29 ก.ค. 2020 เวลา 16:41 • สุขภาพ
ยากจังกับสิ่งที่เป็น!!!
ep.6 นาทีเฉียดตาย...
หลังจากที่กลับมาหาหมอปัจจุบัน ฉันก็ตั้งใจที่จะกินยากับหมอโดยเคร่งครัดอีกครั้ง ในระหว่างนี้ฉันก็ถามหมอเป็นระยะระยะว่า ฉันควรงดอาหารอะไรหรือเปล่า คุณหมอก็บอกว่าไม่ต้องงดให้ทานได้ทุกอย่าง
แต่คุณหมอฝากไว้ว่าให้คอยสังเกตตัวเองว่ากินอะไรหรือใช้อะไรแล้วเกิดอาการข้างเคียงก็ให้หยุดใช้หรือหยุดกิน เพราะในส่วนของโรคนี้เกี่ยวกับภูมิคุ้มกันของเรา ด้วยอายุที่เยอะขึ้นภูมิคุ้มกันเราก็ลดลง เราสามารถแพ้ในสิ่งที่เรากินเราใช้อยู่ได้
ตอนนี้สภาพร่างกายบอกได้คำเดียวว่า ร่างระเบิด น้ำหนักตัวไม่ขึ้นสักเท่าไหร่ แต่บวมทั้งตัว โดยเฉพาะหน้าบวมเหมือนจะแตก ขาฉันก็ยังไม่ดีขึ้น เป็นแผลตรงนู้นตรงนี้ ตรงนู้นตรงนี้ เพิ่มขึ้นทุกวัน
เบ่งมาก
คุณหมอบอกกับฉันว่ามันเป็นอาการข้างเคียงของการทานยาสเตียรอยด์ ฉันกินยาติดต่อกันในระยะเวลาที่นานอยู่พอสมควรคุณหมอเคยบอกว่าเวลาจะหยุดยาจะต้องหยุดยาตามคำสั่งแพทย์เท่านั้นนะ
คุณหมอบอกว่า ร่างกายของเราสามารถสร้างสารสเตียรอยด์ตามธรรมชาติได้ ในช่วงเช้า สารสเตียรอยด์จะเข้าไปช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย ซึ่งขาของฉันเป็นแผลมาก ร่างกายไม่สามารถผลิตสเตอรอยด์ออกมาใช้ได้เพียงพอ จึงต้องกินเสริมเข้าไป
เมื่อกินยาสเตียรอยด์มาสักพัก ก็กินเวลาเกิน 3 เดือน ฉันรู้สึกว่าแผลฉันดีขึ้นแล้วคุณหมอเคยบอกว่าถ้าแผลดีขึ้นแล้วให้ค่อยๆหยุดยานะโดยที่ลด dose จาก 6 เม็ดเหลือ 4 เม็ด 4 เม็ดเหลือ 2 เม็ด และ 2 เม็ดเหลือ 1 เม็ด และเหลือ 0 เม็ด ด้วยความที่ฉันกินสเตียรอยด์มานานแล้วฉันอยากจะเลิกกินเพราะตัวฉันบวมมาก ฉันก็เริ่มหยุดยาด้วยตัวเอง
ฉันไปทำงานโดยอาศัยรถมอเตอร์ไซค์เพื่อนไป เพื่อนคนนี้น่ารักมาก คอยเป็นห่วง คอยนึกถึงฉันเสมอ ถึงแม้เธอจะไม่ค่อยแสดงออกก็ตาม ในวันเกิดเหตุฉันตื่นนอนขึ้นมาพร้อมกับความรู้สึกอึดอัดหน้า รู้สึกว่าวันนี้หน้าฉันบวมมากเหลือเกิน แล้วก็เหมือนมีอาการแน่นหน้าอก แต่ฉันก็คิดว่าคงจะเป็นสักพักแหละเดี๋ยวก็คงหาย อาการนี้ฉันมักจะเป็นตอนเช้าๆแล้วเมื่อได้กินยาเข้าไปก็จะดีขึ้น
เช้าวันเกิดเหตุ ยังสงสัยทำไมหน้าบวมจัง
เมื่อฉันนั่งซ้อนมอเตอร์ไซค์เพื่อนไปได้สักระยะหนึ่งฉันรู้สึกได้ว่าฉันหายใจไม่ทันกับลมที่พัดตีหน้าฉัน ฉันจึงสะกิดบอกเพื่อนว่าให้หยุดรถก่อน มือฉันสั่นระริก และเหมือนฉันหายใจได้แค่สั้นๆ แล้วไม่มีแรงทรงตัวอยู่บนรถมอเตอร์ไซค์ ฉันเลยต้องนั่งพักอยู่ริมถนนข้างทาง
เคราะห์ดีที่วันนั้นเพื่อนที่ออฟฟิตอีกคนขับรถยนต์ผ่านมา เพื่อนของฉันเห็นเข้าจึงโบกเรียกให้รับฉันไปส่งที่ออฟฟิศด้วย แล้วเมื่อไปถึงออฟฟิศฉันถึงกับขาสั่น เดินแทบไม่ไหวรู้สึกว่าหัวจะระเบิด หน้าจะแตก หายใจไม่เข้า ทรงตัวนั่งไม่ได้ ฉันนั่งเอนหลังพักอยู่ในห้องซักพักหนึ่งก็รู้สึกได้ว่าไม่ไหว
เพื่อนฉันตามมาถึงออฟฟิศ ก็ไปหารถคันอื่นเพื่อที่จะพาฉันไปโรงพยาบาล ทุรักทุเรน่าดู ในระหว่างทางฉันได้น้ำเย็นมา 1 ขวด เหมือนสวรรค์ทรงโปรด ฉันเอาขวดน้ำเย็นนาบหน้ารู้สึกดีขึ้น แต่ก็ยังหายใจไม่ค่อยสะดวกอยู่ดี รถก็ติด กว่าจะถึงโรงพยาบาล เป็นอะไรที่ทรมานมาก
ไปถึงโรงพยาบาล แจ้งกับหมอว่ามีอาการแบบนี้คุณหมอที่รับดูอาการถามว่าตอนนี้ได้กินยาอะไรอยู่หรือเปล่า ก็เล่าให้หมอฟังว่าตอนนี้รักษาขาอยู่ที่นี่ และกินยาสเตียรอยด์ และฉันได้หยุดยาสเตียรอยด์ด้วยตัวเอง
คุณหมอถึงบางอ้อ บอกว่าฉันลงแดง และบอกฉันมาว่ายาสเตียรอยด์การลดปริมาณการกินยาในแต่ละ step ไม่ใช่แค่วันเดียวอย่างที่ฉันทำจาก 6 เมตรไป 4 เมตรจะต้องใช้ระยะเวลาในการลด 1 เดือนถึงจะไป step ต่อไปได้ แต่ฉันเล่นลดยาสเต็ปละวัน หมอถามว่าวันนี้พกยามาไหม ฉันก็เอายาให้หมอดู คำตอบที่ตอบกลับมาคือ
คุณไปกินข้าวแล้วกินยาซะ อาการของคุณก็จะดีขึ้น และห้ามลดยาเองให้กลับมาหาหมอเฉพาะทางอีกครั้ง แล้วปรึกษากับหมอเฉพาะทางว่าระยะเวลาในการลดปริมาณยาต้องใช้ระยะเวลาเท่าไหร่ บางคนลดยาเองอาจจะช็อคถึงตายได้
ใจหนึ่งก็ไม่เชื่อ เฮ้ย!ฉันเป็นเยอะมากจะแค่กินยาแล้วหายเหรอ แต่ฉันก็ยอมไปหาข้าวที่โรงพยาบาลกินแล้วกินยา หลังจากกินยาไปซักพักเดียว อาการที่เป็นอยู่ก็หายไป แม่เจ้า!เกือบไม่รอด และด้วยสปิริตวันนั้นฉันก็กลับไปทำงานต่อ ชีวิตมนุษย์เงินเดือนตายในหน้าที่ค่ะ สู้ต่อไปทาเคชิ
โฆษณา