21 ส.ค. 2020 เวลา 23:50 • ประวัติศาสตร์
หมอชีค นักบุญมิชชันนารีอเมริกัน
มิชชันนารีอเมริกันคนหนึ่ง ซึ่งต้องยอมรับกันว่า เป็นนักบุญที่มีความสามารถทุกทาง คือ หมอมารีออน ชีค (Marion Cheek) ซึ่ง คนไทยเรียกกวันว่าหมอชิต ท่านผู้นี้จบวิชาแพทย์ศาสตร์จากมหาวิทยาลัยนอร์ทแคโรไลน่า สหรัฐอเมริกัน เมื่ออายุเพียง 21 ปี เป็นหนุ่มรูปหล่อ เดินทางเข้าสู่กรุงสยามพร้อมกับสตรีฝรั่งอีก 2 คน เมื่อ พ.ศ. 2417 หมอชีคอยู่ได้ไม่นาน ก็จีบลูกสาวหมอบรัดเล่ย์และแต่งงานกับเธอ จึงกลายเป็นลูกเขยของหมอบรัดเล่ย์ไป ในปีต่อมาได้รับหน้าที่ทำการเผยแพร่คริสตศาสนาและช่วยเหลือชนชาวไทยที่นครเชียงใหม่
4
ในประวัติศาสตร์กล่าวไว้ว่า หมอชีคนี้เป็นคนเก่งมาก นอกจากนั้นยังขยันขันแข็งมีสุขภาพที่ดีและพลานามัยผิดมนุษย์ธรรมดา สามารถตรวจและรักษาคนไข้ได้ถึงปีละหนึ่งหมื่นสามพันคน ในเวลาว่างท่านชอบล่าสัตว์ สามารถยิงปืนสั้นและยาวได้อย่างแม่นยำจึงเป็นที่นับถือยำเกรงในหมู่ชาวบ้าน ตลอดจนฝรั่งทั้งหลายที่อยู่ในถิ่นเหนือ
ความเก่งและคล่องแคล่วของหมอชีคนี้ ทำให้ท่านหันมาสนใจกับการค้าขายเซ็งลี้ป่าไม้ ขณะนั้นฝรั่งเพิ่งค้นพบว่าถิ่นเหนือของเรานี้อุดมสมบูรณ์ มีป่าไม้สักขึ้นอยู่ทั่วไป ไม่มีใครตัดมาขายอย่างที่ทำกันในประเทศพม่าเมืองขึ้นของอังกฤษ ในพ.ศ. 2415 กัปตันเรือชาวเดนมาร์กคนหนึ่ง ชื่อนายแอนเดอร์เซ็น บรรทุกไม้สักใส่เรือสำเภาไทยชื่อทูลกระหม่อม ข้ามน้ำข้ามทะเลไปถึงเมืองลิเวอร์พูล ประเทศอังกฤษ ปรากฎว่าสามารถขายไม้สักได้จนหมดเกลี้ยงลำเรือทำกำไรได้ถึงร้อยเปอร์เซนต์ เมื่อกัปตันแอนเดอร์เซ็นกลับมาถึงเมืองไทย ข่าวความสำเร็จในการขายไม้สักนี้แพร่กระจายโดยรวดเร็ว จึงมีบริษัทอังกฤษหลายแห่งพยายามแย่งกันติดต่อขอสัมปทานป่าไม้จากรัฐบาลไทย
1
บริษัทบอร์เนียวจึงแต่งตั้งให้หมอชีคเป็นตัวแทน ฝรั่งอีกคนหนึ่งที่ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าพนักงานบริษัทบอร์เนียวคือ นายหลุย ลิโอโนเวนส์ บุตรชายของนางแอนนา ลิโอโนเวนส์ ที่เคยสอนภาษาอังกฤษในพระราชวังของสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทั้งสองมีหน้าที่ตัดและล่องไม้สักลงมาจากเชียงใหม่ เพื่อส่งไปขายประเทศต่าง ๆ ในยุโรปต่อไป
นาย หลุย ลิโอโนเวนส์นั้น เติบโตในพระราชวังพร้อมกับสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 และได้สมรสกับแคโรไลน์ นอกซ์ ลูกสาวกงสุลอังกฤษที่เกิดกับภรรยาคนไทยชื่อ คุณปราง จึงเป็นผู้มีอำนาจอิทธิพล ปลูกบ้านใหญ่โตอยู่ริมแม่น้ำ มีเรือลำใหญ่ชื่อ กัปตันลิโอโนเวนส์ ส่วนแคโรไลน์ลูกครึ่งอังกฤษไทยภรรยาของเขานั้น เป็นคนสวยงามมีกริยามารยาทอ่อนโยน ชาวบ้านต่างรักใคร่และเรียกเธอกันว่า"ดวงแข"
ทั้งนายหลุยและหมอชีคประสบความสำเร็จในการขอสัมปาทานป่าไม้ นายหลุยนั้นทำได้เพราะใกล้ชิดกับองค์พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ส่วนหมอชีคประสบความสำเร็จโดยอาศัยความเฉลียวฉลาดคล่องแคล่วของตนเอง
1
บริษัทบอร์เนียวนั้น ความจริงก็มีความพอใจในผลงานของฝรั่งทั้งสองคนนี้มาก แต่ก็มีข้อข้องใจที่คุณหมอชีคนี้ ดูท่านจะใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายเหลือเกิน เมื่อตรวจบัญชีเปรียบเทียบจำนวนเงินที่หมอชีคเบิกจากบริษัทบอร์เนียวกับรายจ่ายต่างๆ ก็ยังปรากฎว่าท่านเบิกเกินไปถึง 253,353 บาท และไม่สามารถบอกได้ว่าเอาไปใช้ทำอะไร เงินสองแสนห้าหมื่นบาทสมัยนั้น ก็มีค่าเท่ากับหลายสิบล้านสมัยนี้ ทางบริษัทบอร์เนียวจึงทำสัญญาขึ้นใหม่กับหมอชีค ตกลงว่าจะจ่ายเงินให้เพียงปีละ 2,000 ปอนด์เท่านั้น และขอให้หมอชีคคืนเงินสองแสนห้าหมื่นให้แก่บริษัทเสีย ทางบริษัทบอร์เนียวก็จะไม่ทำการฟ้องร้องอะไร
ในแผ่นดินของรัชกาลที่ห้านั้น เจ้าครองเมืองเหนือต่างๆ เช่นเชียงใหม่ ลำปาง และแพร่ มีนักมวยและสาวงามฟ้อนรำไว้ประดับวาสนา ในวังเจ้าทั้งหลายนั้น มีงานรื่นเริงอยู่เสมอ แข่งฟ้อนรำและแข่งมวยกันระหว่างคณะละคร และคณะมวยจากถิ่นต่างๆ ฝรั่งที่มีอำนาจวาสนาเช่น นายหลุย ลิโอโนเวนส์และหมอชีค ก็ต้องมีคณะมวยและนักฟ้อนของตนไว้ด้วย เพื่อให้คบค้าสมาคมกับเจ้านายฝ่ายสยามได้โดยไม่น้อยหน้า นอกจากแข่งฟ้อนรำและต่อยมวยแล้ว ยังนิยมเล่นการพนันกันในเขตวัง ซึ่งในกรณีนี้ บริษัทบอร์เนียวออกเงินให้ฝรั่งเล่นอย่างไม่อั้น ถ้านายหลุยหรือหมอชีคเล่นเสียทางบริษัทก็จะชดใช้เงินให้ทุกบาททุกสตางค์
สมบัติที่เลื่องลือที่สุดของหมอชีค มิใช่เงินทองบ้านช่องหรือคณะนักมวย หากเป็นฮาเร็มเก็บหญิงไทยที่ท่านนักบุญมิชชันนารีอเมริกันนี้ได้สะสมไว้ เป็นที่เลื่องลือกันในเมืองเชียงใหม่ว่า หมอชีคชอบซื้อลูกสาวชาวบ้านชาวนามาทำเมีย โดยแลกเปลี่ยนเด็กผู้หญิงกับควาย2-3ตัว เอามาเลี้ยงไว้ในเขตบ้านของท่าน ให้เสื้อผ้าอาหารการกินเป็นอย่างดี และมีเงินใช้กันทุกคน ฮาเร็มของหมอชีคนี้ ตั้งอยู่หลังวัดไทยแห่งหนึ่ง นักประวัติศาสตร์อังกฤษ ชื่อ W.S. Bristowe บันทึกไว้ว่า หมอชีคเก็บเด็กสาวไว้ประมาณ 20 กว่าคน มีชื่อว่า อ้อน ลวง นัน ม้อย ตุ้ย เจียน หวน คุ้ม และโนจา เป็นต้น โนจานั้น หมอชีคให้เกียรติเป็นเมียคนสำคัญ เพราะได้มาจากเจ้าชาวเหนือคนหนึ่ง เป็นรางวัลในการรักษาโรคสำเร็จ โนจานี้ ภายหลังเป็นปัญหามากเพราะขี้หึงและชอบใช้อำนาจกับเมียน้อยทั้งหลาย จนในที่สุดหมอชีคต้องส่งกลับบ้าน และมอบเงินให้เป็นค่าทดแทนถึง 2 หมื่นรูปี
ความคลั่งในกามอารมณ์ของหมอชีคนักบุญคริสตศาสนาและนายหลุยเพื่อนคู่หูของเขานี้ เป็นที่ทราบดีในสังคมชั้นสูงของเชียงใหม่ ถึงกับมีเพลงล้อเลียนแต่งโดยนายแพ่ง วณิสร ลูกชายพระยาเทพ ซึ่งนิยมร้องกันทั่วไป เพราะเป็นที่รู้กันว่าฝรั่งร่างยักษ์สองคนนี้ ชอบสมสู่หญิงไทยพร้อมกัน โดยจะเรียกผู้หญิงขึ้นไปบนห้องนอนทีละสองคน แต่จะร่วมกันสมสู่ทีละคนเดียวและปล่อยให้สาวชาวเหนืออีกผู้หนึ่งนั่งดู เมื่อเสร็จกับคนหนึ่งแล้ว จึงร่วมกันรุมปลุกปล้ำอีกคนหนึ่งต่อไป ความสนุกสนานนี้ มักติดต่อกันนานยืดยาวถึงสองคืน และเมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นลงแล้ว หญิงสาวทั้งหลายก็จะได้รับรางวัลเป็นเสื้อผ้าเงินทอง
นักเขียนอังกฤษ นาย W.S. Bristowe ได้แปลเพลงพื้นเมืองไว้ดังนี้
2
“DOCTOR CHITT AND MISSA LOUIS
SLEEPING WITH TWO GIRLS
TWO NIGHTS FOR FIFTEEN RUPEES
MISS LUANG IS ON THE BED
MISS ON IS WAITING
HURRY UP AND FINISH, DOCTOR
DOCTOR CHITT AND MISSA LOUIS
SLEEPING WITH TWO GIRLS
TWO NIGHTS FOR FIFTEEN RUPEES
MISS KUM ASKED FOR SILVER
MISS HUAN ASKED FOR CLOTH
MISS NOJA ASKED FOR AN ELEPHANT
HURRY UP AND FINISH, DOCTOR"
2
ส่วนซาร่าห์ บลัดเลย์ เมียฝรั่งของหมอชีคนั้น ก็ทราบเรื่องราวเกี่ยวกับความประพฤติของท่านนักบุญนี้ดี แต่ต้องจำใจไม่พูดจาต่อว่าต่อขานอะไร จนกระทั่งวันหนึ่งเกิดอุบัติเหตุ ลูกชายคนโตถูกปืนลั่นใส่บาดเจ็บสาหัส เธอจึงพาลูก 9 คนที่มีกับหมอชีค เดินทางออกจากเมืองไทย กลับไปอยู่ประเทศอเมริกาโดยลำพัง มิได้พบกับสามีอีกต่อไป
1

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา