23 ส.ค. 2020 เวลา 10:42 • การตลาด
การตลาดด้วยการขัดขวาง (Blockade) และการ Bluff คู่แข่ง
การโฆษณาแบบเหมือนจะชมแต่จิกกัด เป็นยังไง ?
ก่อนอื่น เพื่อนๆรู้จัก Blockade Strategy กันไหมเอ่ย ?
ถ้าเพื่อนๆที่เล่นบอร์ดเกมส์ หรือ หมากรุก หรือชอบอ่านประวัติศาสตร์สงครามน่าจะรู้จัก
- เจ้านี่คือ กลยุทธ์ที่ปิดกั้นการเดินของคู่แข่ง คล้ายๆกับการปิดล้อมนั้นเอง
- ให้เพื่อนๆนึกถึงเวลาที่กองทัพทหารปิดล้อมเมือง เพื่อให้เมืองนั้นยอมจำนน โดยปิดทั้งช่องทางขนส่งเสบียง และการเข้า-ออก
ถ้าเราเปลี่ยนมามองกลยุทธ์แบบนี้ให้เป็นการตลาด (Blockade marketing) ละ จะเป็นยังไง ?
Blockade Marketing
- คือการที่บริษัทดำเนินการตลาดด้วยการ เข้าไปแทรกแซง หรือเรียกให้เข้าใจง่ายๆคือเหมือนการ Counter ads
- เช่น คู่แข่งของบริษัท "A" คือ "B" แล้วพี่ "B" เค้า Launch campaign โฆษณาตัวหนึ่งมา ซึ่งแบบ ได้รับ customer engagement ที่ดีมากๆ
- บริษัท "A" ซึ่งเห็นดังนั้น และมีข้อมูลที่สามารถ Bluff คู่แข่ง "B" ได้ ก็จะออกมาออก Counter Ads campaign สวนกระแสในตอนนั้นไปเลย
- ซึ่งเราจะไม่ค่อยได้เห็นในไทยเท่าไรเนอะ เพราะมันเดือดมากเลย
- เอาง่ายๆคือจุดประสงค์ของการตลาดรูปแบบนี้คือการที่ทำให้คู่แข่งนั้นมีจุดยืนที่ลำบากขึ้น และทำให้การขยายฐานตลาดของคู่แข่งยากขึ้น
- แต่ถ้า product ของเพื่อนๆไม่ได้ดีจริงๆแล้ว ไปออก ads bluff เค้าเนี่ย ...... มีแต่เสียกับเสียเลยน้าาาา
มาดูตัวอย่างที่ดีกัน
BMW แบรนด์เจ้าพ่อแห่งการจิกกัด
- มีหลายตัวอย่างที่ดีมาก ที่ BMW ได้ใช้ Blockade Strategy
ครั้งหนึ่ง BMW เคยใช้ Counter ads กับ Audi
- โดย Audi เค้าได้รางวัลรถยอดเยี่ยมในปี 2006 ของ South Africa
- แต่ในปีเดียวกัน BMW 3 Series (model E90) เค้าได้รางวัล World car of the year 2006
- BMW เห็นดังนั้นเลยออกโฆษณาที่แสดงความยินดี เชิงจิกกัด (Sarcastic) ออกมาถึง Audi
- คือเอาง่ายๆคือ ชั้นจะเกาะกระแสชัยชนะของเธอ และอย่างน้อยเธอก็จะสำเร็จได้อย่างไม่สุด (แรงงงจ้าแม่) ไปดูตัวอย่างข้างล่างกันเลย !
- ก็คือเจ็บดีนะ อารมณ์แบบ เธอจะชนะก็ชนะไป เธอชนะได้แค่ประเทศเดียว แต่ชั้นชนะโลกทั้งใบ
หรือจะเป็นการที่ BMW ออกมาทำ Poster ที่แอบจิกกัดแบรนด์รถที่มีรูปม้าเป็นโลโก้แบบด้านล่าง
https://www.thinglink.com/scene/901635282195972100
อันต่อไปจะเจ็บมากๆ BMW จิกกัด Benz โดยการบอกว่า พวกเค้าก็เป็น Driving Pleasure ได้เหมือนกัน...... แต่ได้แบบภาพข้างล่างนะ
หรือแม้กระทั่งมีโฆษณา สำหรับ BMW 5 Series (model E60) ที่ตอนนั้นออกมาตีตลาด Mercedez E-class และ Audi A6 โดยเป็นการจิกกัดเล็กไปยังลูกค้าแทนด้วย สโลกแกนที่ว่า "My bonus is faster than yours bonus"
https://in.pinterest.com/pin/635640934877590926/
Anti-Marlboro Campaign
- อย่างที่ทุกคนรู้กันอยู่แล้วว่า ธุรกิจยาสูบเนี่ย เป็นธุรกิจที่เล่นกับความต้องการและความเสพติดของผู้คน และมันยากมากกก ในการที่จะ Bluff ได้
- แต่แล้ว Department of health services in California ก็ได้ผุดไอเดียเด็ดๆ ในการที่ทำให้ผู้คนตระหนัก และลดการสูบบุหรี่ลงโดยการออก Anti-Marlboro Campaign
- เค้าได้ใช้ หนุ่ม Cowboy 2 คน ซึ่งนี่คือ Theme หลักที่ Marlboro ใช้โฆษณา และเปลี่ยน wording ใหม่หมดเลย
Malboro ที่ใช้ Cowboy และความเท่ของเขาเป็น Theme
- Malboro ที่ใช้ Cowboy และความเท่ของเขาเป็น Theme
- และแน่นอนว่า เพื่อรณรงค์การเลิกสูบบุหรี่ Department of health services in California ก็ได้ทำ Blockade Ads ขึ้นมาแบบด้านล่างเลย แอบจิกกัดเรื่อง ชั้นคิดถึงปอดของชั้นจัง สหาย.....
http://www.brandingstrategysource.com/2014/12/the-poison-parasite-defense.html
Porsche กับการจิกกัดแบรนด์รถญี่ปุ่น
- ต้องบอกว่าในสมัยปี 1960s เนี่ย แบรนดรถญี่ปุ่นที่มีราคาไม่แพงมาก ได้ Popular มากๆในยุโรปอย่าง Nissan
- แน่นอนว่า Porsche มีเหรอจะยอมปล่อยง่ายๆ ? ก็ต้องมีการจิกกัดเล็กน้อยออกมาผ่านการโปรโมทรถรุ่น 911R
- จากตัวอย่างทั้งหมดที่เห็นมา เราเชื่อว่าเพื่อนๆคงเคยผ่านตากันมาบ้างแล้วละ หรือบางคนอาจจะรู้จักในชื่อของ Sarcastic หรือ Inappropriate Advertising ก็ได้
- แน่นอนว่าจุดประสงค์ของการโฆษณาเหล่านี้ ไม่ได้มีเพียงแค่การ Bluff อย่างเดียวเท่านั้น แต่เป็นการที่โน้มน้าวจิตใจของลูกค้าเหมือนกัน เอาง่ายๆคือ ถ้าพวกเค้าไม่ไ้ดมี Brand loyalty จริงๆเนี่ย ก็มีสิทธิ์เปลี่ยนค่ายได้เลยละ
- บริษัทส่วนใหญ่ที่ออกมาเล่น โฆษณาในแนวแบบนี้ จะต้องมีความมั่นใจในคุณภาพของสินค้าพวกเค้าจริงๆนะ อย่าง BMW ที่ค่อนข้างออกโฆษณาเชิงไม่สร้างสรรค์แบนี้แล้ว แต่สามารถสำเร็จได้ และแบรนด์พวกเค้าไม่ได้เสียหาย แต่นั้นก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้บริษัทค่ายรถยนต์อื่นๆออกมาเล่นในรูปแบบนี้ด้วยเหมือนกัน
แต่ที่ไทยเราจะไม่ค่อยเห็น ส่วนตัวเรามองว่าขึ้นอยู่กับความ Sensitive ของตลาดด้วย เพราะหลายๆคนก็อาจจะมองว่า การตลาดแบบนี้ฉลาดนะ แต่ไม่สร้างสรรค์
บริษัทในไทยจะเน้นเป็น Blue ocean เสียมากกว่า คือการทำพันธมิตร (ในคราบของคู่แข่ง) และด้วยการเดินเกมส์แบบนี้จะทำให้พวกเค้านั้น ใช้ Blockade Marketing ได้ค่อนข้างยากมากกเลย
หวังว่าบทความนี้คงเป็นอาหารสมองอ่านเพลินๆกันในวันหยุดเหมือนเคยน้า ^^
โฆษณา