31 ก.ค. 2020 เวลา 13:17 • ปรัชญา
ศาสตร์แห่งความเชื่อ กับสิ่งที่หลงลืม...ฉบับเพิ่มเติม !!!
เรามักจะได้ยินเสมอในวงการว่า.....
โหงวเฮ้งฮวงจุ้ยนั้น...คุณธรรมจะเหนือกว่า หรืออาจแปลได้ว่าถึงโหงวเฮ้งฮวงจุ้ยจะดีแค่ไหน....ถ้าปัจเจกบุคคลผู้นั้นไร้คุณธรรม ไม่มีจริยธรรม แปลว่าไม่ซื่อสัตย์คดโกงตอแหลเอาเปรียบต้มตุ๋นหาประโยขน์ใส่ตนโดยไม่คำนึงถึงความถูกต้องเข้าข่ายที่เป็นอกุศลทำผิดบาปต่างๆ
ขาดซึ่งหิริโอตัปปะคือความเกรงกลัวต่อบาป......ก็เป็นเรื่องที่น่าตระหนักสำหรับผู้ที่มีโหงวเฮ้งดีอยู่แล้วหรือไปปรับแต่งมา....และผู้ที่คิดว่าเมื่อปรับฮวงจุ้ยจากซินแสที่น่าเชื่อถือแล้วชีวิตครอบครัวการงานคงดีขึ้นแน่(ไม่งั้นจะเสียเงินกับการณ์นี้ไปเพื่อ...)
หลายคนลืมเหลียวมองใส่ใจในคุณธรรมศีลธรรมธรรมของตนเอง ลืมเคารพผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านคือพ่อแม่ผู้มีพระคุณ เจ้าที่เจ้าทางเทวดาประจำบ้านและรวมถึงการขาดเมตตากับคนในครอบครัวบริวารลูกน้องลูกหลานญาติพี่น้องเพื่อนฝูง.....หลายคนอาจกังวลว่าเมตตาก็ต้องดูคนด้วยไหม?.... ซึ่งก็จริง :)
แต่สำหรับผู้บรรลุแล้วเขาจะดีกับทุกคนแม้ว่าคนนั้นๆจะไม่ดีกะเขา เราดีกะคนที่ดีกะเรานั่นมันปกติธรรมดา แต่เราดีกะคนที่ไม่ดีกะเราด้วยนี่สิน่าสนใจ เพราะไม่ธรรมดา !!!
จะว่าไปแล้วไม่ใช่แค่เรื่องโหงวเฮ้งฮวงจุ้ยเท่านั้นการทำพิธีกรรมใดๆหรือไหว้พระทำบุญอธิษฐานจิตขอพรสิ่งใดเราก็ต้องเป็นคนมีศีลมีธรรมสิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านจึงให้พรและช่วยเหลือตามวาสนาแต่ละคน...
ดังนั้นเมื่อเชื่อในศาสตร์ทางนี้หรือโหราศาสตร์ การให้ฤกษ์ การตรวจดูดวงชะตาหรือการทำพิธีกรรมต่างๆย่อมมิอาจหลงลืมหันกลับมามองคุณธรรม ศีลธรรมของตัวเจ้าชะตาด้วย โดยเฉพาะทานศีลภาวนา เนื่องจากทุกศาสตร์เป็นส่วนเสริมอันเป็นเปลือกเป็นกะพี้ของแก่นเท่านั้น เป็นแสงตะเกียงในที่มืดให้เราเห็นอะไรบ้างเท่านั้น หากแก่นหรือจิตใจไร้ซึ่งคุณธรรมทำแต่เรื่องผิดศีลผิดธรรมก็จะมีเหตุให้เสื่อมถอยตกต่ำลงไปในที่สุด...
ทาน~การให้การมีน้ำใจการเกื้อกูลช่วยเหลือไม่ว่ากำลังทรัพย์หรือกำลังใจ
ศีล~การผิดศีลเป็นเหตุปัจจัยในการเบียดเบียนคดโกงโกหกตอแหลเอาดีเข้าตัวเอาชั่วให้คนอื่นหรือทำลายเครดิตชื่อเสียงเขาก็ดีต้มตุ๋นหลอกเขากินก็ดีผิดประณีทำชู้กับลูกเมียคู่คนอื่นเขาก็ดีประสาทเลอะเลือนไร้สติเพราะการเสพดื่มกืนก็ดีการหัวร้อนด้วยอำนาจแห่งโทสะครอบงำก็ดีเหล่านี้อกุศลจิตมันมาเต็ม
เรื่องศีลธรรมคุณธรรมจะมีมากน้อยหรือไม่มี มันก็อยู่ที่สติ การมีหิริโอตัปปะ(ความเกรงกลัวต่อบาป)ถ้ามีมันก็คุมศีลได้หมดไม่ต้องไปคอยจำให้เครียด
ภาวนา~ก็แค่หมั่นรู้เนื้อรู้ตัวจะลุกนั่งทำอะไรทุกสิ่งอย่างแค่ใส่ใจ"รู้ " อย่าปล่อยจิตล่องลอยไปเรื่อยเปื่อย พอมีสติรู้ก็ดึงกลับมาอยู่กับกิจที่ทำปัจจุบัน ทำบ่อยๆ " รู้ " มันจะง่ายเพราะมันเป็นธรรมชาติ ไม่ต้องติดกับรูปแบบสถานที่นั่นมันเบื้องต้นแค่ทำเมื่อสะดวกแต่ภาวนาหรือการ"รู้"
การมีสติกับชีวิตจริงมันคือธรรมชาติมันง่ายไม่ต้องทำท่าไม่ต้องมีภาพมากกลมกลืนไปกับบริบทเท่าที่มันเป็นแค่นั้นจริงๆ บ่อยๆเข้านิวรณ์5เบาบางจะทุกข์น้อยลงจะเข้าใจด้วยสภาวะเองว่าสุดท้ายไม่มีอะไรเที่ยงไม่มีอะไรเป็นของเรานอกจากอริยทรัพย์ที่เราสั่งสมติดไปในภพภูมิหน้า :)
ศาสตร์แห่งโหร~รู้เพื่อวางแผนปรับกลยุทธ์การใช้ชีวิตอะไรที่เราเด่นเข้มแข็งอะไรที่เราด้อยต้องระวัง ช่วงเวลาไหนอายุเท่าไรเราจะรุ่งเราจะร่วงเราจะต้องแตะเบรคไว้บ้างและช่วงไหนที่จะต้องเลียแผลรักษาตัว....ทำให้เรารู้ว่าช่วงไหนต้องเข้มข้นเรื่องทานศีลภาวนาเป็นพิเศษเพื่อบรรเทาวิบากกรรมเพราะถ้ากรรมไม่หนักจนเกินไปก็จะผ่านพ้นไปได้
ศาสตร์แห่งโหงวเฮ้งฮวงจุ้ย~มีประโยชน์มากเพราะปรับได้เติมได้เสริมได้ วางชัยภูมิปรับตี่ลี่ได้ จัดทำพิธีกรรมบวงสรวงแสดงความเคารพสิ่งศักดิ์สิทธิ์เจ้าที่เทวดาประจำบ้านได้ สิ่งเหล่านี้ช่วยให้ตัวบุคคลครอบครัวกิจการงานดีขึ้นได้.....แต่สิ่งที่ยากคือกูรูหรือเอ็กซเปิดที่จะแนะนำให้คำปรึกษาเราอย่างถูกต้องและได้ผล (เป็นความยากของผู้อยากเร่งวาสนาหรืออยากให้ครอบครัวดีธุรกิจรุ่งเรือง)ซึ่งมีน้อยมาก ส่วนมากก็จะมีแต่พวกสร้างภาพเป็นเอ็กซปูดหรือเอ็กซตูดเสียส่วนใหญ่ซึ่งเป็นธรรมดาในทุกวงการ พวกขี้แนะก็มากไม่หวาดไหว
สุดท้ายหลายท่านก็เลือกที่จะเข้าสู่วงการเรียนมันซะเอง...และมักจะเจอพวกกูรูเทียมเข้าอีกหลงติดตามหลายปีที่แท้ก็ของปลอม พอเจอของจริงเข้าเขาก็ไม่ปล่อยวิชาเคล็ดลับที่สำคัญถ้าไม่ใช่ศิษย์รัก !!! นี่ก็เป็นวิบากของผู้อยากเรียน.....
หลายคนจึงสรุปที่ว่าขึ้นกับวาสนา ท่านใดเจอครูดีก็นับว่าโชคดีไป...ฟ้าลิขิตไว้แล้ว:)
ท่านเคยได้ยินไหม"กรรมเป็นเผ่าพันธุ์พวกพ้อง " คนมีจริตนิสัยใกล้กันก็อยู่ร่วมกันได้ แตงโมก็จะชอบคลุกคลีกับแตงโมคงไม่ใช่แตงไทย แต่ก็ไม่แน่ถ้าทำตัวเป็นแตงไทยแล้วได้ประโยชน์ที่ต้องการก็กลายพันธุ์ได้เพราะจำเป็น :)
ในทางโหงวเฮ้งเขาว่า คนเรานั้นศรศิลป์มันกินกัน หรือชะตามันต้องกัน อันนี้สำคัญ......
เคยถามอ.อุดมพร .........กูรูด้านโหงวเฮ้งว่าเราจะดูโหงวเฮ้งเจ้านายลูกน้องยังไง...แกบอกเลย " ให้มันโหงวเฮ้งดีแค่ไหนแต่มันไม่เอามึงไม่เห็นหัวมึงจะมีความหมายอะไร... :)"
" เวลาพูดคุยกันศรศิลป์มันกินกันไหม...อันนี้สำคัญๆกว่าโหงวเฮ้ง !!! "
" อาจารย์แนะนำครูสอน หรือตำราให้ด้วยครับผมสนใจ อยากเป็นแบบอาจารย์ธวัชพงษ์ที่ปรึกษาด้านโหงวเฮ้งฮวงจุ้ยของCPครับ...."
"มึงจำไว้นะ กัดไม่ปล่อย ! อาจารย์ที่ไหนใครว่าดีแต่มึงฟังไม่เข้าหัว..เลิกเรียนกะมันเสียเวลาเขาอาจเหมาะกับคนอื่นแต่ไม่เหมาะเป็นอาจารย์มึง ส่วนตำราเล่มไหนอ่านแล้วเข้าหัวนั่นแหละ ใครบอกตำราดีแค่ไหนอ่านแล้วหนักกบาลก็ทิ้งมันไป ของจริงที่เหมาะกับเรามันจะไม่เครียดไม่ว่าอาจารย์หรือตำราเอ็งจำไว้นะ " ได้ข้อคิดมาเต็มๆครับพี่น้อง...:)
เกร็ดโหวงเฮ้ง...ที่หยิบมาจากหลายตำราที่น่าสนใจและใช่เป็นส่วนมากจากที่สังเกตเห็นมา แต่จะบอกว่าทุกคนเป็นเช่นนั้นเสียเลยก็ไม่ใช่ถือว่าเป็นส่วนใหญ่จะดีกว่า อย่างเช่น จมูก...ถ้าคิดจะทำต้องให้สันจมูกทะลุเทียนแท้งขึ้นไป ไม่ใช่ทำไปไม่สุด และหลายคนลืมปีกจมูกที่ต้องมีเนื้อไม่ใช่บางหรือไปรั้งจมูกขึ้นจนเห็นรูจมูกมากไป โดยรวมจมูกต้องมีโครงมีสันมีเนื้อเต็มและดูมีพลังจึงดีจริง !
อย่างน้องลิซ่าเป็นตัวอย่างจมูกสวยทะลุเทียนแท้งและหากปีกจมูกมีเนื้อมากกว่านี้จะดีมากขึ้นไปอีกเพราะปลายจมูกคือหากินปีกจมูกคือหาเก็บถ้าปีกจมูกบางไปควรเก็บเป็นอสังหาฯซื้อที่ดินที่มีอนาคตเก็บซื้อคอนโดทำเลดีปล่อยเช่าเอาไว้.....เป็นต้น อ้อ....โหงวเฮ้งไม่ใช่เอาแต่จะจมูกดีและสวยอย่างเดียวนะต้องดูข้างเคียงประกอบให้ดูสมดุลหรือกลมกลืนกลมกล่อมด้วยนะครับพี่น้องงงง :)
สถานที่สิ่งแวดล้อมดี คนก็สามารถแสดงฝีไม้ลายมือได้อย่างเต็มที่ .......จากตำราโหงวเฮ้ง ของเสี่ยวเทียนซือ
ตา หู ปก จมูก และคิ้ว
ตา~บอกภาวะจิตใจ อารมณ์ ความรู้สึก สติปัญญารวมถึงโชคชะตาทั้งชีวิตของคนผู้นั้น
หู~บอกความเฉลียวฉลาดและอุปนิสัยของคนผู้หนึ่ง และบอกโชคชะตาในวัยเด็ก
ปาก~บอกถึงความรักสภาพชีวิตความเป็นอยู่รายได้สวัสดิการที่ได้รับและบอกโชคชะตาในยามแก่ชราของเขา
จมูก~บอกถึงความเชื่อมั่นกำลังใจอุปนิสัยสุขภาพโชคลาภและบอกถึงโชคชะตาในวัยกลางคนของเขา
คิ้ว~บอกจำนวนพี่น้องมากน้อย ชื่อเสียงเกียรติยศ สติปัญญา และยังบอกโชคชะตาในวัยหนุ่มสาวของคนนั้น
2
รูปหน้า 5แบบ
1.รูปไข่รี (บนใหญ่ล่างเล็ก)
2.รูปไข่กลับหัว (บนเล็กล่างใหญ่)
3. รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า
4. รูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส
5. รูปกลม
จบก่อน.....เด้วยาวไป !..มีอารมณ์แล้วค่อยต่ออีกทีนะครับ:)
และอย่าเพิ่งปักใจจนกลายเป็นอคติเพราะโหงวเฮ้งต้องดูจุดอื่นๆประกอบด้วย ที่เสียก็อาจมีจุดที่ดีมาสนับสนุนหากไม่มีจุดสนับสนุนกะโหลกศีรษะด้านหลังเขาได้รูปดีก็คุ้มได้ที่เสียก็อาจไม่เสียมากเช่นกัน
ดังนั้น...โหงวเฮ้งต้องหมั่นสังเกต สิ่งสำคัญคือ แววตา ราศี น้ำเสียง และการเดินจะเป็นตัวตัดสินอีกที และที่สำคัญกว่านั้นอีกคือ ต้องระวัง "อคติ4" ในการดูโหงวเฮ้งหรือแม้แต่การพยากรณ์ด้วยศาสตร์อื่นๆ
พฤติกรรมของผู้เป็นซินแส ครูโหร โหร และนักพยากรณ์ อยู่ในสายสัมมาทิฐิหรือมิจฉาทิฐิ? เป็นพวกใฝ่กุศลหรืออกุศล? วงการใดสังคมใด มีลาภสักการะและมีสาวกเราจะเห็นได้ง่ายในเรื่องของอัตตาตัวตน อีโก้ อำนาจ แรงแห่งโทสะโมหะ โลภ โกรธ หลงที่ครอบงำ มันจะปรากฎให้ได้เห็นชัดมาก
เมื่อมโนกรรมมันถึงจุดมันก็จะประทุออกมาทางพฤติกรรมให้เราๆท่านๆรู้เห็น
สำหรับครูอาจารย์ที่ผมประทับใจ(เท่าที่จำได้นะ) ..พอจะแจกแจงให้พอเห็นลักษณะสักนิดนึงคือ...
เก่งใจดี และจริงใจ ก็ต้อง
อ.ปรีชา-ลายมือ อ.ลี-ลายมือ
อ.สุถิรา-โหงวเฮ้ง
อ.เกรียงไกร-ฮวงจุ้ย
ครูอี๊ด-7ตัว อ.อภิสรณ์-7ตัว ทักษากาลโยค
อ.วิมลจันทร์-ทักษายุค อ.กิ่งกานย์-ทักษายุค
เก่งและมีอารมณ์ขัน อย่างอาจารย์สง่า-ลายมือ ท่านนี้ไม่สอนเพราะดูเป็นอาชีพ ดูตั้งแต่อายุ21จนตอนนี้น่าจะ70แล้วมั้ง ไปดูไปถามไปขอความรู้นิดๆหน่อยๆก็ยังดี
เก่งและมั่นใจ ตรงไปตรงมา ชัดเจน
ก็ต้อง อ.นพพร-โหงวเฮ้ง อ.อาเกต-7ตัว ทักษากาลโยคสายอ.ประภาส
เก่ง ใจดีและใจกว้าง ก็ต้องท่าน
อ.ยงยุทธ-โหงวเฮ้ง ท่านบอกเสมอว่าเรียนวิชาใดต้องเรียนให้ได้3อาจารย์เพราะแต่ละอาจารย์ย่อมมีจุดที่เขาเก่งไม่เหมือนกันและจะได้เทียบเคียงด้วยว่าอะไรใช่อะไรไม่ใช่ อีกท่านคือ
อ.คุณเดช -โหงวเฮ้ง ที่ไปเรียนกะท่านเพราะท่านเคยไปดูอยู่ต่างประเทศ อยากรู้ว่าการดูหมอที่ต่างประเทศเป็นยังไง:)
เก่งและเมตตามาก สำหรับผมเหมือนเป็นวาสนาที่ได้เจอท่านคือ ครูจินตนา-โหรสายอินทภาส-บาทจันทร์
ครูจินตนา เป็นศิษย์รุ่นแรกและเป็นศิษย์เอกของอ.ยี ตั้งแต่เริ่มสอนที่วัดเอี่ยมฯ ท่านเรียนตลอด9ปีจนอ.ยีย้ายไปส.นานาชาติ วัดราชนัดดา อันนี้ต้องขอบคุณ อ.นำ-สายทักษายุคซึ่งเป็นศิษย์รักท่านอาจารย์วิมลจันทร์ แนะนำให้รู้จักและก็ได้มอบตัวเป็นศิษย์ท่านในวันนั้นเลยทีเดียว :)
ผมรู้จักอ.นำตอนไปเรียนกับอ.วิมลจันทร์และตามอ.วิมลจันทร์ไปเรียนที่บ้านท่าน(จึงได้รู้ว่าอ.นำ เป็นศิษย์รักของท่าน)
คนเก่งๆบนเส้นทางโหรบางท่านก็เบื่อหน่ายความวุ่นวายจึงปลีกตนปลีกวิเวกออกไปเป็นอิสระก็มีให้เห็นคงเพราะเห็นแล้วว่าโลกธรรม8นั้นมีอยู่จริง ความไม่แน่นอนมีจริง จิตมนุษย์นั้นผันแปรได้ตามเหตุปัจจัยและความอยากมีอยากเป็นก็มีอยู่เป็นปกติ
เมื่อความเบื่อหน่ายเกิดขึ้นและมากขึ้น กูรูหลายท่านจึงปลีกวิเวก ปลดพันธนาการกับมายาคติต่างๆ เราๆท่านๆจึงหาผู้รู้จริงๆได้ยากขึ้นๆ
ในการพยากรณ์อคติ4 เป็นสิ่งที่ต้องคำนึงถึงคือ.....เพราะเสียคนกันมาเยอะแล้ว:)
1.ฉันทาคติ~ลำเอียงเพราะชอบ
2.โทสาคติ~ลำเอียงเพราะชัง
3.โมหาคติ~ลำเอียงเพราะเขลา
4.ภยาคติ~ลำเอียงเพราะกลัว
ดั่งที่ขงจื้อมักสอนลูกศิษย์เสมอเวลาฟังคนที่น่าเชื่อถือพูดอะไรว่า "ฟังเขาพูดแล้วต้องสังเกตดูพฤติกรรมเขาด้วย"
คนดีมีน้ำใจไม่ว่าจะอยู่ตีนเขาหรือบนเขาๆก็คงมีคุณธรรมน้ำใจเป็นปกติ เพราะเขาสั่งสมมาก่อนแล้ว ส่วนพวกไร้คุณธรรมทุศีลสร้างภาพหลอกกินปลิ้นปล้อนเขาก็สั่งสมมาก่อนแล้วเช่นกัน อันเป็นธรรมดาโลกที่มีสังสารวัฎให้วนเวียนแล้วรอรับผลแห่งวิบากต่อไป:)
TIME เคยเจาะข่าวในทำเนียบ ในยุคที่เรแกน เป็นประธานาธิบดี แนนซี่ เรแกน สุภาพสตรีหมายเลข 1 ก็เชื่อถือโหราศาสตร์มาก ในทำเนียบจะมีนักโหราศาสตร์ไว้เลย.....ซึ่ง TIME วิเคราะห์ว่า ทุกครั้งที่เรแกน จะมี speech สำคัญ ก็จะเลือก กำหนดเวลาที่เป็นVOC หรือ ที่เรียกว่า จันทร์ไร้มุม ซึงเวลานั้น ก็คือ เลอะเลือน คนฟัง หรือ สส. ก็จะงง ๆ จนไม่มีคำถามสำคัญอะไรนัก....จากเพื่อนรุ่นพี่ที่ชำนาญด้านโหราศาสตร์:)
โฆษณา