31 ส.ค. 2020 เวลา 06:07 • นิยาย เรื่องสั้น

บทที่ 8 เสียงเรียกที่สามีไม่มีวันได้ยิน I

หลังจากรับประทานอาหารกลางวันเสร็จ กตตน์ไปส่งแพรวรุ้งก่อนกลับมาทำงานต่อที่บริษัท เมื่อเดินมาถึงหน้าห้องทำงาน เลขา ฯ ก็บอกว่าพี่ชายเข้ามารอพบอยู่ก่อนเเล้ว
“มีอะไรหรือเปล่าครับ” ชายหนุ่มเดินเข้ามาในห้องมองพี่ชายที่นั่งรออยู่บนโซฟารับรอง เขาก้าวเข้ามาเเละนั่งลงฝั่งตรงข้าม
“ออกไปกับแพรวรุ้งมาอีกใช่ไหม ?” กันตภณเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง มองน้องชายด้วยความไม่พอใจ หากไม่ได้ยินเสียงซุบซิบนินทาของพนักงานคงไม่รู้เลยว่าเจ้าน้องชายออกไปทานมื้อกลางวันกับแพรวรุ้งอีกแล้ว หนำซ้ำฝ่ายหญิงยังมาหาเองถึงที่ด้วย
“ครับ มีอะไร ?”
“ช่วงนี้พริมไม่อยู่จะทำอะไรก็รักษาน้ำใจเมียเราบ้างนะ ถึงจะเป็นผู้หญิงที่เราไม่รักก็เถอะ” กันตภณตักเตือน
“เรื่องนี้พี่ก็รู้ผมไม่สนใจ อีกอย่างถ้าไม่เพราะคุณแม่บังคับให้แต่งงานกับพริมมาเเล้ว…ผมคงไม่มีวันแต่งกับเธอ” กตตน์พูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
“ถ้าไม่มีอะไรเเล้ว ผมจะทำงานต่อ”
กันตภณถอนหายใจออกมา ไม่รู้ว่าจะพูดเรื่องนี้อีกกี่สิบครั้ง กตตน์ก็ไม่เคยสนใจเเม้เเต่น้อย คงได้เเต่หวังว่าสักวันหนึ่งจะรู้ตัวเองจริงๆ
“เอาเถอะ พี่ไม่อยากยุ่งเรื่องนี้เท่าไหร่ เเต่ยังไงวันนี้ก็กลับมานอนที่บ้านด้วยนะ”
เมื่อพูดจบก็เดินออกจากห้องไปเหลือเพียงกตตน์ที่นั่งถอนหายใจออกมา ไม่ว่าจะพยายามให้รักพริมมาแค่ไหน แต่หัวใจของเขาไม่เคยมีเธอเลย มันคงเป็นไปได้ยากจริงๆ
ทั้งวันของวันนี้เหมือนจะดูไม่ได้ทำอะไรมากมายนักแต่ก็เล่นเอาเหนื่อยเหมือนกัน ในช่วงเช้าก่อนที่พี่สะใภ้ออกไปทำงาน ได้แนะนำเครื่องสำอางบางส่วนไว้ให้เธอลองแต่งหน้าเอง หญิงสาวก็พอจะจำได้บ้างในบางส่วนอย่างเช่นการทาครีมรองพื้นหรือการใช้แป้งตลับ พอมาทำเองจริงๆ กลับดูไม่ค่อยได้เท่าไหร่ ต่อมาในช่วงบ่ายแม่สามีได้ชวนออกไปเดินเที่ยวที่ห้างสรรพสินค้า ช่างเป็นจังหวะเหมาะสมมาก ที่เธอจะได้ซื้อเสื้อผ้าใหม่บางส่วนเพื่อมาไว้ใส่ชั่วคราวไปก่อน
แต่ถ้ามันซื้อง่ายอย่างที่คิดก็ดีอยู่หรอก เพราะว่าคุณแม่สามีดันไม่ยอมให้ใส่ แบบที่เธอชอบน่ะสิ ! ทั้งยังบอกว่าแบบนี้กตตน์ไม่มีทางหันมาสนใจได้แน่ ! จรีภรณ์อยากจะบอกจริงๆ ว่า เธอ-ไม่-ต้อง-การ-ให้-เขา-มา-สน-ใจ !
มันน่าขำที่การซื้อเสื้อผ้าตามใจดังฝันไม่ประสบความสำเร็จ หนำซ้ำยังได้ชุดนอนและชุดชั้นในสุดหวิวเพิ่มมาอีกหลายชุด หากต้องใส่เศษผ้าพวกนี้ ทำไมไม่บอกให้เธอแก้ผ้าแล้ววิ่งเข้าหาชายหนุ่มเลยเล่า !
จรีภรณ์ไม่สามารถพูดความต้องการของตัวเองได้ เพียงแค่ยิ้มและเงียบเท่านั้น สุดท้ายก็ซื้อแต่ของเสริมความงามจนแม้แต่กางเกงขายาวสักตัวก็ไม่ได้กลับมา
กว่าจะกลับมาถึงบ้านพระอาทิตย์ก็ตกดิน รถจอดลงต่างก็ลงจากรถเดินเข้ามาในบ้าน จรีภรณ์เดินหน้าหงอยสุดเศร้าเพราะวันนี้นอกจากจะไม่ได้ของที่ต้องการแล้วยังได้ของที่ไม่ต้องการเพิ่มขึ้นอีก
“ไปไหนกันมาครับ คุณแม่”
บวรลักษณ์เห็นหน้าของลูกชายคนเล็กก็รู้สึกพอใจอยู่ไม่ใช่น้อยที่ช่วงสองสามวันนี้ยอมกลับมานอนที่บ้านตามคำบอก
“ไปซื้อของมาน่ะ”
“คุณแม่ไม่ยอมชวนเมย์ไปด้วยเลยนะคะ” มารวีพูดตัดพ้อ
“ก็หล่อนอยู่แต่ในห้อง ฉันก็ไม่อยากรบกวนการทำงาน”
มารวียิ้มๆ แล้วเดินเข้ามาโอบแม่สามี
“ค่ะคุณแม่ งั้นไปกินข้าวกันเถอะป่านนี้ป้ามาลัยตั้งโต๊ะเสร็จแล้ว”
จรีภรณ์ยืนมองอยู่ห่างๆ ราวกับว่าตัวเองคือคนนอกเพราะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับครอบครัวของพริมมามากนัก ทว่าสิ่งที่รับรู้คือความอบอุ่น หญิงสาวเผลอยิ้มออกมาในขณะที่เดินตามหลังของทุกคนเข้าไป
จรีภรณ์ไม่ได้เข้านอนเหมือนวันก่อนๆ ครั้งนี้หญิงสาวออกมายืนตาก ลมที่ริมระเบียงเพียงลำพัง ลมเย็นในตอนกลางคืนทำให้สมองของหญิงสาวดูปลอดโปร่ง วันนี้ทั้งวันเป็นสีสันอีกแบบที่ไม่เคยสัมผัส แน่นอนว่าสำหรับเธอแล้วไม่เคยจินตนาการชีวิตคู่หรือครอบครัวมาก่อน แต่ครั้งนี้พอเห็นครอบครัวของสามีพริมมาแล้วรู้สึกอิจฉาจริงๆ
ทว่า…ก็ไม่ได้รู้สึกชอบสามีของหล่อนเลย
ลมเริ่มแรงมากขึ้นจรีภรณ์ขยับและเตรียมหมุนเดินเข้าไปข้างใน จู่ๆ ประตูก็โดนลมพัดปิดเองจนเกิดเสียงดัง ปัง ! หญิงสาวสะดุ้งและถอยหลังออกห่างเล็กน้อย ใจระแวงถึงวิญญาณสาวน่ากลัวที่เจอเมื่อเช้า ขาทั้งสองข้างสั่นจนแทบขยับไม่ได้ ลมแรงและเย็นเยือกราวกับที่พัดในห้องนอนเมื่อคืนไม่มีผิด
มาอีกแล้ว…ร่างกายแข็งทื่อไปหมด ทั้งที่สมองสั่งการว่าให้เดินไปที่ประตู เเต่กลับไม่ยอมทำตาม จรีภรณ์อยากจะร้องไห้ เมื่อรับรู้ไอเย็นจากทางด้านหลังที่ส่งผ่านมา
‘ออกไปซะ…ออกไป !’
จรีภรณ์ไม่แม้เเต่จะกล้าหันไปเผชิญหน้ากับอีกฝ่าย เพราะเพียงได้ยินเสียงก็ทำเอาหนาวไปทั้งตัว
‘ออกไปจากร่างของฉันซะ !’
คำพูดนี้ทำให้หญิงสาวสะอึกขึ้นทันที หมายความว่าวิญญาณสาวที่ตามหลอกเธอคือพริมมา !
‘เอาร่างของฉันคืนมา…’
เธอสูดลมหายใจเข้าลึกและหลับตาก่อนจะค่อยๆ หันไปมอง
“ลมข้างนอกแรง เข้ามาข้างในได้เเล้ว” กตตน์เปิดประตูออกเเละเดินกลับเข้ามาในห้อง
จรีภรณ์ไม่รอช้าที่จะรีบวิ่งเข้ามาในห้องเเล้วปิดประตูลงทันที
เจอเเล้ว…วิญญาณของพริมมา อยู่ใกล้ๆ เธอนี่เอง !
จรีภรณ์ขยับตัวขึ้นเตียงมองชายหนุ่มที่นั่งดูเอกสารอยู่บนเตียง ก่อนขยับตัวเข้าไปใกล้ชายหนุ่มแล้วเอนตัวนอนลง
“ที่มีเยอะ คุณจะมาเบียดผมทำไม ?” กตตน์เอ่ยขึ้นพลางขยับตัวออกห่าง ทว่าจรีภรณ์ก็ขยับเข้าไปใกล้อีกจนชายหนุ่มต้องลุกลงจากเตียง
“ถ้าจะนอนบนเตียงคนเดียว คืนนี้ผมจะนอนที่พื้น…” กตตน์พูดจบ หยิบหมอนวางลงพื้นเเละขยับตัวลงนอน
“ไม่ใช่นะคุณ…ฉันแค่กลัว…นี่ ! ขึ้นมานอนเป็นเพื่อนฉันหน่อย” จรีภรณ์พูดพลางมองชายหนุ่มที่นอนหันหลังให้ หญิงสาวกลัวจนเมื่อคืนแทบนอนไม่หลับหากคืนนี้เขานอนที่พื้น เธอคงต้องนอนสวดมนต์ทั้งคืนเเน่
เมื่ออีกฝ่ายเงียบเเละไม่สนใจจรีภรณ์จึงรีบคว้าหมอนเเละลงจากเตียงมานอนข้างๆ ชายหนุ่มทันที กตตน์หรี่ตาก่อนขยับตัวและหันมองเธอที่ลงมานอนพื้นด้วย
“คุณเป็นอะไร ?”
“ก็คนมันกลัวนี่ !” จรีภรณ์พูดขึ้นในขณะดันตัวเองลุกขึ้นนั่ง
กตตน์ถอนหายใจออกมาก่อนจะหยิบหมอนเเละลุกขึ้น
“คุณกลัวอะไรนักหนา”
กลัวเมียคุณยังไงเล่า !
จรีภรณ์รู้สึกใจชื้นขึ้นมาหน่อย เเต่ก็เบ้ปากใส่เขาด้วยความเคืองใจ หากว่าไม่มีผีเเล้วอย่าหวังที่เธอจะยอมนอนข้างเขา ไม่มีทาง !
วิญญาณของพริมมายังคงอยู่ในห้อง มองเห็นชายที่รักทั้งน้ำตา...ความโศกเศร้าและความเจ็บปวดนี้ ไม่มีใครรับรู้และไม่มีใครเห็น
‘คุณกตตน์ พริมอยู่นี่ ช่วยพริมด้วย ช่วยด้วย…’

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา