31 ก.ค. 2020 เวลา 11:00 • ประวัติศาสตร์
“มาร์โค โปโล (Marco Polo) นักเดินทางในตำนาน” ตอนที่ 4
การพบกับ “กุบไลข่าน”
ไม่กี่วันต่อมา ครอบครัวโปโลก็ได้มาถึงพระราชวังของกุบไลข่านที่แซนาดู
ภายหลังจากเดินทางมานานกว่าสามปีครึ่ง มาร์โคก็ได้พบกับกุบไลข่าน
กุบไลข่านให้การต้อนรับครอบครัวโปโลเป็นอย่างดี และท่านข่านก็พอใจกับของขวัญและจดหมายที่พระสันตะปาปาฝากมาให้ และไม่ได้โกรธเรื่องที่ครอบครัวโปโลไม่สามารถนำบาทหลวงกลับมาได้
ในเวลานั้น มาร์โคมีอายุได้ 21 ปี ในขณะที่กุบไลข่านแก่กว่ามาร์โคเกือบสามเท่า โดยมาร์โคได้บันทึกว่ากุบไลข่านนั้นมีดวงตาสีดำ ผิวซีด ส่วนสูงปานกลาง และมาร์โคก็ตื่นตาตื่นใจกับความหรูหราในพระราชวังของกุบไลข่าน
1
มาร์โคขณะเข้าพบกุบไลข่าน
พระราชวังฤดูร้อนของกุบไลข่านนั้นทำมาจากหินอ่อนสีขาว ประดับด้วยทองคำ ล้อมรอบด้วยกำแพงเป็นระยะทางกว่า 25 กิโลเมตร
ภายในกำแพงนั้นมีสวนขนาดใหญ่ และจากบันทึกของมาร์โค ถึงแม้จะไม่น่าเชื่อ แต่มาร์โคกล่าวว่านอกจากสวนที่สวยงามแล้ว ยังมีม้ากว่า 10,000 ตัวอีกด้วย
กุบไลข่านจะขี่ม้าไปรอบๆ สวน และมีเสือดาวที่เป็นสัตว์เลี้ยงของท่านข่านคอยวิ่งตาม
ในฤดูหนาว กุบไลข่านจะพักอยู่ในพระราชวังอีกแห่งซึ่งตั้งอยู่ทางเหนือของปักกิ่งในปัจจุบัน ซึ่งครอบครัวโปโลก็ได้ตามไปยังพระราชวังแห่งนี้ด้วย
แต่ละห้องในพระราชวังแห่งนี้ประดับด้วยรูปปั้นทองคำและภาพวาดต่างๆ และห้องอื่นๆ ก็ยังเก็บสมบัติล้ำค่าไว้มากมาย
ในฤดูใบไม้ผลิ กุบไลข่านจะออกเดินทางล่าสัตว์ โดยท่านข่านไม่ได้เป็นผู้ล่าเอง หากแต่คนรับใช้จะเป็นผู้ล่า ส่วนท่านข่านจะคอยดูจากในกระโจม
ครอบครัวของกุบไลข่านก็เป็นครอบครัวใหญ่ ท่านข่านมีภรรยาหลักๆ อยู่สี่คน และมีลูกชาย 47 คน แต่ไม่เป็นที่ทราบแน่ชัดว่ามีลูกสาวกี่คน
ขณะที่มาร์โคพบกุบไลข่านนั้น กุบไลข่านเป็นผู้ปกครองมองโกลมานานถึง 14 ปีแล้ว
กุบไลข่านนั้นต่างจากนักรบคนอื่นๆ เขาไม่ได้บังคับให้ผู้คนในเมืองที่ถูกตีเปลี่ยนศาสนา หากแต่ทำตรงกันข้าม
กุบไลข่านจะบอกผู้นำทางศาสนาของแต่ละดินแดนว่าศาสนาของพวกเขานั้น คือศาสนาโปรดของท่านข่าน ทำให้ผู้นำทางศาสนาแต่ละแห่งพอใจและไม่คิดล้มล้างกุบไลข่าน
กุบไลข่านศึกษาทั้งคำสอนของพระเยซูและคำสอนของพระพุทธเจ้า อีกทั้งยังมีการจ้างชาวมุสลิมเข้ามาทำงานในราชสำนักอีกด้วย
ปู่ของกุบไลข่าน คือ “เจงกิสข่าน (Genghis Khan)” ได้ยึดครองภาคเหนือของจีน และในปีค.ศ.1279 (พ.ศ.1822) กุบไลข่านก็สามารถยึดครองภาคใต้ของจีน ซึ่งนับเป็นความสำเร็จครั้งใหญ่ของท่านข่าน
กุบไลข่านมีฐานะร่ำรวยขึ้นเรื่อยๆ จากการเก็บภาษีจากเมืองทางใต้ของจีนและดินแดนอื่นๆ ที่ยึดครองได้ ซึ่งมาร์โคได้กล่าวว่า กุบไลข่านเป็น “ชายที่ทรงอำนาจที่สุดในโลก”
ถึงแม้กุบไลข่านจะฆ่าผู้คนจำนวนมากและยึดครองที่ดิน แต่มาร์โคก็คิดว่ากุบไลข่านเป็นผู้นำที่มีความเป็นธรรม
1
เมื่อใดที่ถึงฤดูแล้ง ชาวนาได้รับอนุญาตให้ไม่ต้องจ่ายภาษี อีกทั้งกุบไลข่านยังสั่งให้นำเสบียงในคลังมาแจกจ่ายคนยากจนอีกด้วย
สำหรับกุบไลข่านเองนั้น ท่านข่านก็โปรดมาร์โคอยู่ไม่น้อย
มาร์โคนั้นเป็นคนฉลาด ช่างเจรจา และจากบันทึกของมาร์โค ท่านข่านก็ไว้ใจให้มาร์โคออกไปทำภารกิจยังที่ต่างๆ อีกด้วย
มาร์โคไม่เคยบอกอย่างชัดเจนว่าท่านข่านสั่งให้เขาทำอะไร แต่เขาบันทึกว่าเขาทำภารกิจได้สำเร็จ
ภายหลังจากทำภารกิจเสร็จ มาร์โคก็จะเขียนรายงาน บันทึกถึงสิ่งที่ได้ทำและเห็น ส่งไปให้กุบไลข่าน
เรื่องราวชีวิตของมาร์โคจะเป็นอย่างไรต่อไป ติดตามได้ในตอนหน้านะครับ
1
โฆษณา