29 ส.ค. 2020 เวลา 06:00 • กีฬา
#MSInfographic : Outdoor ได้ไม่พัง! 10 ครีมกันแดดน่าใช้ สำหรับสาวสปอร์ตี้
แน่นอนว่าในปัจจุบัน การออกกำลังกายสามารถทำได้ในร่มที่ไม่ร้อน หรือแม้แต่ในห้องแอร์เย็น ๆ โดยที่ไม่ต้องเจอกับแดดเปรี้ยงเลย
อย่างไรก็ตาม กีฬาในร่มส่วนใหญ่ ไม่สามารถผลิตอะดรีนาลีนในร่างกายให้เราได้เท่ากีฬาเอ็กซ์ตรีมกลางน้ำ (และกลางท้องฟ้าในบางครั้ง อย่างเช่น กีฬากระโดดร่ม) หรือสร้างความมันให้เรา ได้เท่ากีฬากลางแจ้ง
และการออกมาใช้ชีวิตข้างนอก ทำกิจกรรมที่ได้พบเจอสายลมแสงแดด สัมผัสกับธรรมชาติบ้าง ก็เติมพลังชีวิตให้มีแรงกลับไปทำงานต่อได้ไม่น้อย และสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับกิจกรรมเอ้าดอร์ นอกจากการเตรียมแรงกาย แรงใจให้พร้อมแล้ว ก็คือครีมกันแดด ตัวช่วยป้องกันผิวเราจากแสงแดดไม่ให้ไหม้หรือคล้ำเสีย
วันนี้ Main Stand จึงยกทัพครีมกันแดด 10 ตัวเด็ดที่มีจุดเด่นแตกต่างกันไป ให้สาวสายลุย ได้เลือกสรรตามอัธยาศัย… แต่จะใช้เกณฑ์อะไรในการเลือกดี ?
[เลือกจาก SPF และ PA]
“SPF 50 PA+++” คือคำบรรยายครีมกันแดดที่คุ้นตา แต่ความหมายของมันแท้จริงแล้วคืออะไร ?
SPF คือค่าป้องกันรังสี UVB ช่วยป้องกันการไหม้ของผิวหนัง (Sun Burn) ส่วน PA คือค่าป้องกันรังสี UVA ที่ช่วยป้องกันการหมองคล้ำของผิวหนัง (Sun Tan)
ค่าครีมกันแดดที่เหมาะกับกิจกรรมกลางแจ้ง เข้าป่า ลุยทะเลมากที่สุด คือ SPF 30-50+ / PA +++ ซึ่งครีมกันแดดที่เรานำเสนอ 9 ตัวก็สอบผ่านหมดสำหรับข้อนี้ เว้นแต่แบรนด์ “SpectraBAN Sunscreen Cream Sensitive” ซึ่งมี PA ++ แต่เหมาะสำหรับสาวผิวแพ้ง่าย และแตกต่างด้วยการไม่มีแอลกอฮอล์ น้ำหอม และสารกันเสียอย่าง พาราเบน (paraben)
สำหรับการคำนวณค่า SPF และ PA โดยปกติแล้วคนเราต้องใช้เวลายืนตากแดด 15 นาที ผิวจึงจะไหม้ แต่หากทาครีมกันแดดที่มี SPF 50 เท่ากับว่าครีมกันแดดจะช่วยให้เราสามารถสู้แดดได้นานขึ้นจากเดิม 50 เท่าผิวจึงจะไหม้ ครีมกันแดดที่มี SPF 50 จึงหมายความว่ากันแดดได้ 16 ชั่วโมง
ส่วน PA+++ หมายถึง มีประสิทธิภาพในการป้องกันรังสี UVA ที่ยิ่งมีหลายบวก ยิ่งประสิทธิภาพสูง ตัวที่ชนะเลิศในการป้องกันรังสี UVA จึงเป็น “NIVEA Sun Protect & Moisture Body Lotion” ที่มีค่า PA++++ ป้องกันรังสี UVA ได้สูงสุด
[บางเบา ไม่เหนียวเหนอะหนะ]
ความหนักและเหนอะของครีมกันแดดเป็นข้อเสียที่หลายคนประสบพบเจอกับตัวเองมาแล้ว ซึ่งแม้จะกันแดดดีแค่ไหน แต่ความไม่สบายผิวก็เป็นข้อกวนใจสำหรับหลายคน จนถึงขั้นขอไม่ยุ่งเกี่ยวกับครีมกันแดดที่เป็นตัวเทพ แต่เหยียวเกินต้าน
ด้วยเหตุนี้ ครีมกันแดดบางแบรนด์จึงสร้างจุดขายด้วยนวัตกรรมที่ให้สัมผัสบนผิวบางเบา ซึมง่าย ไม่กวนใจสายกีฬาอย่าง “Cathy Doll Aqua Sun Non-Greasy Body Sun Serum” และกันแดดพรีเมียมสายธรรมชาติ “Supergoop PLAY Everyday Lotion with Sunflower Extract”
อีกตัวที่น่าสนใจคือแบรนด์มิสทีน “Mistine Aqua Base Sun UV Double Protection White and Light Body” ที่มาพร้อมกับนวัตกรรมกันแดดที่เนื้อครีมผสมน้ำแร่ธรรมชาติ ด้วยเทคโนโลยี Aqua Trapped Polymer ทำให้ครีมสามารถกักเก็บโมเลกุลของน้ำได้ในปริมาณสูง พอทาแล้วเย็นสบาย บางเบา ไม่เหนอะหนะ
[ราคาไม่แรง]
สำหรับสาว ๆ หลายคนที่ นาน ๆ ทีจะออกไปบุกป่า ลุยเขาสักครั้ง และต้องการเพียงครีมกันแดดราคาสบายกระเป๋าคุณภาพดี ทางเราก็มีครีมกันแดดราคาไม่ถึง 300 บาทมานำเสนอ
ครีมกันแดดตัวเด็ดราคาถูกที่ว่าได้แก่ แบรนด์เรือกล้วย “Banana Boat Sport Sunscreen Lotion” บีโอเรกันฝุ่น “Biore UV Anti-Pollution Body Care Serum Intensive White” หรือครีมกันแดดที่นิยมขายในโรงพยาบาลอย่าง “SpectraBAN Sunscreen Cream Sensitive” ครีมกันแดดแบรนด์ดังทั้งสามนี้ มีคุณภาพดี ราคาน่าคบ
ตามมาติด ๆ กับครีมกันแดดหาซื้อง่ายอย่าง “Cathy Doll Aqua Sun Non-Greasy Body Sun Serum” ที่สนนราคา 295 บาท ในปริมาณ 150 มิลลิลิตร
ทั้งนี้ ในโลกทุนนิยม เป็นที่รู้กันว่าราคาที่ถูกอาจจะมาพร้อมกับปริมาณที่ไม่จุใจ แต่ไม่ใช่สำหรับ “Mistine Aqua Base Sun UV Double Protection” เพราะมาในราคาถูกแสนถูกเพียง 143 บาท แต่ได้ปริมาณถึง 150 มิลลิลิตร
[กันแดดที่กันน้ำ]
การออกกำลังกายกลางแจ้ง ไม่ได้จำกัดแค่เพียงบนบกอย่างเดียว ดังนั้นหากสาว ๆ สามารถลงเล่นกีฬาทางน้ำได้อย่างสบายใจด้วยกันแดดที่มาพร้อมกับคุณสมบัติ กันน้ำกันเหงื่อ คงจะสะดวกสบายมิใช่น้อย
ถ้ากีฬาทางน้ำคือทางของคุณ สิ่งที่ต้องมีคือครีมกันแดดแบรนด์เก๋าอย่าง “NIVEA Sun Protect & Moisture Body Lotion” และแบรนด์จากญี่ปุ่นอย่าง “Biore UV Anti-Pollution Body Care Serum Intensive White SPF50+PA+++” หรือจะสู้แดดขั้นสุดไปกับ “P.O.Care Aloe Moisturizing Sun Block Lotion”
ตัวเก็งอีกหนึ่งตัวในเกณฑ์นี้ คือ “Cancer Council Ultra Sunscreen” สุดยอดครีมกันแดดที่ได้มาตรฐานสากล และกันน้ำได้ดีจนเป็นจุดขาย แถมยังมีส่วนผสมของซิลิโคนทำให้แห้งสบายและปกป้องริ้วรอย ใช้ได้ทั้งกับผิวหน้าและผิวกาย
สุดท้าย ครีมกันแดดที่เป็นฮีโร่เบอร์หนึ่งสำหรับสาวชอบเล่นน้ำ คงต้องยกให้กันแดดเรือกล้วย “Banana Boat Sport Sunscreen Lotion” ครีมกันแดดชื่อเสียงโด่งดังจากอเมริกาที่โด่งดังและคุ้นเคยกันมากที่สุด โดยสามารถกันน้ำได้นานถึง 1 ชั่วโมง 30 นาที ทำให้แม้สาว ๆ เล่นน้ำจนเหนื่อย ครีมกันแดดก็ยังไม่หมดฤทธิ์
[มีออฟชั่นเสริม]
ครีมกันแดดสำหรับทาหน้าและทาผิวกายในตลาดมีเป็นร้อยแบรนด์ ดังนั้นแต่ละแบรนด์จะต้องเชือดเฉือนกันสุดฤทธิ์ SPF สูงก็แล้ว PA สามบวกก็แล้ว ก็ยังไม่โดดเด่นพอ หลายแบรนด์จึงเริ่มออกแบบนวัตกรรมสุดเจ๋งในรูปแบบต่าง ๆ ที่เป็น ออฟชั่นเสริมจากคุณสมบัติกันแดดทั่วไป ให้สาว ๆ สายกีฬาอย่างเรา ได้ตื่นตาตื่นใจไปตาม ๆ กัน
ครีมกันแดดที่เข้าตาเราที่สุดสำหรับเกณฑ์นี้ คือ “BIORE Anti-Pollution Shield Vitamin B3” ที่นอกจากจะกันแดด กันเหงื่อ และมีสารสกัดจากส้มยูซุช่วยบำรุงผิวเหมือนโลชั่นแล้ว ยังกันฝุ่นได้อีกด้วย ซึ่งฝุ่นเป็นมลภาวะที่ทำร้ายผิวสาวชาวเมืองมานักต่อนัก ดังนั้นกันแดดตัวนี้จึงตอบโจทย์เป็นอย่างมาก
นอกจากนี้ ยังมีนวัตกรรมสุดล้ำ ที่แก้ปัญหาให้สาว ๆ ที่ขี้เกียจรอกันแดดออกฤทธิ์ 15-20 นาที จาก “BSC Super Sun Cut The Best UV Expert Body Lotion” ที่มี Titanium Dioxide สามารถปกป้องแสงแดดได้ทันทีที่ทา และยังสมทบด้วยวิตามินซีและวิตามินอี ช่วยฟื้นบำรุงให้ผิวกระจ่างใส
และเอาใจสายออแกนิกด้วย ครีมกันแดดแบรนด์นอกสุดพรีเมียมอย่าง “Supergoop PLAY Everyday Lotion with Sunflower Extract” ครีมตัวนี้มีสารสกัดจากธรรมชาตินานาชนิด และโดดเด่นที่สุดก็ด้วยน้ำมันเมล็ดดอกทานตะวันที่นอกจากจะอุดมด้วยวิตามินอี ยังมีคุณสมบัติช่วยรักษาโรคผิวหนังอีกด้วย
สุดท้าย ไม่ว่าสาวสายสปอร์ตี้จะชอบทาครีมแบบไหน ครีมกันแดด 10 ตัวนี้ก็สามารถตอบโจทย์ที่แตกต่างกันของทุกคนได้ สาว ๆ จึงควรทำความรู้จักกับผิวของตัวเอง และเลือกกันแดดให้เหมาะสมกับผิวในทุกด้าน เพื่อจะได้ออกไปใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่ และกลับบ้านมาพร้อมผิวที่ยังเป๊ะอยู่
เรื่องโดย : พิมพ์พันธุ์ จันทร์แดง
โฆษณา