19 ส.ค. 2020 เวลา 04:08 • ปรัชญา
กล่องข้าวน้อยฆ่าแม่ (เมืองจีน)
หลายๆคนคงรู้จัก “กล่องข้าวน้อยฆ่าแม่” ด้วยความหิวจัดและแม่เอาข้าวมาให้ช้ากว่าปกติจึงบันดาลโทสะหิวจนตาลายฆ่าแม่ตนเอง หลังจากนั้นจึงกินข้าวและผักปลาน้ำพริกที่แม่เอามาส่งให้กินจนอิ่ม แต่กินไม่หมดเมื่อสำนึกบาปบุญคุณโทษที่ฆ่าแม่ตนเองอย่างขาดสติ จึงสร้างอนุสาวรีย์ให้แม่เพื่อไถ่บาปที่ฆ่าแม่โดยไม่เจตนาแต่ที่ทำไปเพราะความหิวและด้วยอารมณ์ชั่ววูบ ตำนานนี้สอนและเตือนสติคนรุ่นหลังว่า..... “สติมาปัญญาเกิด สติเตลิดเกิดปัญญาไม่”
ปู่ IOU นึกถึงเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในประเทศจีน ณ.ชนบทแห่งหนึ่งที่เป็นตำนานเล่าขานและเป็นอุทาหรณ์ในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคล้ายๆกัน (Coincidence) ปู่ทวด (Grand grand Father) เล่าว่าที่เมืองจีนมีครอบครัวหนึ่งมีแม่แก่ชราอาศัยอยู่ในหมู่บ้านชนบทสองแม่ลูกดำรงชีวิตอยู่ด้วยการทำไร่ทำนา ลูกชายชื่อว่า อาเม๊ง มีความขยันขันแข็งแต่เป็นคนขี้โมโหโกรธง่ายหายเร็วโดยเฉพาะเวลาหิวข้าวเพราะเขาเป็นลูกเจ้า (เจ้าอารมณ์ 555) ทุกเช้าตรู่เขาจะไปทำงานในไร่นาจะจูงควายท้องแก่ออกไปกินหญ้าทุกวัน เขาทำงานทั้งวันเมื่อเหนื่อยก็นั่งพักใต้ต้นไม้ร้องเพลงรอแม่เฒ่าเอาอาหารกลางวันมาส่งเป็นกิจวัตรประจำวันมาตลอดเป็นครอบครัวที่อบอุ่นมีความสุขตามอัตภาพ...
ถ้าวันไหนแม่มาส่งอาหารกลางวันช้ากว่าปกติ อาเม๊ง จะหิวจนตาลายก็จะทุบตีแม่เป็นประจำแต่แม่ก็เข้าใจลูกรักเพราะเป็นลูกเจ้า (เจ้าอารมณ์) แต่แม่มิได้ปริปากหรือโกรธลูกเลยเพราะ “ความรักของแม่ยิ่งใหญ่ไม่มีเงื่อนไข”
อยู่มาวันหนึ่งขณะที่ อาเม๊ง ลูกชายเจ้าอารมณ์นอนรอแม่มาส่งอาหารอยู่กำลังร้องเพลงเพลินไจอยู่ก็เหลือบไปเห็นควายท้องแก่นั้นกำลังคลอดลูกเขาสังเกตเห็นแม่ควายทุรนทุรายด้วยความเจ็บปวดทรมานจนน้ำตาไหลน่าสงสารขณะกำลังเบ่งลูกกำลังโผล่ออกมาดูโลกที่โหดร้ายใบนี้ แม่ควายพยายามเลียทำความสะอาดน้ำคล่ำและไขมันที่ลำตัวและที่ปลายจมูกเพื่อให้ลูกสบายตัวหายใจได้และพยุงลูกให้ยืนขึ้นดูดนมสักพักใหญ่ลูกก็สามารถทรงตัวเดินไปมาได้คล่องขึ้นตามลำดับ...
อาเม๊งเริ่มรวบรวมสติทบทวนเหตุการณ์ที่ผ่านมาที่เขาทุบตีแม่ เขาเริ่มสำนึกบาปบุญคุณโทษที่ทำร้ายแม่ที่รักเขายิ่งกว่าควายที่รักลูก เขาตัดสินใจไว้ว่าแม่มาส่งข้าววันนี้เขาจะกราบเท้าแม่สารภาพบาปกับแม่และจะไม่ทำร้ายแม่อีกเป็นอันขาด ทันใดนั้นเขาเห็นแม่เฒ่าเดินมาแต่ไกล ด้วยความดีใจเขารีบวิ่งออกไปรับแม่ทั้งๆที่มือยังถือเคียวเกี่ยวข้าวแล้วมานั่งพักรอแม่ อาเม๊ง รีบวิ่งออกไปรับแม่ด้วยความดีใจจะได้กราบเท้าแม่ขอขมาให้ แม่ยกโทษผิดบาปให้
อนิจัง! แม่เห็นลูกถือเคียวเกี่ยวข้าววิ่งมาแต่ไกล แม่จึงตกใจหันหลังวิ่งกลับบ้านทันทีลูกยิ่งเร่งสปีดจวนเจียนจะถึงแม่อีกเพียงไม่เมตรแม่เห็นท่าไม่ดีมิใช่กลัวตายแต่กลัวว่าลูกจะบาปกรรมที่ฆ่าแม่บังเกิดเกล้าตาย ผู้เฒ่าที่น่าสงสารจึงตัดสินใจกระโจนลงในบ่อน้ำบาดาลระหว่างทางจมน้ำตาย (เพราะว่ายน้ำไม่เป็น) *คนจีนสมัยก่อนกลัวลูกจมน้ำตายไม่ยอมสอนลูกหัดว่ายน้ำ อาเม๊งเสียใจมากที่ทำให้แม่ตายเพราะตนถือเคียวเกี่ยวข้าวติดมือมาขณะวิ่งรับแม่ด้วยความดีใจ แม่จึงเข้าใจผิดว่าอาเม๊งวิ่งมาจะฆ่าแม่ (misconception/เข้าใจถูกเป็นผิด ผิดเป็นถูก) แม่จึงยอมฆ่าตัวตายเพราะปกป้องลูกไม่ให้ทำบาป...
อาเม๊งจึงสร้างอนุสาวรีย์ให้แม่เพื่อเป็นการไถ่บาปและเป็นอุทาหรณ์ให้ลูกๆสำนึกในบุญคุณของพ่อแม่ ปู่ฟังทีไรก็รู้สึกว่าพระที่ยิ่งใหญ่สำคัญที่สุดอยู่ที่บ้านไม่ใช่ที่วัดตามที่คนส่วนใหญ่เข้าใจ “จงกราบไหว้พ่อแม่เลี้ยงดูท่านขณะที่ยังมีลมหายใจอยู่มิใช่กราบไหว้ท่านที่ตายแล้ว”
ปู่หวังว่าหลานๆทุกคนอ่านบทความนี้แล้วจะทำให้ได้ข้อคิดดีๆไปปรับใช้กันนะครับ
“When I die I will go to heaven, because I have spent my life in hell on earth.
You don’t come to my grave crying I love you, want to hug you, kiss you and miss you. Because these beautiful words, I want to hear when I am alive.”
“เมื่อฉันตายฉันจะไปอยู่บนสวรรค์เพราะฉันได้ใช้ชีวิตทรหดของฉันในนรกบนโลกใบนี้แล้ว.
เจ้าอย่ามาที่หลุมฝังศพของฉันแล้วร้องครวญครางว่า ฉันรักแม่ อยากกอดแม่ อยากจะจูบแม่ คิดถึงแม่ เพราะคำหวานเพราะพริ้งทั้งหมดนี้แม่อยากฟังตอนที่ยังมีชีวิตอยู่”
#IOU #ลูกกตัญญู
โฆษณา