17 ส.ค. 2020 เวลา 10:45 • ประวัติศาสตร์
“หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เหตุใดไทย ไม่ต้องตกเป็นประเทศผู้แพ้สงคราม"
“16 ส.ค. วันสันติภาพไทย ประเทศไทยประกาศสันติภาพ หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ใน ปี 2488”
15 ส.ค. 2488 ญี่ปุ่นประกาศยอมแพ้ยอมจำนนต่อฝ่ายสัมพันธมิตร หลังถูกระเบิดถล่มฮิโรชิมะและนางาซากิ นำไปสู่การสิ้นสุดสงครามโลก ครั้งที่ 2
ในวันถัดมา 16 ส.ค. 2488 ปรีดีพนมยงค์ หัวหน้าขบวนการเสรีไทย และผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์รัชกาลที่ 8 ออกประกาศสันติภาพ ให้การเข้าร่วมสงครามของไทยกับญี่ปุ่น ‘เป็นโมฆะ’
ประเทศไทย...ไม่ต้องตกเป็นประเทศแพ้สงคราม
“แต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เหตุใดไทย ไม่ต้องตกเป็นประเทศผู้แพ้สงครามเช่นเดียวกับญี่ปุ่น เหตุใดประเทศสัมพันธมิตร ยอมรับการประกาศสันติภาพของไทย ?” มาย้อนอ่านประวัติศาสตร์ ร่วมรำลึกถึงคุณูปการของขบวนการเสรีไทย กลุ่มขบวนการลับ ที่อาศัยความร่วมมือ และความสามัคคีจากหลายภาคส่วนทั้งในและจากนอกประเทศ ในการเคลื่อนไหวต่อต้านการรุกรานของต่างชาติ เพื่อรักษาเอกราชและอธิปไตยของไทย
“อุบัติสงครามโลก ครั้งที่ 2”
เริ่มต้นในปี 2482 เมื่อเยอรมนีโจมตีโปแลนด์ เป็นชนวนเหตุนำไปสู่สงครามโลก ครั้งที่ 2 ก่อนที่การรบจะขยายวงกว้าง แผ่ขยายครอบคลุมแต่ละประเทศ และแบ่งโลกออกเป็นฝ่าย ได้แก่ ฝ่ายอักษะ ประกอบด้วย เยอรมนี อิตาลี และญี่ปุ่น และฝ่ายสัมพันธมิตร อาทิ อังกฤษ ฝรั่งเศส และรัสเซีย
ระยะแรกของสงคราม ประเทศไทยวางตัวเป็นกลาง ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด รัฐบาลไทยลงนามในสนธิสัญญาไม่รุกรานกันกับอังกฤษ และฝรั่งเศส และลงนามในสนธิสัญญาว่าด้วยการเจริญสัมพันธไมตรีต่อกันระหว่างไทยกับญี่ปุ่น
ก่อนที่ไทยจะเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่ 2 นี้ จากการทำสงครามกับญี่ปุ่น ในสงครามมหาเอเชียบูรพา ช่วงปี 2484
ปี 2484 ญี่ปุ่นได้โจมตีฐานทัพเรือของสหรัฐอเมริกาที่ เพิร์ล ฮาเบอร์ นำมาสู่การเข้าร่วมสงครามของสหรัฐอเมริกา ในปีเดียวกันญี่ปุ่นส่งเอกอัครราชทูตเข้าพบ จอมพล ป.พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น เพื่อขอเดือนทัพผ่านไทยไปยังดินแดนอาณานิคมของอังกฤษ เช่น พม่าและมลายู
1
8 ธ.ค. 2484 กองทัพญี่ปุ่นยกพลขึ้นบกเข้าสู่ประเทศไทย รัฐบาลจอมพล ป.พิบูลสงคราม อนุญาตให้ญี่ปุ่นเดินทัพผ่าน โดนมีเงื่อนไขว่าญี่ปุ่น ต้องเคารพศักดิ์ในเอกราช และอธิปไตยของไทยโดยสมบูรณ์ ขณะที่หลายพื้นที่ในประเทศไทย เกิดการปะทะกันระหว่างตำรวจ ทหารไทยและยุวชนทหารกับทหารญี่ปุ่นไปก่อนแล้ว เช่นที่ จ.ชุมพร สะพานท่านางสังข์ และวัดท่ายางใต้ ก่อนการยิงจะยุติลง เมื่อข่าวการทำข้อตกลงยอมให้ผ่านทางของไทย ประกาศถึงกองกำลังในพื้นที่
1
21 ธ.ค. 2484 รัฐบาลไทยลงนามเป็นพันธมิตรกับญี่ปุ่น ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม พร้อมข้อตกลงว่า ญี่ปุ่น จะยกดินแดนไทรบุรี กลันตัน ตรังกานู และปะลิส ที่เคยตกเป็นของอังกฤษ คืนแก่ไทย
1
25 ม.ค. 2485 ไทยเข้าร่วมสงครามอย่างเป็นทางการ หลังฝั่งพระนคร ถูกโจมตีจากเครื่องบินฝ่ายตรงข้ามในวันที่ 24 ม.ค. 2485 ประเทศไทยจึงเข้าสู่ภาวะสงครามอย่างเต็มรูปแบบ ญี่ปุ่นใช้กรุงเทพฯ เป็นที่ตั้งของกองบัญชาการของกองทัพที่ 15 และศูนย์กลางการรบด้านพม่า เป็นฐานรับส่งกำลังทหารเพิ่มเติม สัมภาระ ยุทธปัจจัย ต่าง ๆ ทำให้กรุงเทพฯ ตกเป็นเป้าโจมตีของฝ่ายตรงข้าม หลายพื้นที่ได้รับความเสียหายรุนแรง ประชาชนบางครอบครัวต้องย้ายออกจากพื้นที่ไปอยู่ต่างจังหวัด
1
วันที่กรุงเทพฯ ได้รับเสียหายมากที่สุด คือ 29 พ.ย. 2487 เมื่อเครื่องบินฝ่ายสัมพันธมิตร ทิ้งระเบิดที่สถานีรถไฟบางกอกน้อย โดยโจมตีตั้งแต่เวลา เที่ยงคืนของวันที่ 29 พ.ย. ถึงรุ่งเช้า
แม้ประเทศไทยจะเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ก็มีประชาชนบางส่วนไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลในการประกาศเข้าร่วมสงคราม จึงได้ร่วมใจกันตั้งองค์กรลับใต้ดินขึ้น เพื่อทำงานต่อต้านญี่ปุ่น ต่อมาองค์กรเหล่านี้พัฒนากลายมาเป็น “ขบวนการเสรีไทย” มีนายปรีดี พนมยงค์เป็นหัวหน้า
แม้ในช่วงแรกของสงคราม ญี่ปุ่นจะได้เปรียบการรบในหลายพื้นที่ แต่สถานการณ์สงครามในภายหลังปรากฏว่าฝ่ายอักษะที่มีเยอรมันในยุโรป กับญี่ปุ่นในเอเชียเป็นผู้นำ เป็นฝ่ายที่เริ่มพ่ายแพ้ตามลำดับ นายปรีดีและผู้สนับสนุนมองว่า ในท้ายที่สุด สัมพันธมิตรน่าจะเป็นผู้ชนะ จำเป็นต้องปฎิบัติการ เพื่อป้องกันไม่ให้ไทยกลายเป็นผู้แพ้ในอนาคต
ขบวนการเสรีไทยดำเนินการโดยมีเป้าหมายเพื่อต่อสู้กับญี่ปุ่น ปฎิบัติการให้ฝ่ายสัมพันธมิตรรับรองว่าคนไทยไม่ได้เป็นศัตรูกับสัมพันธมิตร และให้ฝ่ายสัมพันธมิตรรับรองว่า ประเทศไทยจะไม่เป็นฝ่ายแพ้สงคราม
1
ขบวนการเสรีไทย แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลัก อาทิ
- เสรีไทยสายอเมริกา นำโดยหม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช เอกอัครราชทูตไทย ประจำสหรัฐอเมริกา
- เสรีไทยในอังกฤษ นำโดยหม่อมเจ้าศุภสวัสดิ์วงศ์สนิท สวัสดิวัตน์ มีบุคคลสำคัญที่มีชื่อเสียงเข้าร่วมเช่น ป๊วย อึ๊งภากรณ์
- เสรีไทยในประเทศไทย มีคนสำคัญเข้าร่วมขบวนการหลายคน เช่น จำกัด พลางกูร, เตียง ศิริขันธ์ รวมทั้งนักการเมือง และข้าราชการหลายคน
เสรีไทยในประเทศเรียกตัวเองว่า “องค์กรต่อต้านญี่ปุ่น” ส่วนคนไทยในสหรัฐอเมริกา เรียกกลุ่มของตัวเองว่า เสรีไทย Free Thai Movement ต่างฝ่ายต่างเคลื่อนไหว ติดต่อกับกลุ่มต่อต้านในประเทศ ทั้งนี้เหล่าเสรีไทยที่เป็นพลเรือน ต้องเข้ารับการฝึกกับกองทหารประเทศนั้น ๆ ปฎิบัติการด้านข่าวสาร สนับสนุนฝ่ายสัมพันธมิตร ในการต่อต้านญี่ปุ่น
1
ในวันที่ 8 พ.ค. พ.ศ. 2488 กองทัพเยอรมนีและฝ่ายสนับสนุนในยุโรปประกาศยอมแพ้ต่อกองทัพฝ่ายพันธมิตร
6 ส.ค. ปี 2488 สหรัฐอเมริกาทิ้งระเบิดปรมาณูถล่มฮิโรชิมะและนางาซากิ
15 ส.ค. ปี 2488 ประเทศไทย ได้รับแจ้งอย่างเป็นทางการว่าสมเด็จพระจักรพรรดิฮิโระฮิโตะมีพระราชดำรัสทางวิทยุ แพร่สัญญาณไปทั่วจักรวรรดิ ประกาศว่าญี่ปุ่นจำนนต่อฝ่ายสัมพันธมิตร อย่างไม่มีเงื่อนไข
พลเรือเอกหลุยส์เมาท์แบตเทน ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของอังกฤษในขณะนั้น ได้ส่งวิทยุถึงนายปรีดี พนมยงค์ หัวหน้าเสรีไทย และผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ในขณะนั้น แนะนำให้ไทยออกประกาศปฎิเสธการประกาศสงครามต่อสหรัฐอเมริกาและอังกฤษ ทั้งยกเลิกเป็นพันธมิตร และข้อตกลงทั้งหมดกับญี่ปุ่น
ประเทศไทย ไม่กลายเป็นประเทศผู้แพ้สงคราม
วันที่ 16 ส.ค. พ.ศ. ปี 2488 “เกิดประกาศสันติภาพ”
นายปรีดีพนมยงค์ในฐานะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ร.8 ได้ลงนามในประกาศสันติภาพ โดยมีสาระสำคัญว่า “การประกาศสงครามกับสหรัฐอเมริกาและบริเตนใหญ่เป็นโมฆะ ไม่ผูกพันประชาชนชาวไทย”
“การประกาศเข้าร่วมสงครามของ จอมพล ป.พิบูลสงคราม เป็น “การกระทำอันผิดจากเจตจำนงของประชาชนชาวไทย และฝ่าฝืนขืนขัดบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญและกฎหมายบ้านเมือง”
“โดยที่ประเทศไทยได้เคยถือนโยบายอันแน่วแน่ที่จะรักษาความเป็นกลางอย่างเคร่งครัด และจะต่อสู้การรุนรานของต่างประเทศทุกวิถีทาง...ในเมื่อญี่ปุ่นได้ยาตราทัพเข้าในดินแดนประเทศไทย ในวันที่ 8 ธันวาคม พุทธศักราช 2484 โดยได้มีการต่อสู้การรุกราน ทุกแห่ง และทหาร ตำรวจ ประชาชน พลเมือง ได้เสียชีวิตไปในการนี้เป็นอันมาก...”
1
บัดนี้ประเทศญี่ปุ่นได้ยอมปฏิบัติตามคำประกาศของสหรัฐอเมริกา บริเตนใหญ่ จีน และสหภาพโซเวียต ซึ่งได้กระทำ ณ นครปอตสดัม แล้วสันติภาพจึงกลับคืนมาสู่ประเทศไทย อันเป็นตามประสงค์ของประชาชนชาวไทย
ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ในพระปรมาภิไธยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงขอประกาศโดยเปิดเผยแทนประชาชนชาวไทยว่า การประกาศสงครามต่อสหรัฐอเมริกาและบริเตนใหญ่เป็นโมฆะไม่ผูกพันประชาชนชาวไทย
หลังการประกาศสันติภาพ นายควง อภัยวงศ์ ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เปิดทางให้หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมชอัครราชทูตไทยประจำสหรัฐอเมริกามาทำหน้าที่แทน ขณะที่ปฎิบัติการที่ผ่านมาตลอดช่วงสงครามของเสรีไทย เป็นส่วนสำคัญ ที่ทำให้ไทย มีอำนาจต่อรองกับฝ่ายสัมพันธมิตรหลังสงครามยุติ สหรัฐอเมริกา ยอมรับการประกาศสันติภาพของไทยในทันที ในขณะที่อังกฤษต้องมีการเจรจาต่อกันระยะหนึ่ง
25 ก.ย. 2488 พิธีสวนสนามของสมาชิกเสรีไทย บนถนนราชดำเนิน พร้อมอาวุธยุทโธปกรณ์ต่าง ๆ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากฝ่ายสัมพันธมิตร บนถนนราชดำเนินกลาง ใจกลางพระนคร ในวันที่ 25 กันยายน 2488 นับเป็นการประกาศต่อโลกว่าประเทศไทยยังมีเอกราชเหนือแผ่นดินตนเองโดยสมบูรณ์ ยังมีเกียรติศักดิ์ศรี มิได้ถูกยึดครองและถูกปลดอาวุธอย่างผู้แพ้ ให้ถือว่าการประกาศสงครามของรัฐบาลไทยต่อสหรัฐอเมริกาและอังกฤษเป็นโมฆะ
ภาพยนตร์ซึ่งถ่ายทำโดยช่างถ่ายภาพยนตร์ของฝ่ายสัมพันธมิตร บันทึกเหตุการณ์การสวนสนามของกองกำลังเสรีไทย ที่นำโดยนายปรีดี พนมยงค์ ในฐานะหัวหน้าเสรีไทยในประเทศไทย
อย่างไรก็ตาม ผลของสงครามนำมาซึ่งความสูญเสียชีวิตทรัพย์สิน และราคาแห่งสันติภาพ
1 ม.ค. 2489 ไทยลงนามในข้อตกลงสมบูรณ์แบบ เพื่อยกเลิกสถานะสงครามระหว่างไทยกับอังกฤษและอินเดีย ร่วมทั้งบันทึกแลกเปลี่ยนกับออสเตรเลีย เพื่อยกเลิกสถานะสงคราม โดยเงื่อนไขในข้อตกลงสมบูรณ์แบบ ไทยต้องมอบกลันตัน ตรังกานู ไทรบุรี และปะลิส แก่อังกฤษ
ชดใช้ค่าเสียหายใน 4 รัฐของมลายู เป็นจำนวนเงิน 30 ล้านบาท ชดเชยทางรถไฟสายไทย-พม่า รวมประมาณ 91ล้านบาท และต้องส่งข้าวให้กับอังกฤษ 1,500,000 ตันโดยไม่คิดมูลค่าใด ๆ ต้องยอมขายข้าว ดีบุก ยางพารา ตามราคาที่อังกฤษกำหนด
ต่อมา ไทยต้องคืนพระตะบอง เสียมราฐ และศรีโสภณที่ได้มาจากกรณีพิพาทอินโดจีน ให้กับฝรั่งเศส ทั้งเผชิญกับภาวะตกต่ำทางเศรษฐกิจ ภาวะเงินเฟ้อ การกักตุนสินค้า และนำมาซึ่งก่ารก่ออาชญากรรม
1
ในเดือน ต.ค. ปี 2488 หลังจบสงครามโลก เกิดองค์กรระหว่างประเทศ “สหประชาชาติ” มีเป้าหมายเพื่อยุติสงครามระหว่างประเทศ รักษาสันติภาพของโลก ประเทศไทยเข้าร่วมเป็นสมาชิกของสหประชาชาติในเดือน ธ.ค. เพื่อแสดงให้โลกเห็นว่า ไทยมีประสงค์จะร่วมมือในการสร้างสันติภาพ และความมั่นคงของโลก
16 ต.ค. ปี 2488 จอมพล ป.พิบูลสงคราม ถูกควบคุมตัวไปคุมขังในฐานะอาชญากรสงคราม หลังศาลตัดสิน จอมพล ป.พิบูลสงครามรอดพ้นจากการถูกลงโทษ ต่อมา เกิดคณะรัฐประหาร ปี 2490 จอม พล ป.พิบูลสงคราม ได้รับการเชิญกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง ขณะที่นายปรีดี หนีการจับกุม และลี้ภัยไปอยู่ต่างประเทศ จนถึงช่วงสุดท้ายของชีวิต ด้วยข้อกล่าวหาว่าเป็นผู้บงการลอบปลงพระชนม์อดีตพระมหากษัตริย์
อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาการเติบโตของประเทศไทยจนถึงปัจจุบัน การเคลื่อนไหวของเสรีไทย เริ่มถูกตั้งคำถามว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้ต่างชาติยอมรับประกาศสันติภาพของไทยหรือไม่ มีเหตุผลอย่างอื่นหรือไม่ ที่ทำให้ประเทศไทยได้รับสันติภาพและไม่ตกเป็นผู้แพ้สงคราม
1
พ.อ.ดร.สรศักดิ์ งามชจรกุลกิจ อ.กองประวัติศาสตร์ โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า จาก รายการพิเศษ "16 สิงหา จากสงครามสู่สันติภาพ" (16 ส.ค. 58) วิเคราะห์ให้เห็นว่า ด้านหนึ่งถือเป็นงานของเสรีไทย แต่ในขณะเดียวกัน การเมืองในระดับโลกก็ขึ้นอยู่กับมหาอำนาจเช่นเดียวกัน ทั้งอังกฤษ อเมริกา รวมทั้งจีน ต่างต้องการเข้ามีบทบาทในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อสร้างความสัมพันธ์ ร่วมถึงมีประเด็นผลประโยชน์ที่จะเข้ามาด้วย
1
“ความสำเร็จของเสรีไทยมีอยู่ 2 อย่าง อันแรก คือการมีอยู่ของขบวนการเสรีไทย” ขณะที่ พ.อ.ดร.ศรศักร ชูสวัสดิ์ กองประวัติศาสตร์ โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ให้ความเห็นว่า “วันประกาศสันติภาพ และวันประกาศสงครามมีอะไรที่ซ่อนเงื่อนเยอะ เราควรศึกษากันเจาะลึก เปิดใจให้กว้าง เพราะหลัง ๆ การประกาศสงครามก็ดี การประกาศสันติภาพก็ดี กลายเป็นเรื่องของการโจมตีทางการเมือง”
3
“อีกแง่หนึ่งผมมองว่า วันประกาศสันติภาพ ก็เป็นโอกาสในการชำระประวัติศาสตร์ใหม่ ขณะเดียวกัน อีกแง่หนึ่งก็เป็นโอกาสในการเรียนรู้คุณค่าของเอกราชและสันติภาพ” ภูริ ฟูวงศ์เจริญ อ.คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
“ขอให้เราอย่านึกถึงตัวตนของบุคคลซึ่งย่อมร่วงโรยไปตามกาลเวลา แต่ขอให้นึกถึงงานอันอมตะของเขา บุคคลอาจจะแตกต่างด้วยกำเนิดด้วยฐานะและการศึกษา แต่การเสียสละเป็นยอดแห่งคุณธรรม ที่ยกให้มนุษย์อยู่ในระดับเดียวกัน”
นายฉันทนา (มาลัย ชูพินิจ หนึ่งในผู้ปฎิบัติงานเสรีไทย ) หนังสือที่ระลึกในงาน “เสรีไทยอุดมการณ์ที่ไม่ตาย บทบันทึกความเป็นมาและบทเรียน ขบวนการเสรีไทยต่อสังคมไทย”
#ThaiPBS #วันสันติภาพไทย
ข้อมูลจาก สถาบันปรีดี พนมยงค์, สถาบันพระปกเกล้า, หอภาพยนตร์ (องค์การมหาชน)
โฆษณา