21 ส.ค. 2021 เวลา 09:51 • ไลฟ์สไตล์
EP.30 น้ำมันเนื้อหนัก ( Heavy oil) กับน้ำมันเนื้อเบา (Light oil) ในสินค้า Skincare
ตอนที่เริ่มทำน้ำมันนวดขวดแรกเมื่อเกือบยี่สิบปีก่อน ผมใช้การอ่านใน Yahoo.com ในเวปต่างประเทศนับสิบเวป (เป็นเวปเบสภาษาอังกฤษล้วน) ส่วนใหญ่อยู่ในอเมริกา อังกฤษ ออสเตรเลีย สรุปข้อมูลได้ว่า มีการใช้น้ำมันหลายตัวแบบสูตรใครสูตรมัน (แล้วแต่ผู้ผลิตในประเทศนั้นๆมีพืชที่สามารถสกัดน้ำมันอะไรบ้าง) มาเป็นวัตถุดิบ ถ้ามาไล่เรียงกันจริงๆจะมีน้ำมันหลายสิบชนิดขึ้นอยู่น้ำมันพื้นถิ่นที่เหมาะสมในประเทศนั้นๆ หากมองในฐานะผู้บริโภคน่าจะมีชื่อคุ้นหูสักสิบชนิดเช่น Jojoba oil, Castor oil, Sweet almond oil, Sunflower oil, Safflower oil, Soybean oil, Rosehip oil, Argan oil, Evening Primerose oil, Pure essential oil กลิ่นต่างๆและน้ำมันอื่นที่ไม่ขอกล่าวในที่นี้
ขอบคุณรูปจาก Google
ในขณะเดียวกัน เมื่อมีโอกาสเดินทางผมมักซื้อ Skincare ที่เป็นน้ำมันที่ผลิตขายทั้งที่เป็น Big Name และ Local Brand ในประเทศนั้นๆเพื่อเรียนรู้ เอามาทดลองใช้จริงในชีวิตประจำวัน และเอา Ingredient หลังฉลากมาเปรียบกับข้อมูลที่อ่านมา ทำให้เข้าใจที่มาและเหตุผลลึกๆบางอย่างที่ทำไม Brand นั้นใช้น้ำมันชนิดนั้นเพื่อวัตถุดิบหลัก เช่น ทำไม Big Name ในตลาดจึงใช้น้ำมันหอมระเหยลาเวนเดอร์จากผู้ผลิตในฝรั่งเศส ทำไมจึงเป็น ลาเวนเดอร์พันธ์ Lavandula Aungustifolia แทนที่จะเป็น Lavandula Hybrida ในขณะที่ Skincare ที่ผลิตในออสเตรเลียจะใช้ Lavandula Angustifolia ที่ปลูกในออสเตรเลีย ที่เขาเรียกว่า Australian Lavender สาเหตุหลักๆมาจากวัตถุดิบที่เป็นพื้นถิ่น รวมถึงต้นทุนการจัดหาเป็นหลัก
ขอบคุณรูปจาก Google
ตอนนั้นผมเอาชื่อน้ำมันแต่ละตัวมานั่งแกะทีละตัวว่า สกัดจากพืชอะไร พันธ์อะไร สกัดวิธีไหน แต่ละตัวให้ประโยชน์อะไร ซึมเร็วไหม ??? และส่วนที่ยากที่สุดคือ ทำไมต้องเอาน้ำมันมาเบลนกัน และเบลนกันในสัดส่วนเท่าไหร่ และที่เรียนรู้ได้ในตอนนั้นคือ ในบรรดาน้ำมันต่างๆไม่มีน้ำมันที่เป็น Tropical oil (พืชน้ำมันในเขตร้อน) เลยมีคำถามตามมาว่า ทำไมไม่มี ????
สิ่งที่เก็บตกจากประสบการณ์คือ การเรียนรู้ถึง Know how ของน้ำมันแต่ละตัวและพบว่า กุญแจดอกสำคัญมี 2 ดอกคือแยกให้ออกว่า น้ำมันชนิดไหนคือน้ำมันหนัก, ชนิดไหนคือน้ำมันเบา และสัดส่วนอะไรเท่าไหร่จึงจะเหมาะดับสินค้านั้นๆ ที่เหลือเป็นความกล้าที่จะลองเอา Initiate idea ใส่ลงไป และสำหรับ AKALIKO เราเลือกน้ำมันรำข้าวไทย (Grain oil อ้างถึง Ep.29 https://www.blockdit.com/posts/5f1592c7cf85711297f46e35 ) เป็นน้ำมันหลักในการผลิตสินค้า ส่วนน้ำมันที่เหลือขึ้นอยู่กับว่าจะใช้เพื่อประโยชน์อะไร ในสัดส่วนเท่าไหร่ สูตรน้ำมันทั้งหมดเรา Create เอง และนับถึงวันนี้เราเป็นแบรนด์ไทยที่อยู่ในตลาดมา 18 ปีและเชื่อใน Power of Natural oil
AKALIKO
Thai Spa since 2003
โฆษณา