Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ป
ปกรณ์ ปราสาททอง
•
ติดตาม
24 ก.ค. 2020 เวลา 04:05 • ความคิดเห็น
ยาสี่ขนานขององค์พระสิทธัตถะ รักษาโรคที่ร้ายในจิตของเรา เราไม่รักษามัน แล้วใครจะมารักษาให้เรา
ชีวิต..อารมณ์..ของเราทำให้จิตของเรามืดมิดไปด้วยสิ่งที่เป็นทุกข์ คือ นำเรื่องราวของความยึด...ยึด..ยึดโลภโกรธหลงนั่นเอง ไม่ได้ยึดเรื่องราวต่างๆ แล้วเป็นภัยอันร้ายกาจของจิตที่อยู่ในตัวตนของเรา
จิตเกิดมาอาศัยกายมนุษย์ เพื่อศึกษา แก้ไข ปล่อยวาง
เมื่อทำบุญสร้างกุศลโดยนะโม โดยคุณบิดาและมารดา ก็เอานะโมของเรานิ จิตที่อาศัยนะโม ก็นนำเรือนกายของท่าน มานั่งนิ่งๆ ให้กายของท่านปเป็นกายพระ จิตของเราอยู่ในเรือนเกิดเรือนกาย ที่เป็นกายพระ จิตเราก็ต้องเป็นพระไปด้วย อย่ามัวยุกยิกๆ หันซ้ายหันขวา เหลือบหน้าเหลือบหลัง เหลือบขึ้นข้างบนหันซ้ายหันขวา วิญญาณทั้งหกของเราที่พ่อแม่ให้มาเป็นวิญญาณที่เป็นบุญและมีปัญญา เพราะฉะนั้นให้”นิ่ง” นิ่งไม่ใช่ประโยชน์ของใคร ประโยชน์ของเรา ให้ทำกายเช่นนี้ไปก่อน ฟังไปเรื่อยๆสักครู่
ตาม(ปร)ที่กล่าวเรื่องนี้ การที่สร้างบุญสร้างกุศลอันที่ดีพี่งามเกิดขึ้น ก็เป็นเรื่องที่ดีให้กับจิตของเรา เราหมั่นฝึกหมั่นปฏิบัติได้รับรู้ ถึงแม้นว่าเราไม่ได้อะไรเลย แต่จิตของเราได้รับรู้ จากวิญญาณหูของเราตาของเรา ที่บันทึกภาพบันทึกเสียงลงไปสู่จิตของเรา การที่ได้รับฟังเรื่องราวต่างๆเกิดแก่เจ็บตาย เป็นของที่แน่นอน เกิดกี่ครั้งก็เกิดแก่เจ็บตายเช่นนี้ เป็นอย่างนี้หมุนเวียนเปลี่ยนไป แล้วแต่สิ่งที่จิต จิตที่ไม่มีการระมัดระวัง ในการอยู่อาศัยในเรือนกายนั้นนั้น ชาตินี้ปัจจุบันนี้ได้อยู่ในเรือนกายทีสมบูรณ์ที่สุด คือ “กายบุญ กายมนุษย์” ครบอาการ 32 เกิดขึ้น ก็ได้มาละลึกเรื่องราวดีๆให้กับจิตของเรา ได้สร้างคำว่าบุญกุศลเกิดขึ้น เมื่อได้บุญ บุญนั้นก็หนุนนำส่งให้จิตหนีกรรม รู้จักกรรม หนีกรรม นี่แหละคือ มนุษย์ที่ จิตทุกดวงต้องเกิดมาอยู่ในเรื่องราวเหล่านี้ “เพื่อต้องการรู้จักทุกข์และสุขที่แท้จริง”
เมื่อเรารู้จักทุกข์และสุขที่แท้จริง ก็ปล่อยวางเรื่องราวต่างๆ เหมือนกับว่าสิ่งทั้งหลาย สิ่งที่จิตมาศึกษา ศึกษาให้รู้เรื่องราวต่างๆแล้วก็ปล่อยวางสิ่งนั้นไป นั่นคือ “จิตต้องมาแก้ไข” ไม่ใช่เพื่อมายึดเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้น
เมื่อเกิดเป็นมนุษย์ขึ้นมาก็ต้องเรียนรู้ เรียนรู้อะไร เรียนรู้เรื่องราวของโลก โลกเค้าสร้างอะไรให้แก่จิตของเราเดินทางหรือว่าสร้างมาจากเรื่องราวของอารมณ์ อารมณ์ต่างๆสามารถปรับปรุงตกแต่งเรื่องราวต่างๆดีชั่วเกิดขึ้น บางครั้งมนุษย์สร้างเรื่องราวที่ว่า ไฟแสงสว่างไม่มี มนุษย์ใช้อารมณ์ ใช้อารมณ์มาปรุงแต่งเรื่องราวให้แสงสว่างขึ้น ที่ให้ลูกนัยน์ตาหรือกายเราใช้ ได้เห็นโน้นเห็นนี่ นั่นคืออารมณ์ที่เขาสร้างขึ้นมา และทำให้อารมณ์ผู้ที่มีชีวิตทั้งหลายได้ใช้เหมือนกับผู้ที่เขาสร้างมาเหมือนกัน เพราะฉะนั้นบอกว่า คนนั้นหัวดีจัง มีปัญญาสามารถค้นคิดเรื่องราวแสงสว่างขึ้นมา ให้มนุษย์และสิ่งที่มีชีวิตได้เห็น ได้มีแสงสว่างเกิดขึ้น เค้าสร้างมาจากอารมณ์ แล้วเราก็มาใช้ด้วยอารมณ์ของเราเหมือนกัน ใช้เรื่องราวต่างๆก็คือหากินหาอยู่ หาที่หลับที่นอน หาเรื่องราวของโลภโกรธหลง ทิฐิเรื่องราวต่างๆมากมายก่ายกอง ที่จะไปอยู่กับอารมณ์ที่เขาปรุงแต่งมาคือแสงสว่าง แล้วเราก็ไปใช้ พอมืดสนิท มองอะไรไม่เห็นแล้ว อารมณ์ใช้ไหม... ใช้ ใช้เรื่องราวของสิ่งที่ไม่รู้เกิดขึ้น เพรามันมองไม่เห็นอะไร แต่อารมณ์ก็ใช้ มันใช้อยู่ตลอดเวลาแล้วเราเอากายไปใช้ ใช้ไปผิดๆถูกๆ ในความมืด แต่เค้าเรียกว่าอารมณ์กรรมตัวกระทำที่ดี เลยทำให้แสงสว่าง เราก็ใช้ ใช้กายใช้จิตของเรามาใช้แสงสว่างอันนี้ ที่เขาทำมาดี... แต่ทุกคนไม่ได้ใช้เช่นนั้น จะใช้ไปสร้างโลภโกรธหลง เรื่องทิฐิ เรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้น เค้าไม่ได้ให้ใช้ในสิ่งนี้ แต่เราไปใช้ พอมืดไม่มีแสงสว่าง ก็ยังจำสิ่งเรานี้ไปใช้ต่อไปอีก “ชีวิต..อารมณ์..ของเราทำให้จิตของเรามืดมิดไปด้วยสิ่งที่เป็นทุกข์ คือ นำเรื่องราวของความยึด...ยึด..ยึดโลภโกรธหลงนั่นเอง ไม่ได้ยึดเรื่องราวต่างๆ แล้วเป็นภัยอันร้ายกาจของจิตที่อยู่ในตัวตนของเรา” เป็นโรคที่ร้ายที่สุด คือ โลภโกรธหลง สรรเสริญเยินยอและทิฐิต่างๆ โรคนี้หายามารักษายาก เกิดมากี่ชาติกี่ชาติก็ใช้ เช่นนี้ เหมือนกันทุกชาติ แต่พอบอกให้มาหายาดีๆกิน มีใครอยากจะมา เพราะมันขม... มันลำบาก... มันทุกข์ทรมาน ถ้าไม่กินยาแล้ว มันจะหายได้อย่างไรโรคนี้ ยานั้นต้องใช้ยาขององค์พระสิทธัตถะ มียาอยู่สี่เม็ดเท่านั้น ที่ให้กินแต่ละเม็ดแต่ละเม็ดที่เรากินไปวันหนึ่งคืนหนึ่ง กินให้ได้แต่เราไม่ยอมกิน ผลัดวันประกันพุ่ง เดี๋ยววันนั้นจะกิน เดือนนั้นจะกิน ปีนั้นจะกิน. เลยไม่ได้กินซักเม็ดหนึ่ง ในที่สุดก็ต้องมาเกิดแก่เจ็บตาย โดยไม่มียารักษาโรคภัยไข้เจ็บ เกิดมามากเท่าไหร่เกิดมาทีไร โรคมันก็เกิดมากขึ้นมากขึ้น ในที่สุดเห็นพ่อแม่เหมือนไม่ใช่พ่อแม่ มีการตบตีฆ่าฟันพ่อแม่ เพราะโรคร้ายมันกำเริบโลภโกรธหลงที่เกิดขึ้นกับจิตดวงนั้น ที่ไม่ยอมกินยาอะไรเลย อะไรก็ไม่กิน ผู้ที่หมั่นกินยาสี่ขนานขององค์พระสิทธัตถะ คือ ยา..เดินจงกรม..นั่งสมาธิ..ยืนสมาธิ ..ไสยาสน์สมาธิ เกิดขึ้น ยาสี่เม็ดนี้จะรักษาโรคภัยที่ร้ายกาจหายขาดอันนี้ถ้าผู้นั้นขยันกิน แต่ยากนักมันเสียเวลา เสียเวลาต้องมานั่งกินยา เราอยู่ของเราอย่างนี้ไม่เห็นเป็นไรเลย อยู่ไปวันหนึ่งคืนหนึ่ง แต่ลืมว่าโรค..มันจะกำเริบขึ้นชาตินี้กำเริบแค่นี้ ชาติต่อๆไปมันจะกำเริบมาก มันอยู่กับเรานานโรคมันก็กำเริบมากขึ้นมากขึ้น เหมือนกับที่ โลกสมมติที่เราเห็นกันอยู่ ที่กล่าวขวัญกันอยู่ โรคมะเร็ง เดี๋ยวขั้นที่หนึ่งขั้นที่สองขั้นที่สามขั้นที่สี่ อะไรก็แล้วแต่ ที่ได้ยินเขาพูดกันแค่นั้น มันจะร้ายแรงอย่างนั้น ไปมากขึ้นมากขึ้น ถ้าเราเป็นถึงขนาดนั้น เราก็หมดสภาพ ที่มีจิตอยู่ในเรื่องกายมนุษย์ ที่เรียกคำว่าบิดามารดา ไปอยู่ที่ไหน อยู่ในโลกันตร์ นรกโลกันตร์ ถามว่านานไหม... แค่ล้านปีเท่านั้นเอง อย่างนี้เป็นยังไง
ขนาดที่เราเป็นมนุษย์อยู่นี้ มีกินมีใช้ หลับนอนอย่างสบาย แต่โรคหนึ่งซึ่งมันฝังอยู่ในจิตของเรา เราไม่รักษามัน แล้วใครจะมารักษาให้เรา ถ้าเราไม่กินยา เค้าเอายามาวางให้แล้ว แต่ไม่ยอมกิน เนี่ย...สิ่งเหล่านี้เราต้องพิจารณา..เอาไปพิจารณดาว่า เอ..เราเกิดมาเนี่ย โรคนี้มันติดตัวเรามาตั้งแต่เกิดเลย เพราะเกิดมากะแว้กะแว้มันก็มีแล้ว โรคมันก็กำเริบขึ้นแล้ว โรคหิว โรคไม่พอใจ ขณะกะแว้ๆอยู่ ฉันหิวแล้วนะ ไม่มีใครมาป้อนให้กิน ฉันก็ร้อง มีความโมโหเกิดขึ้น เห็นไหมว่ามันมีความรุนแรงขนาดไหน เกิดมาพอลืมตาก็เอาแล้ว เพราะฉะนั้นเมื่อเรามีโอกาส ที่เป็นตัวของตัวเองได้ รีบหายามาบำบัดโรคนี้เสีย อย่าให้มันเกิด เกิดแล้วมันยากนักที่จะแก้ไข คราวนี้อาตมาก็ขอแนะนำอยู่ ว่า หมั่นทำบุญสวดมนต์ ปัจจัยสำคัญไหม วัตถุสำคัญไหม ไม่สำคัญ แต่เป็นเครื่องนำทางของเราเล็กๆเท่านั้น สิ่งที่สำคัญ”สวดมนต์ภาวนาให้ได้” นำกายมา กายของเราต้องการ จิตของเราต้องการกายที่เป็นกายบุญ นำกายทำให้ได้ วัตถุปัจจัยเป็นเครื่องที่ ที่หนุนนำให้จิตเรารู้ว่าเรามาทำบุญ ถ้าโชคดีหน่อย ทำบุญได้มีภิกษุสงฆ์องค์นั้น ได้ชี้แจงเรื่องราวของกรรมบ้าง เรื่องราวของบุญของทานบ้าง ก็โชคดีไป ถ้าโชคร้ายหน่อย ไปเจอภิกษุที่เป็นเปรต ก็จะลำบาก คือ เปรตก็จากขายของ เช่น ตะกรุด ผ้ายันต์ หมอดูอะไรต่างๆมากมายก่ายกอง ที่เค้าต้องการ ที่เค้าทะเยอทะยาน อยากได้โน้นอยากได้นี่ เหมือนเปรตอสุรกายอย่างงั้น ก็โชคร้ายไป ถ้าไปเจอภิกษุสงฆ์ที่เขาชี้แจงเรื่องราวแก้ไขเรื่องของกรรมบ้าง นี่แหละสิ่งที่เราอยากจะได้ อยากได้พระอเสกขะที่จะมาช่วยเหลือ ญาติโยม หายาก อาตมาก็พอมอง เล็งๆอยู่ บ้าง แต่ก็ยังไม่ ยังเลือนลางอยู่ ก็อยากให้มาเร็วๆ จะได้มาช่วยญาติโยม ให้พ้นจากวิบากกรรมกันบ้าง อาตมาเป็นห่วงเป็นใหญ่ในเรื่องเหล่านี้ พอพระอเสขะอยู่เราก็ไม่รู้จักเขา ไม่รู้จักเรียนไม่รู้จักศึกษา เขาบอกให้เรียนไม่รู้เรื่อง นั้นน่ะจะบอกก็ไม่ได้ เพราะว่า บุญกุศลบารมียังเดินไม่ถูกล่องถูกรอย ก็ยังไม่ได้เรียนไม่ได้ศึกษา กว่าพระอเสขะไปจากไปแล้ว น่าเสียดายน่าจะร่ำเรียนน่าจะถามไถ่ แต่บังเอิญพระอเสขะองค์นี้ ที่ปฏิบัติมาได้ ไม่เป็นผู้สอนไม่เป็นผู้ชี่ แต่บอกเป็นบางคำเท่านั้น นี่นะต้องเรียนนะโยมนะ เรียนอะไรไม่รู้จัก เพราะท่านไม่ได้อธิบาย ให้กระจ่างขึ้นมา เพราะท่านไม่ได้เป็นพระอเสขะ ที่จะรวบรวมเหตุผลต่างๆมา ช่วยเหลือญาติโยมในเรื่องเหล่านี้ เพียงแต่ชี้ให้เห็นเท่านั้น ทำไมถึงให้ชี้ให้กับโยม อธิบายให้เข้าใจ เพราะ ท่านกลัวอารมณ์ตัวกระทำ เพราะการศึกษาที่จะหมดเรื่องราวของอารมณ์ตัวกระทำ ท่านยังไปไม่ได้ท่านก็ชี้ได้แค่นั้นเอง เพราะกลัว กลัวจะเกิดอารมณ์ตัวกระทำนี้เกิดขึ้น เพราะกลัวจะล้างไม่ได้ ล้างไม่ทัน เพราะเกิดมาแล้ว ล้างไม่ทัน ล้างไม่ทันที่มีชีวิตอยู่ เค้ากำหนดมาว่า... มีลมหายใจแค่นี้... ต้องจากโลกนี้ไป นั่นคือเรื่องราวของพระอเสขะที่จากเราไป จากญาติโยมไปแล้ว แต่เสียดาย ตอนนั้นอาตมาก็ดลจิตดลใจ พูดเสมอว่า รีบทำบุญกันเข้านะ พระอเสขะองค์นี้จะไปแล้ว รีบรีบทำกันเข้านะ เค้าก็ไม่สนใจจะกัน เค้านึกว่าพระที่หลง หลงคนทรง หลงลาภยศสรรเสริญ หลงให้ญาติโยมคอยมาเอาอกเอาใจ แกล้งป่วยหนักๆ จะได้หาหมอก็ไม่ไป แมันป่วยเล่น ให้ญาติโยมดูเล่น ให้เค้า เหมือนออเซาะโยมให้พาไปหาหมอ มองกันผิดหมด นั่นคือ. “ใช้กรรม” อยู่เพื่อใช้กรรม ทุกข์ทรมาน อย่างแสนสาหัส นั่นคือพระที่จะ ที่ไม่ต้องมีสังขารต่อไป รีบๆ ทำกันเข้า อาตมาเป็นห่วงเป็นใย ที่ท่านรักมาก ก็ให้รีบทำ เราจะได้เป็นลูกศิษย์ลูกหาท่านในชาติต่อไป จะได้อธิบายเรื่องราวต่างๆให้แจ้งกว่านี้ จะเห็นว่าท่านไปแล้วท่านก็ไม่ได้ไปเลย ท่านก็มาแวะเวียนชี้แจงเป็นนิจสิน ทำไมตอนที่มีชีวิตอยู่ ท่านหมาอธิบาย นั่นยังมีตัวกระทำอยู่ ตอนนี้ไม่มีตัวกระทำใช้ ก็เลยพูดได้อธิบายได้ อย่างนั้นก็ไปตามเทพที่อยู่ข้างบนไม่ได้ นี่ก็มาเล่าให้ฟังแต่อย่าไปเชื่อนะ เล่าๆให้ฟัง ฟังเหตุผลมาบอกแค่นี้ไปก่อน
1 บันทึก
1
1
1
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย