24 ก.ค. 2020 เวลา 03:09 • ธุรกิจ
‘Elite Card’ อภิสิทธิ์ชาวต่างชาติ จ่ายหลักล้าน แลกสิทธิ์อยู่ไทยอย่างเอ็กซ์คลูซีฟ
ทำความรู้จัก และส่อง “ราคา” ของบัตรเบ่ง "Thailand Elite Card" อภิสิทธิ์สำหรับชาวต่างชาติเงินหนา ที่ต้องการอาศัยในประเทศไทย ด้วยการจ่ายเงินสูงสุด 2 ล้านบาท แลกกับสิทธิ์พิเศษต่างๆ
นับเป็นเวลากว่า 17 ปีที่ประเทศไทย ได้คลอด Thailand Elite Card หนึ่งในโครงการที่ดำเนินการขึ้นเพื่อมอบสิทธิพิเศษให้กับชาวต่างชาติที่ต้องการเดินทางเข้ามา ทั้งเพื่อท่องเที่ยวและทำธุรกิจในประเทศไทย โดยการจ่ายเงินหลักล้านเพื่อซื้อแพ็คเกจแลกกับ “สิทธิประโยชน์” ที่จะได้รับเมื่อเดินทางหรืออาศัยอยู่ในประเทศไทย
และหากใครจำกันได้ กรณีเหตุการณ์ทีมหมูป่าอะคาเดมีที่ติดถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน จ.เชียงราย หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจนำทีมหมูป่าอะคาเดมีออกมาได้ ก็มีการเปิดตัวบัตรอีลิทคาร์ดรุ่นพิเศษ “Elite Friend of Thailand” ขึ้นมาเป็นโอกาสพิเศษให้กับอาสาสมัครชาวต่างชาติที่เข้ามาข่วยเหลือด้วย
หรือล่าสุด สดๆ ร้อนๆ จากการรายงานข่าวของ นิกเคอิ อ้างคำสัมภาษณ์ของ สมชัย สูงสว่าง ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด (Thailand Privilege Card) ตัวแทนจัดหาวีซ่าสำหรับชาวต่างชาติฐานะดีและต้องการพักอาศัยในประเทศไทยระยะยาวที่เรียกว่า "อีลิทคาร์ด" (Elite Card)
ผู้บริหารไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด ยอมรับว่า มีชาวฮ่องกงยื่นขอวีซ่าประเภทนี้เพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาส 2 ระหว่างเดือน เม.ย.-มิ.ย.
โดย ณ ปัจจุบัน มีพลเมืองฮ่องกงที่เป็นผู้ถือครองวีซ่าสำหรับ “ชาวต่างชาติที่มีฐานะดี” เพิ่มขึ้นถึง 380% ในช่วง 9 เดือนถึงวันที่ 31 มิ.ย. ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ "นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน" โฆษก ศบค. ยังได้เปิดเผยถึงมาตรการผ่อนปรนระยะที่ 6 โดยจะมีการอนุญาตให้กลุ่มชาวต่างชาติ 4 กลุ่ม เดินทางเข้าประเทศ
หนึ่งใน 4 กลุ่มที่ว่า ก็คือ “ชาวต่างชาติที่ถือบัตรสมาชิกพิเศษของประเทศไทย” (Thailand Elite Card) ซึ่งมี 10,363 ราย อยู่ในประเทศไทยแล้ว 3,108 ราย และอยู่นอกประเทศ 7,255 ราย โดยกลุ่มแรกจะอนุญาตให้เข้ามาก่อน 200 คน โดยการอนุญาตให้เข้าประเทศทุกกลุ่มจะต้องมีการดำเนินการตามมาตรการควบคุมโรคของไทยอย่างเคร่งครัด
👉 "อีลิท คาร์ด" คืออะไร?
1
Thailand Elite Card เกิดขึ้นเมื่อเดือนกรกฎาคม 2546 เป็นโครงการของรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ดำเนินการภายใต้บริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจ อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ผู้ถือหุ้นเพียงหนึ่งเดียวของบริษัทฯ
1
ในโครงการนี้รัฐบาลจะขายบัตรอีลิท คาร์ด ให้กับชาวต่างชาติที่จะเดินทางเข้าไทย โดยเฉพาะบุคคลที่ร่ำรวย ทั้งที่เข้ามาแบบนักธุรกิจ ผู้ประกอบการ นักลงทุน รวมถึงเข้ามาท่องเที่ยว พักผ่อนระยะยาวในประเทศไทย ในราคาตั้งแต่ราว 500,000 บาท ไปจนถึง 2,000,000 บาท
แน่นอนว่าเมื่อบุคคลเลือกซื้อบัตรประเภทต่างๆ แล้ว สิทธิประโยชน์ที่จะได้ตามมา คือ สารพัดความ "วีไอพี" เช่น สิทธิพิเศษสำหรับการเข้าเมือง การบริการที่สนามบิน สถานที่พักผ่อนต่างๆ สนามกอล์ฟ สปา โรงแรม รีสอร์ท ร้านอาหาร โรงพยาบาล ฯลฯ
ปัจจุบันอีลิท คาร์ด มีทั้งหมด 7 ประเภท โดยมีรายละเอียดที่แตกต่างกันไปตามระดับราคา รวมถึงสิทธิพิเศษ VIP ต่างๆ ลดหลั่นตามระดับเช่นกัน (อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม คลิก https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/890652?anb= )
👉 ธุรกิจ Elite Card มีรายได้เท่าไร
ข้อมูลจากกรมธุรกิจการค้า ระบุว่า บริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 29 ส.ค.2546 ด้วยทุนจดทะเบียน 1,000 ล้านบาท แจงวัตถุประสงค์ไว้ว่าเพื่อจำหน่ายบัตรเอกสิทธิ์ Thailand Elite มีรายชื่อคณะกรรมการทั้งหมด 7 คน ได้แก่ นายยุทธศักดิ์ สุภสร (ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย คนปัจจุบัน), นางสาวสมฤดี จิตรจง, นายวราวุธ ชูวิรัช, นายธเนศ วรศรัณย์, นายปิ่นสาย สุรัสวดี, นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ และนายบุญส่ง คุ้มบุญ
1
เมื่อมาดูรายละเอียดงบกำไรขาดทุนจากข้อมูลงบการเงินในปี 2560-2562 ย้อนหลัง 3 ปี พบว่า บริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด มีรายได้รวมปี 2560 อยู่ที่ 217.31 ล้านบาท ส่วนปี 2561 ไม่ระบุรายได้รวม ขณะที่ปี 2562 มีรายได้กว่า 460.73 ล้านบาท
ส่วนกำไรขาดทุนสุทธิ พบว่ากำไรอย่างต่อเนื่อง จากปี 2561 กำไร 22.92 ล้านบาท ตามมาที่ปี 2561 ที่มีกำไรเพิ่มขึ้น 215.54% หรือมีกำไรราว 72.33 ล้านบาท และล่าสุดปี 2562 ยังคงมีกำไรต่อเนื่อง เพิ่มขึ้นราว 148.13% หรือมีกำไรอยู่ที่ 179.48 ล้านบาท
สำหรับปี 2563 นี้ “สมชัย สูงสว่าง” ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด ที่เพิ่งเข้ามารับตำแหน่งไม่นาน ได้มีการปรับโครงสร้างบริษัทใหม่ โดยมีการจัดการบริหารตัวแทนจำหน่ายบัตรอีลิท คาร์ด ที่มีอยู่ 16 ราย และมีแผนเพิ่มตัวแทนจำหน่ายในออสเตรเลีย อินเดีย และจีน นอกจากนี้ยังตั้งเป้าเพิ่มยอดขายบัตรในปีงบประมาณ 2563 ให้ได้ 2,500 บัตร รายได้ 1,500 ล้านบาท
พร้อมปรับกลยุทธ์โดยหันไปโฟกัสที่กลุ่มลูกค้าต่างชาติจาก 5 ตลาดหลัก ได้แก่ จีน หลังเห็นเทรนด์ชาวจีนสนใจมาพำนักในไทยมากขึ้น แม้ขณะนี้จะเกิดเหตุแพร่ระบาดของโรคปอดอักเสบจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือโควิด-19 รวมถึงอังกฤษ ญี่ปุ่น สหรัฐ และฝรั่งเศส รวมถึงยังมองถึงกลุ่มตลาดใหม่ๆ อย่างอินเดีย บังคลาเทศ และออสเตรเลียด้วย
ทั้งนี้จากทั้งสิ้น 7 ประเภทบัตร (ราคาลดหลั่นตามระดับอภิสิทธิ์) พบว่า ประเภทบัตรขายดีที่สุดในปัจจุบันคือ Elite Easy Access ระยะเวลา 5 ปี ราคา 500,000 บาท และน่าจะขายดีต่อเนื่องในปีงบฯ นี้ รองลงมาเป็น Elite Superiority Extension ระยะเวลา 20 ปี ราคา 1,000,000 บาท และ Elite Family Excursion ระยะเวลา 5 ปี ราคา 800,000 บาท สำหรับ 2 คน
สำหรับใครที่อยากทราบว่า ประเทศไทยขาย “สิทธิพิเศษ” ผ่าน "Thailand Elite Card" ในสนนราคาเท่าไร และ “แลก” กับอะไรบ้าง
1
ติดตามอ่านเพิ่มเติมที่นี่
โฆษณา