3 ส.ค. 2020 เวลา 12:00 • ยานยนต์
#MSInfographic : ส่องความเร็วสูงสุดของซูเปอร์คาร์แต่ละค่าย ใครคือเจ้าแห่งความเร็ว?
1
ยิ่งกาลเวลาเคลื่อนผ่านไปเท่าไร เทคโนโลยีต่าง ๆ ก็ยิ่งก้าวหน้าขึ้นเท่านั้น โลกแห่งยานยนต์ก็เช่นเดียวกัน ที่ปัจจุบันค่ายรถยนต์ทุกค่ายต่างก็เข็นสุดยอดรถของตัวเองออกมาแข่งขันกันในทุกด้านให้ชาวโลกได้ประจักษ์ โดยเฉพาะในด้านความเร็ว
ครั้งนี้เราจะมาเปรียบเทียบกันให้เห็นแบบจะ ๆ ไปเลยในเรื่องของ Top Speed หรือความเร็วสูงสุดของรถซูเปอร์คาร์ รวมถึงไฮเปอร์คาร์จากแต่ละค่าย ว่าเมื่อวัดกันปอนด์ต่อปอนด์ ค่ายไหนจะเป็นเจ้าแห่งความเร็ว และรถที่เร็วที่สุดของพวกเขาคือรุ่นอะไร ติดตามได้ที่ Main Stand
1
*หมายเหตุ เฉพาะรถที่ทางบริษัทหรือค่ายรถยนต์ผลิตและวางจำหน่ายเท่านั้น ไม่นับรวมถึงรถที่มีการนำมาคัสตอมเครื่องยนต์เองของบุคคลทั่วไป
[Koenigsegg Jesko Absolut]
Top Speed: 531 กิโลเมตร/ชั่วโมง
Jesko von Koenigsegg คือชื่อผู้ก่อตั้ง Koenigsegg แบรนด์ซูเปอร์คาร์จากประเทศสวีเดน ดังนั้นเมื่อเป็นรุ่นที่แรงที่สุดของแบรนด์ การนำชื่อของผู้ให้กำเนิดมาตั้งเป็นชื่อรุ่นจึงดูเป็นแนวคิดที่เข้าท่าที่สุด
Koenigsegg Jesko Absolut ปรับปรุงในส่วนของเครื่องยนต์มาจากรุ่น Agera RS เพียงเล็กน้อย โดยเน้นไปที่ระบบอากาศพลศาสตร์แรงกด และการควบคุมที่แม่นยำมากขึ้น จึงทำให้รถรุ่นนี้สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 531 กิโลเมตร/ชั่วโมง เป็นรองเพียงแค่ Devel Sixteen ไฮเปอร์คาร์จากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ที่มีความเร็วสูงสุดถึง 560 กิโลเมตร/ชั่วโมง ซึ่งยังไม่มีการวางจำหน่ายให้บุคคลทั่วไปได้ซื้อหามาครอบครอง
4
อีกหนึงจุดเด่นของ Koenigsegg Jesko Absolut คือหน้าจอ LCD ขนาด 9 นิ้วที่ระบุข้อมูลการทำงานในส่วนระบบต่าง ๆ ของตัวรถไว้แบบเรียลไทม์ เรียกได้ว่าในเวลานี้ Koenigsegg Jesko Absolut คันนี้คือเจ้าแห่งความเร็วบนท้องถนนตัวจริง
3
[Bugatti Chiron Super Sport 300+]
Top Speed: 490 กิโลเมตร/ชั่วโมง
จากความยิ่งใหญ่ของ Bugatti Chiron ที่สามารถทำลายกำแพงความเร็ว 300 ไมล์/ชั่วโมงได้สำเร็จ ได้กลายเป็นที่มาของ Bugatti Chiron Super Sport 300+ ไฮเปอร์คาร์รุ่นพิเศษที่ค่ายรถยนต์จากเมืองน้ำหอมผลิตออกมาเฉลิมฉลองในโอกาสดังกล่าว
Bugatti Chiron Super Sport 300+ เปิดตัวครั้งแรกในงาน แฟรงก์เฟิร์ตมอเตอร์โชว์ 2019 ที่เมือง แฟรงก์เฟิร์ต ประเทศ เยอรมนี เมื่อวันที่ 9 กันยายน
Bugatti Chiron รุ่นพิเศษนี้แตกต่างจากรุ่นทั่วไปตรงที่ตัวถัง Longtail ซึ่งจะมีช่วงท้ายที่ยาวกว่า และ แนวหลังคาหลังลู่ลมกว่าเดิม ส่งผลให้การรีดลมให้ดีขึ้นอีก 40% และ ช่วยสร้างแรงกดได้มีประสิทธิภาพกว่าเดิม เมื่อขับจนแตะความเร็วระดับ 420 กม./ชั่วโมง ชิ้นส่วนตัวถังทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ สีดำ Jet Black ตัดด้วยสีส้ม Jet Orange ส่วนล้อทำจากแมกนีเซียมน้ำหนักเบา สีเทาดำ Nocturne
2
Bugatti Chiron Super Sport 300+ มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน แบบ W16 ขนาด 8.0 ลิตร เทอร์โบ 4 ลูก ตั้งชื่อว่า "Thor" กำลังสูงสุด 1,600 แรงม้า ซึ่งเพิ่มจากเดิมที่มีอยู่ 1,500 แรงม้า มีการปรับปรุงท่อไอเสียใหม่ โดยให้ยิงออก 2 ฝั่งด้วยปลายท่อทรงกลม ติดตั้งในแนวตั้ง รับกับดิฟฟิวเซอร์หลังขนาดใหญ่
Bugatti Chiron Super Sport 300+ มาพร้อมราคา 3.5 ล้านยูโร ราคาสูงกว่ารุ่นเดิม 1.1 ล้านยูโร แต่จำกัดจำนวนการผลิตเพียง 30 คันทั่วโลก โดยจะมีการส่งมอบให้กับลูกค้าที่จับจองในช่วงกลางปี 2021
[SSC Tuatara]
Top Speed: 484 กิโลเมตร/ชั่วโมง
SSC หรือ SSC North America (ชื่อเดิม Shelby SuperCars - ไม่ได้เกี่ยวข้องกับ แคร์รอล เชลบี้ นักสร้างรถในตำนานแต่อย่างใด) คือค่ายรถยนต์จากประเทศสหรัฐอเมริกาที่อาจจะฟังดูไม่ค่อยคุ้นในบ้านเรานัก แต่นี่ถือเป็นหนึ่งในค่ายรถยนต์เจ้าความเร็วอีกหนึ่งค่ายเช่นกัน โดยรุ่นที่ถือว่าจัดจ้านที่สุดคือ Tuatara ที่เพิ่งผลิตออกมาในปี 2020 นี้เอง
SSC Tuatara เป็นซูเปอร์คาร์ความแรงสูงที่ผลิตออกมาจำนวนจำกัดเพียง 100 คันเท่านั้นมาพร้อมเครื่องยนต์ SSC Twin Turbo V8 ขนาด 5.9 ลิตร ที่สามารถเค้นกำลังสูงสุดได้ถึง 1,350 แรงม้า เมื่อใช้น้ำมันออกเทน 91 แต่หากใช้น้ำมัน E85 จะมีกำลังสูงสุดเพิ่มขึ้นเป็น 1,750 แรงม้าเลยทีเดียว ส่งกำลังด้วยเกียร์กึ่งธรรมดา กึ่งอัตโนมัติ จาก CIMA 7 จังหวะ ที่สามารถเปลี่ยนอัตราทดได้ในเวลาไม่ถึง 0.1 วินาที เมื่อใช้ Track Mode
1
SSC Tuatara สามารถเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ภายในระยะเวลาเพียง 2.5 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 484 กิโลเมตร/ชั่วโมง
[Hennessey Venom F5]
Top Speed: 484 กิโลเมตร/ชั่วโมง
หลายคนอาจจะคุ้นชื่อ Hennessy ในฐานะชื่อแบรนด์วิสกี้ชั้นดี แต่ทราบหรือไม่ว่า Hennessey คือชื่อของค่ายรถยนต์เช่นกัน แถมยังเป็นค่ายที่ขึ้นชื่อเรื่องการผลิตรถความเร็วสูงอีกด้วย โดยทั้งสองสิ่งนี้ไม่มีความเกี่ยวข้องกันแต่อย่างใด แถมยังสะกดไม่เหมือนกันอีกด้วย
Hennessey Performance Engineering เป็นบริษัท Tuning หรือรับแต่งรถในรัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งงานส่วนใหญ่ที่ทำการโมดิฟายนั้นจะหนีไม่พ้นพวกรถสปอร์ตชั้นนำของโลก เช่น Ferrari, Lamborghini, Porsche รวมถึงรถสปอร์ตเลือดอเมริกันแบรนด์ต่าง ๆ อย่างไรก็ตาม นอกจากงานโมดิฟายแล้ว ในช่วงหลัง Hennessey ยังเริ่มมองหาช่องทางในการผลิตรถสปอร์ตภายใต้แบรนด์ของตัวเองออกมาขายด้วย
Hennessey Venom F5 คือรุ่นที่ขึ้นชื่อว่าเร็วแรงที่สุดของค่าย เป็นรถสปอร์ตแบบคูเป้ 2 ประตูเครื่องยนต์วี 8 7,400 ซีซี เทอร์โบคู่ 1,622 แรงม้า วางกลางลำและขับเคลื่อนล้อหลัง โดยสามารถทำความเร็วได้สูงสุดได้ถึง 484 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใกล้เคียงกับความเร็วของพายุทอร์นาโดซึ่งเป็นคอนเซปตต์สำคัญในการผลิต
Hennessey Venom F5 ถือเป็นรถที่ลิมิเต็ดสุด ๆ เพราะมีการผลิตออกมาเพียง 24 คันเท่านั้น
[McLaren Speedtail]
Top Speed: 484 กิโลเมตร/ชั่วโมง
หลังจากที่ McLaren F1 เคยทำสถิติเป็นรถจากค่าย McLaren ที่เร็วที่สุดไว้ที่ 386.4 กิโลเมตร/ชั่วโมง เมื่อปี 1998 สถิตินี้ก็คงอยู่มาแสนนาน จนกระทั่ง McLaren Speedtail ได้ออกมาทำลายสถิตินี้ได้สำเร็จในปี 2020 ด้วยความเร็ว 400 กิโลเมตร/ชั่วโมง
McLaren Speedtail ใช้เครื่องยนต์เบนซินไฮบริด Twin-Turbo 4.0 ลิตร V8 มอเตอร์ไฟฟ้า สร้างพละกำลังได้มากถึง 1,055 แรงม้า และแรงบิด 1,150 นิวตัน-เมตร โดยมีการผลิตออกมาในจำนวนจำกัดเพียง 106 คันเท่านั้น และทั้งหมดถูกจองหมดภายในเวลาอันรวดเร็ว เป็นการพิสูจน์ได้อย่างดีว่าในเรื่องของความเร็ว McLaren ก็ไม่น้อยหน้าใครเช่นกัน
1
[Aston Martin Valkyrie]
Top Speed: 400 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ซูเปอร์คาร์ที่ตั้งตามชื่อนักรบหญิงชาวนอร์สในตำนานจากค่าย Aston Martin รุ่นนี้เพิ่งออกวางจำหน่ายในปี 2020 ไปแบบสด ๆ ร้อน ๆ และที่สำคัญคือผลิตออกมาเพียง 150 คันทั่วโลกเท่านั้น นี่จึงเป็นหนึ่งในรถที่จัดเป็นแรร์ไอเท็มแบบสุด ๆ สำหรับสายสปีดกระเป๋าหนัก
ความพิเศษของ Aston Martin Valkyrie คือการได้ทีม F1 Red Bull Racing มาร่วมสร้างสรรค์จนเกิดเป็นผลงานชั้นยอด มาพร้อมเครื่องยนต์ V12 6,500 ซีซี รีดกำลังออกมาได้ 1,146 แรงม้า ที่รอบสูงถึง 10,500 รอบ/นาที ใช้เวลาเพียง 2.5 วินาทีในการทำอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง
มีระบบ KERS ซึ่งพัฒนาโดย Rimac โดยระบบนี้จะช่วยในการปั่นกระแสไฟฟ้าเข้ามาเก็บในแบตเตอรี่สำหรับส่งให้มอเตอร์ไฟฟ้าช่วยในการขับเคลื่อน ซึ่งผู้ขับสามารถกดปุ่มเพื่อใช้โหมดนี้ได้ เหมือนกับที่ใช้ในรถแข่ง F1 และแน่นอนว่ารถรุ่นนี้สามารถเร่งความเร็วสูงสุดได้ถึง 400 กิโลเมตร/ชั่วโมง เลยทีเดียว
ที่สำคัญที่สุด นี่คือผลงานสุดท้ายจากความร่วมมือระหว่างกันของ Aston Martin และ Red Bull Racing ด้วย เนื่องจากในปี 2021 Aston Martin จะนำชื่อของพวกเขาเข้าสู่สนามแข่ง F1 อย่างเต็มตัว ด้วยการรีแบรนด์ชื่อทีม Racing Point เสียใหม่ และทั้งหมดเกิดขึ้นได้เนื่องจากทั้ง Aston Martin และ Racing Point มีเจ้าของคนเดียวกัน ชื่อ ลอว์เรนซ์ สโตรล นั่นเอง
[Tesla Roadster (2020)]
Top Speed: 400 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ถึงแม้จะเป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้า แต่ในเรื่องความเร็ว Tesla Roadster 2020 ก็ถือว่าไม่น้อยหน้าบรรดารถยนต์พลังงานน้ำมันเลยทีเดียว
Tesla Roadster 2020 เป็นการนำโมเดลเก่าจากรุ่น Roadster ในปี 2008 มาปรับปรุงเปลี่ยนโฉมใหม่ทั้งภายนอกภายในให้ล้ำสมัยและเร็วแรงยิ่งขึ้น โดยมาพร้อมกับมอเตอร์ 3 ตัว (หลัง 2 ตัว หน้า 1 ตัว) ส่งผลให้เร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงได้ภายในระยะเวลาเพียง 1.9 วินาที ทำความเร็วสูงสุดได้ 400 กิโลเมตร/ชั่วโมง ติดตั้งแบตเตอรี่ขนาด 200 กิโลวัตต์ชั่วโมง ทำให้วิ่งได้ไกล 1,000 กิโลเมตร ที่ความเร็ว 120 กิโลเมตร/ชั่วโมง
Tesla Roadster 2020 ถือเป็นผลงานอีกหนึ่งชิ้นที่ อีลอน มัสก์ เจ้าของแบรนด์ Tesla ภาคภูมิใจ โดยเขาต้องการให้รถคันนี้ตบหน้าบรรดารถใช้น้ำมันของค่ายอื่น ๆ และพิสูจน์ให้เห็นว่ารถพลังงานไฟฟ้าก็สามารถเร็วแรงได้เช่นกัน
[Lamborghini Aventador SVJ]
Top Speed: 354 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ถือเป็นอีกหนึ่งค่ายที่ได้รับความนิยมในหมู่ผู้คลั่งไคล้เรื่องความเร็ว สำหรับ Lamborghini เจ้า "กระทิงดุ" จากประเทศอิตาลีแบรนด์นี้
และถ้าถามว่ารถรุ่นไหนจาก Lamborghini ที่เร็วแรงที่สุด คำตอบก็คือรุ่น Aventador SVJ ที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกในงาน Pebble Beach Concours d’Elegance เมื่อปี 2018 ที่ผ่านมานั่นเอง
Lamborghini Aventador SVJ เป็นการปรับปรุงต่อยอดมาจากรุ่น SV ด้วยการเพิ่มกำลัง ปรับปรุงระบบ Aerodynamics รอบคัน มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 6.5 ลิตร V12 ให้กำลังสูงสุด 770 แรงม้า แรงบิด 720 นิวตัน-เมตรอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ที่ 2.8 วินาที โดยทั้งโลกมีเพียง 963 คันเท่านั้น
[Ferrari LaFerrari]
Top Speed: 350 กิโลเมตร/ชั่วโมง
LaFerrari หรือรู้จักกันดีในรหัส "F150" เป็นรถยนต์นั่งไฮบริดสมรรถนะสูง เครื่องยนต์กลางลำหลัง ขับเคลื่อนสองล้อท้าย (RMR) 2 ประตู 2 ที่นั่ง ได้รับการออกแบบโดยนักออกแบบรถยนต์สัญชาติอิตาลี ฟลาวีโอ แมนโซนี เจ้าของรางวัล "European Automotive Design Award"
LaFerrari มาพร้อมเครื่องยนต์ไฮบริดขนาด 6.3 ลิตร (6262 ซีซี) กำลัง 800 แรงม้า แรงบิดสูงสุดที่ 700 นิวตัน-เมตร ใช้เกียร์กึ่งอัตโนมัติ 7 จังหวะ ในระบบคลัทช์คู่ (Dual-clutch) ดังนั้นมันจึงทำอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงได้ในระยะเวลา 3 วินาที และมีความเร็วสูงสุดที่ 350 กิโลเมตร/ชั่วโมง ถือเป็นรถถนนที่เร็วที่สุดเท่าที่ Ferrari เคยผลิตมา
LaFerrari ผลิตมาในจำนวนจำกัดเพียง 499 คัน โดยผู้ที่สามารถจับจองเป็นเจ้าของได้ต้องมีรถ Ferrari อยู่ในครอบครองอย่างน้อย 4 คันอยู่ก่อนแล้วเท่านั้น
[Porsche 911 GT2 RS]
Top Speed: 340 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ปิดท้ายด้วยค่ายรถหรูจากประเทศเยอรมันที่ค่อนข้างได้รับความนิยมในบ้านเราพอสมควรอย่าง Porsche โดยรุ่นที่นำมาพูดถึงคือ 911 GT2 RS ซึ่งเป็นรุ่นที่เร็วแรงที่สุดของค่าย
911 GT2 RS เป็นการนำพื้นฐานจากรุ่น Turbo S มาเพิ่มระบบ Water-Spray Cooling ลงไป นอกจากนั้นตัวรถยังทำมาจากคาร์บอนไฟเบอร์ ส่วนหลังคาผลิตจากแม็กนีเซียม และยังตัดระบบขับเคลื่อน 4 ล้อออกไป เหลือเพียงระบบขับเคลื่อนล้อหลัง ทำให้มีน้ำหนักเบาเพียง 1,470 กิโลกรัมเท่านั้น
Porsche 911 GT2 RS มาพร้อมเครื่องยนต์ทวินเทอร์โบ 6 สูบ ขนาดความจุ 3.8 ลิตร เกียร์ PDK 7 สปีด พละกำลังสูงสุด 700 แรงม้า แรงบิด 750 นิวตัน-เมตร อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใน 2.8 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 340 กิโลเมตร/ชั่วโมง
บทความโดย เพรียวพันธ์ แสนลาวัณย์
แหล่งอ้างอิง:
โฆษณา