลกก็เอียงไปทางสหรัฐอเมริกาเพียงฝ่ายเดียว
2
เมื่อโซเวียตล่มสลาย สงครามเย็นได้จบลง ทำให้ KGB เป็นองค์กรที่ไร้ความหมาย จึงโดนยุบไปในที่สุด
ทำให้งานสายลับที่เป็นความฝันของโววาได้สิ้นสุดและแตกสลายลง
1
โววาต้องเดินทางกลับประเทศอย่างผิดหวังและเจ็บปวดใจ...
1
และนี่ คือจุดจบของสหภาพโซเวียต จุดจบของ KGB และจุดจบในการเป็นสายลับของโววา
1
แต่ทว่า ในตอนนั้นโววาไม่รู้ตัวเลยว่าภายใต้จุดจบนี้ คือ จุดเริ่มต้นของการสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่ในอนาคตที่โววาจะได้ทำให้กับรัสเซีย
2
ซึ่งจะยิ่งใหญ่กว่างานสายลับที่เขาเคยทำให้กับ KGB และโซเวียตร้อยเท่าพันเท่า...
1
ภาพจาก The Berlin Wall (การทำลายกำแพงเบอร์ลิน)
ใน Ep. ต่อไป ผมจะนำพาทุกท่านไปพบกับเรื่องราวชีวิตหลังจากเลิกเป็นสายลับของวลาดิเมียร์ ปูติน
เรื่องราวของรัสเซียหลังโซเวียตล่มสลาย...
เรื่องราวการเริ่มต้นในเส้นทางการเมืองของปูติน...
และเรื่องราวการไต่เต้าไปสู่ความยิ่งใหญ่ ที่จะเปลี่ยนรัสเซียและโลกทั้งใบไปตลอดกาล...
ใน Ep.2 ชายผู้อยู่ในเงามืด
1
ภาพจาก New Statements
อ้างอิง
Gessen, Masha. The Man Without a Face: The Unlikely Rise of Vladimir Putin, Riverhead Books, 2013.
Putin, Vladimir. First Person: An Astonishingly Frank Self-Portrait by Russia's President, 2000.
University Press. Vladimir Putin : The Biography, University Press 2019.

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา