22 ส.ค. 2020 เวลา 12:00 • ความคิดเห็น
โพสต์นี้เพื่อคนโสดครับ
พอดีวันนี้ผมได้พูดคุยกับรุ่นพี่คนหนึ่ง เขาแนะนำให้ผมมีแฟนเร็ว ๆ เพราะยิ่งแก่ไปก็ยิ่งหาแฟนยาก
โดยพี่เขามีแฟนตั้งแต่เรียนมหาลัยแล้ว
"เนี่ย พี่นึกไม่ออกเลยว่าถ้ามาหาแฟนตอนทำงานจะได้มีแฟนไหม วัน ๆ ก็เอาแต่ทำงาน ไม่มีโอกาสได้เจอใคร"
ผมถามพี่เขากลับไปว่า "ระหว่างตอนมีแฟนกับไม่มีแฟนต่างกันยังไงอ่ะ?"
เขานิ่ง ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะตอบกลับมาว่า "ไม่รู้แฮะ พี่ไม่เคยอยู่คนเดียวมานานแล้ว"
ผมรู้ว่าพี่เขาไม่ได้มีเจตนาพูดข่ม แต่มันเป็นชวนให้คิดไปทางนั้นจริง ๆ
ผมฮากับคำพูดพี่เขา เลยหยอกล้อกลับไปเล็ก ๆ แล้วจึงสนทนากันต่อ
"ถ้าเช่นนั้นทำไมคนเราต้องมีแฟนด้วยหรอ?"
"เพราะไม่เช่นนั้นชีวิตจะเหี่ยวเฉา ชีวิตคละคลุ้งไปด้วยความเศร้า อยู่คนเดียวแม้จะสบายดี แต่ก็ไม่ได้ดีขนาดนั้น มันจะมีความรู้สึกเหงาอยู่ลึก ๆ ข้างใน"
"แล้วความสัมพันธ์แบบเพื่อน พี่ น้อง อะไรงี้ช่วยไม่ได้เลยหรอ?"
"มันก็ช่วยได้ระดับนึงนะ แต่พอเวลาผ่านไป เดี๋ยวพวกเขาก็ไปมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับคนอื่น เขาก็จะไม่มีเวลาให้เราแล้ว"
โสดสิดี
เราจบเรื่องที่ผมคุยกับรุ่นพี่คนนี้ดีกว่า
เดี๋ยวผมจะขออธิบายในมุมของผมบ้างนะครับ
● เริ่มที่ประเด็นเหี่ยวเฉากันก่อนเลย
ผมมองว่าคนที่เหี่ยวเฉา หม่นหมอง หรือหงอยเหงา เป็นเพราะเขาเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่นมากกว่า พอเห็นคู่ชายหญิงคนไหนจู๋จี๋ ดี๊ด๊ากันดี ก็คงคิดว่าพวกเขามีความสุขกันมาก จนเราอยากมีกับเขาบ้าง
หรือการเสพสื่อ ละคร หนัง การ์ตูน นิยาย เกม ที่มีเรื่องของครอบครัวสุขสันต์ คู่ชายหญิงจีบกันอย่างมีความสุข
อันนี้ก็ทำผมเซไปเหมือนกัน ซึ่งเป็นข้อที่ผมรู้สึกว่าส่งอิมแพคกับคนมากที่สุดแล้ว เพราะสื่อเหล่านี้ คนสร้าง "โคตร" ตั้งใจทำ ทุก Element ที่เขาจะทำให้คนรู้สึกดีกับฉากรักได้ เขาทำหมด ไม่ว่าจะเป็นการประดิดประดอยคำพูด การบิ้วท์ดนตรีประกอบ การคิดมุมภาพชวนจินตนาการ และอื่น ๆ
ในความเป็นจริง เพียงเราอยู่แบบไม่มีคู่ก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย ไม่อันตรายถึงขั้นเสียชีวิตเสียหน่อย
ที่เราเหี่ยวเฉา หม่นเศร้า เคร้าเหงา แท้จริงแล้วก็เป็นเพราะเราเอาใจไปเปรียบเทียบกับคนอื่นเท่านั้นแล
● คนมีแฟน มีความสุขกว่าคนโสด
ประเด็นนี้น่าสนใจ เรามาเปิดใจกันเถอะ
ต่อเนื่องจากประเด็นแรก ที่บอกว่า "พอเห็นคู่ชายหญิงคนไหนจู๋จี๋ ดี๊ด๊ากันดี ก็คงคิดว่าพวกเขามีความสุขกันมาก จนเราอยากมีกับเขาบ้าง"
ในความเป็นจริง คนที่คิดเช่นนี้ ไม่ได้คิดไปถึงช่วงที่พวกเขามีความทุกข์แสนสาหัส ไม่ว่าจะเป็นการงอนง้อ การผิดใจกัน หรือหนักหน่อยก็ทะเลาะ ทำร้ายกัน
คนมีแฟนต้องมีเงื่อนไขมากมายที่จะทำให้ชีวิตไม่มีความสุข ต้องทำตามความต้องการของอีกฝ่ายอย่างไร้ทางเลือก ยิ่งพอมีบุตร ก็จะเป็นโซ่ทองคล้องใจที่ทำให้หย่าร้างกันลำบากขึ้นไปอีก
● นอกจาก "คนรัก" แล้ว "คนอื่น ๆ" จะไม่มีเวลาให้
ก่อนจะไปถกกันถึงประเด็นนี้ ผมขอเปิดคำถามชวนคิดให้กับคุณครับ
"คนบนโลกนี้ตั้งมากมาย ทำไมถึงจะไม่มีใครมีเวลาให้คุณเลย?"
1
พ่อ แม่ พี่ น้อง ญาติฝ่ายพ่อ ญาติฝ่ายแม่ เพื่อนสนิท เพื่อนกิน เพื่อนตาย เพื่อนร่วมงาน หุ้นส่วนทางธุรกิจ เพื่อนบนโลกออนไลน์ ชุมชนต่าง ๆ ที่คุณอยู่ และอีกมากมาย
เหล่านี้ล้วนเป็นผู้คน ที่คุณสามารถใช้เวลาร่วมกับพวกเขาได้ "เท่าที่คุณอยาก"
ถ้าคุณยังรู้สึกว่าไม่มีผู้คนให้ปฏิสัมพันธ์ด้วยอีก แม้จะพิจารณา Connection ทั้งหมดแล้ว คุณก็น่าจะลองเดินไปยังชุมชนใหม่ ๆ ที่ที่คุณให้ความสนใจ อย่ายึดติดกับอะไรเดิม ๆ เพราะบนโลกนี้มีคนมากมายให้คุณมีปฏิสัมพันธ์ด้วย
1
บางที การมีคนรัก ที่ต้องอยู่ด้วยกัน 24 ชั่วโมง อาจเป็นปัญหากว่าการที่คนไม่มีเวลาให้เสียอีก
เพราะถ้าอยากสัมพันธ์กับผู้คน ก็แค่เดินไปหา แต่หากอยากตัดขาดจากคนรักแม้ซักประเดี๋ยว อาจทำให้เกิดการผิดใจกัน
หรือถึงขั้นส่งผลให้ความสัมพันธ์ร้าวฉานเลยก็ได้
แถม: จากบุลเล็ตที่ 2 ย่อหน้าที่ 3 ผมมีประเด็นเสริมน่าสนใจจะมาดีเบต "ฉันไม่ได้ไม่มีความสุขเพราะเขาเสียหน่อย เรารักเขา เราทนได้ ยังไงความสุขที่ได้ก็ทดแทนมาไม่ได้อยู่แล้ว"
คำพูดนี้มี 2 จุดสำคัญ คือ
● เรารักเขา เราทนได้
อาจจะแรงซักหน่อย แต่ผมจะขอยกสุภาษิตหนึ่งที่เข้ากับสถานการณ์นี้ได้ดีครับ คือ
"เจ็บแล้วจำคือคน เจ็บแล้วทนคือควาย"
แม้ศาสนาพุทธจะสอนว่าเราไม่ควรยินดียินร้ายไปกับความสุขหรือความทุกข์ แต่ในระดับปัจเจกบุคคล เรายังคงต้องการความสุข และหลีกเลี่ยงความทุกข์กันใช่ไหมล่ะครับ
คุณต้องแยกอารมณ์สัญชาติญาณกับความเป็นจริงให้ออก ความรักเป็นอารมณ์สัญชาติญาณ ส่วนการทนเป็นสิ่งที่เราประสบอยู่จริง ๆ
● ความสุขจากความรัก ไม่มีสิ่งใดทดแทนได้
ความรัก เป็นอารมณ์สัญชาติญาณดิบของมนุษย์ คงอยู่ได้ไม่นาน เดี๋ยวมันก็หายไป หลายคู่รัก พอกาลเวลาผ่านไปก็หมดรัก เหลือเป็นความผูกพันธ์ที่มีให้กัน
ฟังเหมือนดูดี ซึ่งก็ดีจริง ๆ ถ้าเป็นแบบที่ว่าไป แต่หลาย ๆ คู่รัก ไม่่ได้เป็นเช่นนั้น หลายคู่ต้องเลิกรากันเพราะไปกันไม่ได้ เพียงเพราะเอาสัญชาติญาณดิบมาเป็นตัวนำการตัดสินใจ
ในความเป็นจริงแล้ว หากคุณต้องการความผูกพันธ์ มีความผูกพันธ์มากมายที่สร้างความสุขให้คุณได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นความรักเชิงชู้สาวเพียงเท่านั้น
1
เรา ๆ ท่าน ๆ ต่างเป็นมนุษย์ เป็นสัตว์ชั้นสูง สามารถคิด หรือทำสิ่งต่าง ๆ ได้เองผ่านเจตจำนง ไม่ควรให้อารมณ์แบบสัตว์เดรัจฉานมาเป็นใหญ่
หากคิดจะรัก ต้องมานั่งคุยกับตัวเองจริง ๆ ว่า ความรักของคุณ เป็นความสุขแบบสัญชาติญาณดิบ หรือเป็นความสุขที่คุณเลือกจริง ๆ
ประเด็นทั้งหลายที่ผมนำมาวิพากย์ในโพสต์นี้ คือสิ่งที่ "คนโสด" มักถูก Judge อยู่เป็นประจำ ซึ่งผมชอบคิดอยู่ในใจว่า "ไม่จริงเลย" คนเราไม่จำเป็นต้องอยู่กันเป็นคู่รักอย่างเดียว มีความสัมพันธ์มากมายให้คุณมีความสุขไปกับมันได้ (คนโสดไม่จำเป็นต้องมีความสัมพันธ์ไม่ดีเสมอไป)
1
หากจะบอกว่าต้องมีแฟนเพื่อจะได้ดำรงเผ่าพันธ์ ขอบอกว่าปัจจุบันนี้ประชากรแทบจะล้นโลกอยู่แล้ว 7,500 ล้านคน และคาดว่าปี 2030 จะมีประชากร 8,500 ล้านคน (ข้อมูลจากวิกิ)
ด้วยข้อมูลด้านบน ไม่จำเป็นเลยที่เราจะต้องทำหน้าที่เพิ่มเติมประชากรให้แก่โลกใบนี้ การไม่เพิ่มภาระให้ประชากรล้นโลกน่าจะเป็นการช่วยโลกมากกว่าด้วยซ้ำ
เหนือสิ่งอื่นใด โพสต์นี้ผมไม่ได้ต่อว่าคนมีแฟนนะครับ ถ้ามีแล้วคุณมีความสุขดีผมก็ยินดีด้วย
แต่ผมจะต่อว่าคนอ้างเหตุผลมากดดันให้คนโสดต้องมีแฟน ทั้ง ๆ ที่มีแฟนก็ไม่ได้ดีกว่าโสด และโสดก็ไม่ได้แย่อย่างที่คิดเลย
อนึ่ง หากคุณอ่านโพสต์นี้จบ ผมขอขอบคุณมากครับ คิดเล่นเห็นต่างยังไง ลองคอมเมนต์กันดูนะครับ ถือเป็นการเปิดความคิดกับคนอื่น ๆ ที่เข้ามาอ่านด้วย
"โสดไม่ดี" หรือ "โสดสิดี" คุณเห็นด้วยกับคำไหนครับ?
โฆษณา