25 ก.ค. 2020 เวลา 11:33 • ประวัติศาสตร์
“วลาดิเมียร์ ปูติน” Ep.3 ขาวและดำ
3
ในความคิดของมนุษย์นั้นมีการเปรียบความดีเป็นสีขาวและความชั่วร้ายเป็นสีดำ
2
แต่ในโลกแห่งความเป็นจริง ไม่มีมนุษย์คนไหนที่เป็นสีขาวล้วนๆ หรือเป็นสีดำล้วนๆ
เราทุกคนต่างมี 2 สีผสมกัน ซึ่งกลายเป็นสีเทาด้วยกันทุกคน
โดยจะแตกต่างกันตรงที่แต่ละคนนั้นเป็นสีเทาเฉดไหน...
ทุกท่านครับ ใน Ep.นี้ ผมจะนำพาทุกท่านไปพบกับสีขาวและสีดำของวลาดิเมียร์ ปูติน
สีขาวของเขาได้ทำให้ประเทศที่กำลังจะพังทลาย ผงาดขึ้นมาใหม่อีกครั้ง...
สีขาวของเขาได้สร้างประเทศให้มั่นคงและกลายเป็นมหาอำนาจของโลก...
แต่ในสีขาวก็ได้มีสีดำซ้อนอยู่ข้างหลัง...
สีดำที่เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้สีขาวสร้างสิ่งที่ว่ามาทั้งหมดได้สำเร็จ
และนี่ คือเรื่องราว “วลาดิเมียร์ ปูติน” Ep.3 ขาวและดำ
โปรดนั่งลงเถิดครับ แล้วผมจะเล่าให้ฟัง...
ใน Ep.ที่แล้ว ทั้งบอริส เยลต์ซิน และ บอริส บีรีซอฟกี รวมถึงกลุ่มโอลิกา ต่างยอมรับและผลักดันให้ตัวของโววาเป็นทายาททางการเมืองของบอริส เยลต์ซิน ที่ตอนนี้ป่วยออดๆแอดๆ
บอริส เยลต์ซินได้แต่งตั้งให้โววาเป็นนายกรัฐมนตรีใน ค.ศ.1999 โดยทั้งคณะรัฐบาล สภาดูมา หรือแม้กระทั่งประชาชนส่วนใหญ่ก็ตั้งคำถามเดียวกันว่า “ปูตินเป็นใคร?”
ความโนเนมและความจืดชืดของโววานั้นสามารถปิดบังตัวตนหรือความสามารถที่แท้จริงเอาไว้อย่างแนบเนียน ทำให้กลุ่มโอลิกาที่คิดจะใช้โววาเป็นหุ่นเชิดนั้นตายใจ
โววาได้ขึ้นมาเป็นนายกในช่วงที่ประเทศกำลังเต็มไปด้วยปัญหาวุ่นวายหลายอย่างเลยล่ะครับ
การคอร์รัปชันของรัฐบาลเยลต์ซินกับกลุ่มโอลิกา...
1
สงครามกบฎแบ่งแยกดินแดนเชชเนีย...
เศรษฐกิจที่ตกต่ำของรัสเซีย...
เมื่อทั้งเยลต์ซินและกลุ่มโอลิกาไว้ใจและตั้งโววาเป็นนายก โววาก็คิดแล้วครับว่า “นี่แหละคือโอกาสทองที่จะสร้างผลงานซักอย่างหนึ่ง”
โววาได้ตัดตัวเลือกในเรื่องเศรษฐกิจและคอร์รัปชันออกไปก่อน เพราะยังไม่ได้มีอำนาจขนาดนั้นและคิดว่ายังไม่ถึงเวลา
โววาจึงเบนเข็มไปที่ปัญหาในเชชเนีย ซึ่งเหตุการณ์ก็พอเหมาะพอเจาะเหลือเกินเมื่อโววาเป็นนายกได้แค่เดือนเดียว ก็เกิดเหตุวางระเบิดตึกที่พักอาศัย 4 ชั้นในมอสโก มีผู้เสียชีวิต 294 คน! อีกทั้งกลุ่มกบฎในเชชเนียได้ประกาศแยกตัวแล้วตั้งรัฐบาลของตัวเอง
1
โววาก็ทำการประกาศออกสื่อทางโทรทัศน์ว่า “การระเบิดในมอสโกเป็นฝีมือของพวกกบฎแบ่งแยกดินแดนในเชชเนีย! ผมขอประณามพวกมันว่าเป็นผู้ก่อการร้ายที่เราต้องกำจัด รวมถึงหยุดยั้งการแบ่งแยกดินแดนในเชชเนียเพื่อไม่ให้ที่อื่นเอาเป็นเยี่ยงอย่าง”
1
โววาได้โยงเหตุการณ์ทั้งสองเข้าด้วยกัน ทำการจุดไฟแห่งความแค้นของชาวรัสเซียขึ้นมาใหม่เพื่อให้มีการจัดการปัญหาในเชชเนียอย่างเด็ดขาด (มีการโจมตีจากฝ่ายตรงข้ามโววาในภายหลังว่าการระเบิดในมอสโกเป็นฝีมือของ FSB ซึ่งจริงแค่ไหนก็ไม่สามารถบอกได้)
2
โววายังมีการพูดอีกว่า “เราจะถล่มเชชเนีย และผมได้สั่งอย่างเด็ดขาดว่าหากเจอพวกผู้ก่อการร้ายที่ไหน ให้กำจัดมันที่นั่น ถ้าเจอในส้วมก็ฆ่ามันหมกส้วม!”
1
คำประกาศดังกล่าวห่างไกลจากคำประกาศทางการทูตที่ถูกต้องไปพอสมควรเลยล่ะครับ แต่มันกลับถูกใจคนรัสเซียสุดๆ! ทำให้คะแนนความนิยมในตัวโววาสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
2
หลังจากประกาศอย่างเด็ดเดี่ยวแล้ว โววาก็สั่งให้กองทัพเข้าถล่มเชชเนียแบบที่พูด เกิดเป็นสงครามเชชเนียครั้งที่ 2 ขึ้นมา
2
ซึ่งทั้งหมดในตอนนี้เป็นแผนของบอริส บีรีซอฟสกี้ ที่จะสร้างโววาจากคนที่ไม่มีใครรู้จัก ให้กลายเป็นวีรบุรุษจากสงครามเชชเนียนี่แหละครับ
ภาพจาก Wikipedia (สงครามเชชเนียครั้งที่ 2)
โดยสงครามเชชเนียครั้งที่ 2 นี้แตกต่างจากครั้งแรก เพราะในครั้งแรกนั้นกองทัพรัสเซียไม่ได้จริงจังกับการรบในเชชเนียซักเท่าไหร่ แถมมีการดูถูกพวกกบฎว่าก็แค่พวกกระจอกที่อยากมีดินแดนของตัวเอง ซึ่งต่อมาก็รู้ว่าพวกนี้จัดการยากกว่าที่คิด
เนื่องจากพวกกบฎมีการรบแบบกองโจร แฝงตัวอยู่ในพลเรือน ทำให้ฝ่ายทหารรัสเซียทำงานลำบาก เพราะต้องแยกกบฎกับพลเรือนออกจากกัน
ทำให้รัสเซียไม่สามารถเอาชนะพวกกบฎได้ซักที สงครามก็ยืดเยื้อ ริดลอนทั้งคนและทรัพยากรของรัสเซียไปมหาศาล เศรษฐกิจที่แย่อยู่แล้วก็ยิ่งแย่เข้าไปอีก
1
แต่พอมาครั้งที่ 2 โววาที่พึ่งเป็นนายกก็ไม่ได้ดูถูกพวกกบฎเลยซักนิด จึงใช้กองทัพเต็มกำลังผนวกกับเทคโนโลยีทางทหารที่ยอดเยี่ยมที่สุดงัดมากระหน่ำพวกกบฎแบบมีเท่าไหร่ใส่ไม่ยั้ง! อีกทั้งยังไม่สนว่าใครเป็นกบฎหรือใครเป็นพลเรือน
1
เพราะในความคิดของโววา “ชาวเชเชน (คนเชชเนีย) ทุกคนที่ขวางทางทหารรัสเซีย ล้วนเป็นผู้ก่อการร้ายที่ต้องกำจัด!”
1
แล้วโววาก็เข้าไปบัญชาการที่สมรภูมิด้วยตัวเอง...
มีการสั่งให้ทิ้งระเบิดปูพรมทำลายกรอสนีที่เป็นเมืองหลวงของเชชเนียจนราบคาบ โดยไม่สนว่าคนที่โดนจะเป็นกบฎหรือพลเรือน...
2
ที่ไหนคิดว่าเป็นที่หลบซ่อนของพวกกบฎต่างถูกบอมบ์จนราบเป็นหน้ากลอง แล้วค่อยให้ทหารเข้าไปเคลียร์ทีหลัง...
ทั้งกบฎและพลเรือนล้มตายกันเป็นใบไม้ร่วง...
เหล่ากบฎต่างหนีตายกระจัดกระจาย แตกออกเป็นกลุ่มเล็กกลุ่มน้อย...
โววาเปิดสงครามแบบเต็มรูปแบบถล่มกลยุทธ์กองโจรของเชชเนียแบบไม่คำนึงถึงมนุษยธรรม...
1
แต่ในระยะเวลาอันรวดเร็ว โววาก็สยบเหล่ากบฎได้ แล้วเชชเนียก็ตกอยู่ในกำมือของรัสเซียในที่สุด
จากสงครามนี้คนเชชเนียต่างโกรธแค้นและเกลียดชังโววาเข้ากระดูกดำ แต่กลับกันคนรัสเซียกลับชื่นชมและชื่นชอบจนถึงขนาดเทิดทูนโววา แล้วยกให้เป็นวีรบุรุษเลยทีเดียว
ภาพจาก BBC (วลาดิเมียร์ ปูติน ขับเครื่องบินไปบัญชาการรบด้วยตัวเองในสงครามเชชเนียครั้งที่ 2)
ภาจาก National Security Archive (สภาพเมืองหลังโดนระเบิดปูพรม)
และในวันที่ 31 ธันวาคม ค.ศ.1999 บอริส เยลต์ซินที่เริ่มป่วยหนักจึงตัดสินใจลาออกจากการเป็นประธานาธิบดี เลยเกิดการเลือกตั้งขึ้นมาในรัสเซีย
แน่นอนครับว่า ด้วยผลงานที่โดดเด่นและความนิยมที่พุ่งสูงปรี๊ด โววาก็ชนะการเลือกตั้ง แล้วขึ้นเป็นประธานาธิบดีของรัสเซียในวันที่ 7 พฤษภาคม ค.ศ.2000
1
ทางด้านบอริส บีรีซอฟสกี้และกลุ่มโอลิกาต่างคิดว่า “เป็นไปตามที่เราวางแผนไว้”
แต่โววาไม่ได้คิดแบบนั้น เพราะเมื่อในตอนนี้เขาเป็นประธานาธิบดี มีผลงาน ได้รับความนิยมสูง และเริ่มมีอำนาจล้นมือ
1
ดังนั้น โววาจึงเริ่มแก้โจทย์ปัญหาข้อต่อไป นั่นคือ การคอร์รัปชัน...
ว่าแล้วโววาจึงเรียกกลุ่มโอลิกามาประชุม แล้วประกาศอย่างเด็ดขาดว่า “ตูไม่จำเป็นต้องอยู่ใต้อำนาจของพวกเอ็งอีกต่อไปแล้ว พวกเอ็งมีแต่จะทำให้รัสเซียล่มจม เวลาแห่งความสุขจบลงแล้ว ถึงเวลาที่พวกเอ็งต้องเอาสิ่งที่กอบโกยไปในช่วงที่โซเวียตล่มสลายและในยุคของเยลต์ซินกลับคืนมาให้หมด!”
2
เหล่าโอลิกาต่างโต้ว่า “นี่เอ็งมีอำนาจอะไรมาสั่งพวกเรา”
โอลิกาต่างคิดว่าตัวเองคุมได้ทุกอย่างหรืออำนาจยังคงอยู่ที่กลุ่มของตัวเองมาโดยตลอด...
แต่พวกเขาคิดผิด เพราะในตอนนี้โววาได้สร้างฐานอำนาจไว้ก่อนที่จะขึ้นเป็นประธานาธิบดี (โดยเฉพาะใน FSB ที่โววาได้วางฐานอำนาจของตัวเองไว้ตอนที่เป็นผู้นำองค์กร)
1
โววาได้สั่งให้มีการตั้งข้อหาอาชญากรรม ข้อหาคอร์รัปชัน โกงทรัพย์สินแผ่นดิน ตรวจสอบธุรกิจย้อนหลัง แล้วส่งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นและจับกุมพวกโอลิกา
3
วลาดิเมียร์ กูซินสกี้ เจ้าพ่อวงการสื่อรัสเซีย...
วลาดิเมียร์ โปตานิน เจ้าพ่อวงการการเงินรัสเซีย...
วาจิต อเล็กซเปอรอฟ ประธานบริษัทลุกออยล์...
โรมัน อับราโมวิช เจ้าของบริษัทน้ำมันซิปเนฟต์...
และอีกหลายๆคน รวมถึงบอริส บีรีซอฟสกี้...
บางคนก็เสียทรัพย์สินไปทั้งหมด...
บางคนก็ถูกจับเข้าคุก...
บางคนก็ลี้ภัยไปต่างประเทศ...
บางคนก็ตายอย่างลึกลับ...
หรือบางคนที่ไหวตัวทันอย่างโรมัน อับราโมวิช ที่ชิงขายหุ้นส่วนธุรกิจในประเทศ แล้วไปซื้อสินทรัพย์หรือธุรกิจที่อยู่ในต่างประเทศ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือเชลซี ทำให้มีการมองว่าเชลซีเป็นเครื่องมือย้ายเงินทุนของโรมันและเป็นการสร้างชื่อเสียงในระดับสากลของโรมันเองเพื่อลบประวัติที่ด่างพร้อยในอดีต...
4
อีกทั้งโรมันยังมีการโอนหุ้นและทรัพย์สินที่ส่อแววว่าโกงมา คืนให้กับรัฐบาลตั้งแต่แรก แล้วยอมอยู่ใต้อำนาจพร้อมสนับสนุนโววา ทำให้ไม่โดนเล่นงานหนักเหมือนโอลิกาคนอื่นๆ
ส่วนตัวเอ้อย่างบอริส บีรีซอฟสกี้ ก็หนีไปประเทศอังกฤษด้วยความเจ็บใจและความแค้นที่ระอุอยู่เต็มอก จึงโจมตีและพยายามดิสเครดิตของโววาเรื่อง “การสังหารโหดในเชชเนีย” ซึ่งเรื่องเชชเนีย บีรีซอฟสกี้นั้นก็อยู่เบื้องหลัง เพียงแต่ตอนนี้โดนหักหลังเลยออกมาแฉซะเลย...
แต่เหมือนบีรีซอฟสกี้จะเล่นผิดคน เพราะหลังจากออกมาด่าโววา มีหลายครั้งมากที่บีรีซอฟสกี้เฉียดตายจากการลอบสังหารทั้งจากการวางยาพิษ ลอบยิง หรือแม้กระทั่งเจออาวุธเคมีอย่างสารกัมตรังสี
1
ทำให้บีรีซอฟสกี้ต้องอยู่อย่างหวาดระแวง ทรัพย์สินก็เริ่มร่อยหรอไปเรื่อยๆ ซึ่งสุดท้ายบีรีซอฟสกี้ก็มีการเขียนจดหมายไปหาโววา “ยกโทษให้พี่เถอะ พี่ยอมแล้ว” (แต่ในค.ศ.2013 ก็พบบีรีซอฟสกี้ผูกคอตายในบ้านที่อังกฤษ)
1
และแล้ว ชายผู้ที่ถูกกลุ่มโอลิกาสร้างขึ้นมา ได้เป็นคนฝังกลุ่มโอลิกาลงหลุมด้วยตัวเอง...
1
ภาพจาก Business Insider (บอริส บีรีซอฟสกี้ และโรมัน อับราโมวิช)
ภาพจาก Sky News (บอริส บีรีซอฟสกี้ผูกคอตายในบ้านที่อังกฤษ)
เป็นอันว่าการจัดการการคอร์รัปชันของกลุ่มโอลิกานั้นเป็นผลสำเร็จ แต่ทว่าปัญหาเชชเนียนั้นดูเหมือนจะยังไม่จบครับ...
เหล่ากบฎที่โดนถล่มแล้วหนีไปได้ก็ไม่ยอม จึงมีการตั้งเป็นกลุ่มขึ้นมาใหม่แล้วทำการก่อการร้ายและวินาศกรรมในรัสเซีย
ใน ค.ศ.2002 กลุ่มกบฎในเชชเนียได้บุกยึดโรงละครดูโบรฟก้าในมอสโก แล้วจับชาวรัสเซียและชาวต่างชาติ 850 คน เป็นตัวประกัน! โดยกลุ่มกบฎต่อรองให้มีการถอนทหารรัสเซียออกจากเชชเนียซะ!
ทางโววาจึงตัดสินใจอย่างเด็ดขาด “ไม่มีการต่อรองใดๆทั้งสิ้นกับผู้ก่อการร้าย!”
1
ว่าแล้วก็สั่งหน่วยรบพิเศษอย่างสเปทซนาซและ SOBR เข้าล้อมโรงละคร แล้วปล่อยก๊าซชนิดหนึ่งเข้าไปในโรงละคร จากนั้นหน่วยรบพิเศษก็เข้าไปปะทะกับกลุ่มกบฎอย่างดุเดือด
แน่นอนครับว่าทั้งกบฎและตัวประกันต่างก็ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจากการปะทะและจากการสูดดมก๊าซลึกลับ ที่ทั้งหมอและโรงพยาบาลไม่รู้ว่าเป็นก๊าซชนิดใด อีกทั้งโววายังสั่งอย่างหนักแน่นว่า “ความลับทางราชการ ห้ามเปิดเผย” ทำให้หมอไม่สามารถรักษาชีวิตตัวประกันไว้ได้
5
ภาพจาก Pinterest (เหตุการณ์จับตัวประกันที่โรงละครในมอสโก ค.ศ.2002)
ภาพจาก Medium (การช่วยเหลือตัวประกันที่โดนรมก๊าซ)
กลุ่มกบฎก็ยังไม่ยอมเหมือนเดิมครับ จึงก่อเหตุอีกครั้งใน ค.ศ.2004 โดยบุกเข้าไปในโรงเรียนหมายเลข 1 ที่เมืองเบสลัน แล้วจบครู นักเรียน และผู้ปกครองจำนวนกว่า 1,000 คนเป็นตัวประกันในโรงยิม! แล้วต่อรองให้มีการถอนทหารรัสเซียออกจากเชชเนียเหมือนเดิม และเรียกร้องให้โววาลาออกไปซะ!
กลุ่มกบฎคิดว่า ครั้งนี้โววาคงไม่บ้าบิ่นถึงขนาดส่งทหารเข้าปราบปรามเหมือนครั้งก่อน เพราะในครั้งนี้มีเด็กจำนวนมากเป็นตัวประกันด้วย!
2
แต่ดูเหมือนกลุ่มกบฎจะคิดตื้นเกินไป เพราะชายที่ชื่อ “วลาดิเมียร์ ปูติน” สามารถทำได้ทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ของชาติ!
และแน่นอนครับ “ไม่มีการต่อรองใดๆทั้งสิ้นกับผู้ก่อการร้าย!”
1
แล้วโววาก็ได้ทำเหมือนที่เคยทำในเชชเนีย โดยการส่งทหารอาวุธครบมือพร้อมรถถังเข้าบดขยี้โรงเรียนหมายเลข 1 อย่างไร้ปรานี โดยไม่สนว่าใครจะเป็นกบฎหรือใครจะเป็นตัวประกัน!
ผลคือ มีคนตายกว่า 330 คน! ซึ่งมีกลุ่มกบฎเพียง 31 คน ที่เหลืออีก 300 คนเป็นตัวประกัน ซึ่งเกินครึ่งเป็นเด็ก!
3
และจากเหตุการณ์นี้กลุ่มกบฎก็ไม่มีการก่อวินาศกรรมหรือก่อการร้ายในรัสเซียอีกเลย เพราะรับรู้แล้วว่า “ปูตินมันโหดและบ้าเกินกว่าที่จะไปเล่นด้วย!”
2
ภาพจาก X-ray Screener (เหตุการณ์จับตัวประกันในโรงเรียนหมายเลข 1 ค.ศ.2004)
ภาพจาก Pinterest (การช่วยเหลือตัวประกัน)
ภาพจาก The Independent (การช่วยเหลือตัวประกัน)
ภาพจาก Free Republic (สภาพโรงยิมหลังการปะทะ)
ภาพจาก UKFMNews (คนเสียชีวิตจากเหตุการณ์ที่โรงเรียนหมายเลข 1)
แน่นอนครับว่า จากการเหตุการณ์จัดการกลุ่มกบฎทั้งสองเหตุการณ์นี้ ทำให้โววาถูกโจมตีจากนานาชาติ รวมถึงประชาชนจำนวนหนึ่งว่าไร้มนุษยธรรม!
แต่โววาก็ไม่ได้สนใจ เพราะสิ่งที่โววาได้ทำให้กับรัสเซียนั้นดูเหมือนจะสามารถกลบเสียงที่ไม่พอใจของประชาชนได้ นั่นคือ การฟื้นเศรษฐกิจรัสเซียขึ้นมาจนกลายเป็นมหาอำนาจอีกครั้ง!
3
โววาได้เอาจุดเด่นของรัสเซียที่มีพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาลและทรัพยากรโดยเฉพาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติมาใช้สร้างความเป็นมหาอำนาจ
ในยุคโซเวียตหรือแม้กระทั่งยุคเยลต์ซินนั้น รัสเซียไม่ได้มีการเอาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติมาใช้ให้เป็นประโยชน์ซักเท่าไหร่ (พูดง่ายๆคือมีของดีแต่ไม่ใช้)
แต่พอมาถึงยุคของโววา เขาได้เอาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติมาเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนรัสเซีย โดยการตั้งกองทุนน้ำมัน แล้วทำการวางท่อเพื่อขนส่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติของตัวเองไปที่ประเทศในแถบยุโรป
1
แน่นอนว่ายุโรปที่เป็นดินแดนขาดแคลนน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ย่อมต้องการสินค้าเหล่านี้จากรัสเซียจำนวนมหาศาล
น้ำมันและก๊าซธรรมชาติที่ส่งไปในยุโรปทำให้รัสเซียมั่งคั่งขึ้นมาภายในไม่กี่ปี...
1
เครดิตในตัวของโววาก็สูงขึ้นจนสามารถชนะการเลือกตั้งในสมัยที่ 2 อย่างไม่ยากเย็น...
และเมื่อเป็นประธานาธิบดีสมัยที่ 2 ฐานอำนาจของโววายิ่งมั่นคงมากขึ้นในรัสเซีย อีกทั้งยังมีการวางท่อเพิ่มมากขึ้นเพื่อส่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติไปยุโรป
กลายเป็นว่ายุโรปต้องพึ่งพิงน้ำมันและก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียอย่างขาดไม่ได้ซะแล้วล่ะครับ
มันจึงทำให้รัสเซียมีอำนาจต่อรองระหว่างประเทศที่สูงมาก...
ภาพจาก BBC (การวางท่อส่งก๊าซธรรมชาติและน้ำมันของรัสเซียไปยุโรป)
ต้องยอมรับจริงๆครับว่าชายคนนี้ได้เข้ามาสยบปัญหาในประเทศแทบทุกอย่างแล้วสร้างรัสเซียขึ้นมาใหม่อีกครั้ง ซึ่งผลลัพธ์คือสีขาวที่เป็นความดีงาม
แต่เบื้องหลังของผลลัพธ์ที่เป็นสีขาวนั้น ชายคนนี้ก็ได้ใช้สีดำที่เป็นความชั่วร้ายเข้าจัดการกับปัญหาทั้งหมด
เพราะโลกแห่งความเป็นจริงโครงสร้างมันซับซ้อนจนเกินกว่าที่ทุกปัญหาสามารถแก้ด้วยการใช้สีขาวเพียงอย่างเดียวหรือใช้สีดำเพียงอย่างเดียว
2
ผมไม่ได้บอกว่าวิธีการของชายคนนี้ถูกต้องไปซะทั้งหมด
1
เพราะหลายอย่างเขามองแค่ผลลัพธ์มากกว่าจะมองวิธีการที่ทำให้สูญเสียอะไรไปบ้าง กว่าจะได้ผลลัพธ์แบบนั้น
1
และผมจะให้ทุกท่านได้ตัดสินด้วยตัวเอง...
ว่า “เห็นด้วยกับวิธีการของชายคนนี้” หรือ “ไม่เห็นด้วยกับวิธีการของชายคนนี้”
3
ชายผู้ซึ่งใช้ทั้งสีขาวและสีดำสร้างรัสเซียขึ้นมา (ด้วยเลือด)
ภาพจาก CapX
ทุกท่านครับ ฐานอำนาจของปูตินในขณะนี้เรียกได้ว่ามั่นคงเป็นอย่างมาก...
ไม่มีใครในรัสเซียที่ไม่รู้จักชื่อ “วลาดิเมียร์ ปูติน”
เขากลายเป็นชายผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในรัสเซีย...
ซึ่งตอนนี้เขาพร้อมที่จะนำรัสเซียเข้าไปมีปากมีเสียงในเวทีการเมืองโลกอีกครั้ง...
และพร้อมที่จะแผ่อิทธิพลของรัสเซียไปทั่วทั้งโลก...
ใน Ep. ต่อไปซึ่งเป็น Ep. สุดท้าย ทุกท่านจะได้พบเรื่องราวของ “วลาดิเมียร์ ปูติน” ที่เชื่อมมาถึงโลกปัจจุบัน
การวางฐานอำนาจของตัวเองให้มั่นคงยิ่งขึ้น...
3
ความไม่พอใจของประชาชนในระบอบปูติน...
การประท้วงการใช้อำนาจมืดของปูติน...
การกำจัดผู้ไม่เห็นด้วยอย่างไร้ปรานี...
ความเป็นมหาอำนาจของรัสเซีย...
การผนวกไครเมีย...
สงครามซีเรีย...
การถล่ม ISIS...
และการแก้ไขรัฐธรรมนูญ...
ใน Ep.4 บันไดสู่การเป็นผู้นำตลอดกาล
ภาพจาก Bloomberg
อ้างอิง
Gessen, Masha. The Man Without a Face: The Unlikely Rise of Vladimir Putin, Riverhead Books, 2013.
1
Myers, Steve Lee. The New Tsar : The Rise of Vladimir Putin. New York : Knopf Publishing Group, 2015.
Putin, Vladimir. First Person: An Astonishingly Frank Self-Portrait by Russia's President, 2000.
1
University Press. Vladimir Putin : The Biography, University Press 2019.

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา