31 ส.ค. 2020 เวลา 04:34 • ประวัติศาสตร์
ราชอาณาจักรหอคำเชียงรุ่งสิบสองปันนา (๑)
พญาเจืองหาญ บรรพบุรุษของชาวไตลื้อ
ตำนานพื้นบ้านของชาวไตลื้อเล่าสืบต่อกันมาแต่ช้านานว่า...
ผืนแผ่นดินที่ราบลุ่มแม่น้ำล้านช้างอันอุดมสมบูรณ์ มีชายหนุ่มรูปงามร่างกายกำยำล่ำสันแข็งแรงบึกบึนคนหนึ่งถือกำเนิดเกิดมาในครอบครัวของสองสามีภรรยาซึ่งเป็นชาวนาบ้านป่าแห่งลุ่มน้ำล้านช้างนั่น
ชาวนาสองคนผัวเมียนั้นมีความขยันขันแข็งมุมานะอดทนทำมาหากินบนที่นาของตัวเองทั้งปลูกผักผลไม้เลี้ยงเป็ดไก่ไว้กินไข่มีวัวมีความไว้ไถนา
สองสามีภรรยาดำรงชีวิตอย่างชาวบ้านป่าชาวไร่ชาวนาอย่างประหยัดพอเพียงมีความสุขตามอัตถภาพทั้งยังตั้งมั่นอยู่ในศีลธรรมอันดี
1
สองสามีภรรยาคู่นี้อยู่กินกันมาได้สองปีกว่ายังไม่มีลูกให้สืบสกุล ฝ่ายสามีนั้นเล่าเฝ้าแต่รอคอยว่าวันใดเทวดาอารักษ์จะประทานลูกน้อยให้ชื่นใจ
และแล้ววันหนึ่งผู้เป็นภรรยาได้บอกข่าวดีแก่สามีว่าตัวข้านั้นหนาได้ตั้งท้องสมใจหวังแล้วนะจ๊ะ
สองสามีภรรยาตั้งตารอวันที่ลูกน้อยจะคลอดจนกระทั่งวันที่ ๓๐ ของเดือนที่ ๙ แห่งการตั้งท้องก็คลอดลูกน้อยออกมาเป็นชายหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูผู้เป็นพ่อได้ตั้งชื่อลูกน้อยนี้ว่า
"เจืองหาญ"
เด็กชายเจืองหาญเติบใหญ่เป็นอ้ายบ่าวโต๋ลีเจิงหาน-นายเจืองหาญ (สะกดแบบไทย)
หนุ่มเจืองหาญขยันขันแข็งเอาแรงช่วยพ่อแม่เลี้ยงควายปลูกนาหาข้าวปลาอาหารเป็นกิจวัตร ครั้นเติบโตเป็นหนุ่มใหญ่ก็มีใจเอื้อเฟื้อคอยช่วยเหลือกิจการงานบ้านเป็นที่รักใคร่ของคนในชุมชน
หนุ่มเจืองหาญเป็นบ่าวฉกรรจ์เติบโตเต็มวัยมีใจกล้าแกร่งจึ่งเที่ยวเสาะแสวงหาหนทางที่จะสู่การเป็นบุรุษผู้ชนะใจสาวงาม นายเจืองเที่ยวเล่นเป็นไปตามวัยผจญภัยไปในป่าในดง
อยู่มาวันหนึ่งจึ่งไปพบตาเฒ่าคนหนึ่งได้เล่าให้นายเจืองหาญฟังว่ามีหลุมต่อศักดิ์สิทธิ์ข้างในมีดวงแก้ววิเศษ ผู้ใดได้ครอบครองดวงมณีแก้วนี้จักมีฤทธิ์เดชมหาศาลหาผู้ใดมาเทียมทานจักได้ไม่
แต่อุปสรรค์ใหญ่หลวงนั่นเล่าคือฝูงต่ออันดุร้ายที่ยังหาผู้ใดฝ่าฟันเหล่าแมงต่อยักษ์เข้าไปใจกลางหลุมนั้นหยิบจับเอาดวงแก้ววิเศษมาเป็นสมบัติได้เลยแม่แต่คนเดียว
หนุ่มเจืองหาญฟังดังนั้นจึงครุ่นคิดจะมีสิ่งใดหนอเล่าที่จะเอาชนะคมเหล็กพิษอันร้ายกาจของเหล่าฝูงต่อนั้นได้
คิดไปคิดมาสายตาเหลือบไปเห็นควายนอนเล่นอยู่ในปลักโคลนเพียงชั่วอึดใจหนุ่มเจืองหาญจึ่งคิดได้ว่าหนทางเดียวที่จะป้งกันฝูงต่อร้ายได้นั่นคือโคลนหนาว่าแล้วก็เอาตัวลงจุ่มชุบลงในบ่อโคลนให้แห้งแล้วชุบลงไปอีกจนแน่ใจแล้วว่าสามารถระคายเหล็กในตัวต่อได้มั่นจึงพลันพลุ่งลงไปในหลุมต่อ
ฝูงต่อแตกตื่นฝืนรังกระจายออกมาดั่งห่าฝน บ้างก็รุมต่อยจิกฝังเหล็กพิษใส่ผิวโคลนพอกแต่ไม่อาจก่อให้เกิดความเจ็บแสบแปลบถึงในกล้ามเนื้อของชายหนุ่มนั่นได้
ชายเจืองหาญจึงสามารถจับหยิบดวงแก้ววิเศษออกมาได้แล้วกลายเป็นพระเอกไปในทันที
เมื่อได้ดวงแก้วมณีวิเศษแล้วหนุ่มเจืองหาญกลายเป็นผู้กล้ามีวิชาอาวุธแกร่งกล้าสามารถจนในที่สุดหนุ่มเจืองหาญก็สร้างบ้านแปงเมืองขึ้นมามีผู้คนทยอยมาเข้าร่วมภายใต้ชายคาจนชุมชนของเจืองหาญขยายใหญ่โตกลายเป็นบ้านเป็นเมืองขึ้นมาในที่สุด
เมืองของเจืองหาญนั่นต่อมามีความเจริญรุ่งเรืองใหญ่โตเป็นอาณาจักรหอคำของชาวไตลื้อมีชื่อว่าอาณาจกัรหอคำเชียงรุ่งสิบสองปันนา เกิดราชวงศ์กษัตริย์ปกครองในชื่อว่า
ราชวงศ์อาหละโวสวนต๋าน ปราบดาภิเษกเป็นสมเด็จพระเจ้าหอคำเชียงรุ่งที่ ๑ มีเมืองเชียงรุ่งเป็นเมืองเอก
เหตุที่บ้านเมืองนั้นชื่อเชียงรุ่ง เพราะในสมัยพุทธกาล สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จมาโปรดสัตว์บริเวณนี้มาถึงเมื่อรุ่งสางชาวเมืองเห็นเป็นมงคลจึงเรียกชื่อบ้านเมืองของตนว่า...
"เจงฮุ่ง" - "เชียงรุ่ง"
โปรดติดตามตอนต่อไป
กฤตย์ เยี่ยมเมธากร
นครเชียงใหม่
๑๒ เมษายน ๒๕๖๑
*** พญาเจืองหาญ วีรบุรุษของชาวไตลื้อ จากบทขับลื้อโบราณ "ตำนานเจ้าเจืองหาญ" ปริวรรตเป็นอักษรไทยโดย สถาบันไทยศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ได้รับบทขับลื้อประวัติพญาเจืองหาญจากการไปบรรยายให้สถาบันฯ เมื่อ พ.ศ. ๒๕๕๓
ปัจจุบันมีหอพญาเจืองหาญตั้งอยู่ที่บ้านเชียงเจือง อำเภอเมืองฮาย แคว้นสิบสองปันนา มณฑลหยุนหนาน มีการเซ่นสรวงพญาเจืองเป็นประจำทุกปี ***
ภาพประกอบ :เจ้าหม่อมคำลือ กษัตริย์องค์สุดท้ายของสิบสองปันนนา

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา