4 ก.ย. 2020 เวลา 14:34 • หุ้น & เศรษฐกิจ
FOCUS : อัตราการว่างงานของสหรัฐฯ ลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ โดยปัจจุบันอยู่ที่ 8.4%
การฟื้นตัวของตลาดแรงงานสหรัฐฯ ได้ขยายตัวเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกันแล้วสำหรับเดือนสิงหาคมที่ผ่านมานี้ โดยมีความหวังว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง แม้จะมีการระบาดอย่างต่อเนื่อง และความขัดแย้งในเรื่องของความช่วยเหลือเพิ่มเติมจากรัฐบาลต่อธุรกิจขนาดเล็กและชาวอเมริกันที่ว่างงาน
การจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 1.37 ล้านตำแหน่ง ซึ่งรวมถึงการจ้างคนงานสำรวจสำมะโนประชากรชั่วคราวเป็นจำนวน 238,000 ตำแหน่งตามรายงานของกระทรวงแรงงานในวันนี้ ขณะที่อัตราการว่างงานอย่างเป็นทางการลดลงมากกว่าที่คาดไว้เกือบ 2% มาอยู่ที่ 8.4%
ค่าเงินดอลลาร์และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี เพิ่มขึ้นหลังจากรายงานดังกล่าว ในขณะที่ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้นเมื่อเปิดตลาด
ทั้งหมดนั้นดีกว่า ค่ามัธยฐานจากประมาณการของการสำรวจโดยนักเศรษฐศาสตร์ของ Bloomberg ที่คาดการณ์เอาไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะมีการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 1.35 ล้านคนและอัตราการว่างงานจะอยู่ที่ 9.8%
ความคืบหน้าของสัญญาณข้อมูลในตลาดแรงงานยังคงดำเนินต่อไปแม้ว่าจะชะลอตัวลงบ้าง นับตั้งแต่มีการฟื้นตัวในการจ้างงานครั้งแรก โดยปัจจุบันมีการจ้างงานที่เหลืออยู่ประมาณ 11.5 ล้านคน ซึ่งยังคงต่ำกว่าระดับก่อนเกิดการระบาด
การเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของตลาดแรงงานนั้น อาจขึ้นอยู่กับว่าสหรัฐฯ ได้ปรับปรุงการควบคุม COVID-19 หรือไม่ รวมทั้งการยุติความขัดแย้งในสภาคองเกรสด้วยการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอื่น ๆ
การลดลงของอัตราการว่างงานเหลือเพียงตัวเลขหลักเดียวภายใน 2 เดือนก่อนการเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายนนี้ อาจช่วยกระตุ้นให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งมักมีผลสำรวจดีกว่าโจ ไบเดนในประเด็นทางเศรษฐกิจ สามารถได้รับชัยชนะเพื่อรับตำแหน่งสมัยที่ 2 ของเขา
Ryan Sweet หัวหน้าฝ่ายวิจัยนโยบายการเงินของ Moody's Analytics Inc. กล่าวว่า
"มันเป็นรายงานที่มั่นคง แม้ว่าการเติบโตของตลาดแรงงานจะชะลอตัวในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา แต่ก็ดูเหมือนว่าการจ้างคนงานยังคงดำเนินต่อไป และนี่จะเป็นก้าวสำคัญในการเดินตามทิศทางที่ถูกต้อง ซึ่งเราจำเป็นต้องรักษาสิ่งนี้ไว้ แต่หากไม่มีการกระตุ้นทางการคลังจากรัฐบาล ก็อาจบรรลุผลได้ยาก"
ตัวเลขที่น่าหนักใจอย่างหนึ่งจากรายงานก็คือ จำนวนผู้สูญเสียงานถาวรเพิ่มขึ้นมากกว่า 500,000 คนเป็น 3.41 ล้านคน หลังจากมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในเดือนกรกฎาคม และคนส่วนใหญ่อีก 10.3 ล้านคนยังคงว่างงาน ขณะที่ประมาณ 6.16 ล้านคนยังคงเป็นการเลิกจ้างชั่วคราวที่มีแนวโน้มจะแปรเปลี่ยนเป็นการเลิกจ้างถาวรในอนาคต
นอกจากนี้ยังมีข่าวการสูญเสียงานมาเสริมอีกคือ ในสัปดาห์ที่ผ่านมา โฮสต์ของบริษัทจาก American Airlines Group Inc และ United Airlines Holdings Inc. ไปจนถึง Ford Motor Co. และ Bed Bath & Beyond และบริษัทยักษ์ใหญ่อีกหลายแห่ง ได้ประกาศแผนการที่จะปลดพนักงานเพิ่มเติม
ขณะที่ฝ่ายนิติบัญญัติของสหรัฐฯ ยังคงขัดแย้งกับการเรียกออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ครอบคลุมอีกครั้ง หลังจากที่เงิน 600 ดอลลาร์/สัปดาห์ สำหรับผู้ว่างงานและความช่วยเหลือสำหรับธุรกิจขนาดเล็กได้หมดอายุลงไปแล้ว
ตัวเลขการจ่ายเงินเดือนของบริษัทต่าง ๆ ได้แสดงให้เห็นถึงผลกำไรในวงกว้างในอุตสาหกรรมหลายแห่ง โดยการค้าปลีกเพิ่มงานประมาณ 249,000 ตำแหน่งจากเดือนก่อน ในขณะที่การจ้างงานบริการทางธุรกิจระดับมืออาชีพเพิ่มขึ้น 197,000 ตำแหน่ง และงานด้านการขนส่ง/กักเก็บสินค้าเพิ่มขึ้นประมาณ 78,000 ตำแหน่ง
แต่การเพิ่มขึ้นของธุรกิจด้านการพักผ่อนและการบริการอย่างเช่น ร้านอาหาร ซึ่งเป็นตัวขับเคลื่อนตลาดในเดือนก่อนหน้านี้ได้ลดลงอย่างมากในเดือนสิงหาคม โดยเพิ่มขึ้นเพียง 174,000 ตำแหน่งเทียบกับ 621,000 ตำแหน่งในเดือนกรกฎาคม
นอกจากนี้การเพิ่มขึ้นของงานภาคการผลิตที่ 29,000 ตำแหน่งนั้นถือว่าน้อยกว่าครึ่งหนึ่งของค่ามัธยฐานที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์เอาไว้
กรมแรงงานกล่าวว่าพวกเขาได้ทำการปรับปรุงการจัดประเภทแรงงานที่ไม่ถูกต้องของคนงานบางกลุ่มที่ควรถูกระบุว่าเป็นผู้ว่างงาน ซึ่งเป็นปัญหาที่ทำให้ข้อมูลในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาต่ำกว่าตัวเลขจริง และหลังปรับปรุงข้อมูลแล้วยังทำให้อัตราการว่างงานในเดือนสิงหาคมสูงขึ้น 0.7%
นอกจากนี้ รายงานยังแสดงให้เห็นถึงการเพิ่มขึ้นอย่างมากในตัวเลขสำคัญอย่างหนึ่งนั่นก็คือ อัตราส่วนการจ้างงานต่อประชากร (employment-population ratio) ซึ่งเพิ่มขึ้น 1.4% สู่ระดับ 56.5% แม้ว่าจะยังต่ำกว่าระดับ 61.1% ในเดือนกุมภาพันธ์ก็ตาม
Michelle Meyer หัวหน้าฝ่ายเศรษฐศาสตร์ของ Bank of America กล่าวว่า
"เห็นได้ชัดว่าแนวโน้มดังกล่าวไม่สนับสนุนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงจากการว่างงานชั่วคราวไปสู่การสูญเสียงานอย่างถาวร แต่ถ้าหากคุณย้อนกลับไปดูตัวเลขอัตราการว่างงานที่ออกมาเพียง 8.4% มันก็ดีเกินกว่าที่เราจะจินตนาการได้"
อัตราการมีส่วนร่วม (participation rate) ซึ่งเป็นสัดส่วนของประชากรที่กำลังทำงานหรือกำลังหางานทำ เพิ่มขึ้นเป็น 61.7% หลังจากที่ลดลงในเดือนก่อนหน้านี้ ซึ่งอาจสะท้อนให้เห็นว่ามีชาวอเมริกันจำนวนมากขึ้นที่กำลังมองหางานทำอีกครั้ง เนื่องจากผลประโยชน์ว่างงานรายสัปดาห์ 600 ดอลลาร์ได้หมดอายุลงไปแล้ว
อัตราการมีส่วนร่วมในช่วงวัยทำงาน หรือก็คืออัตราการมีส่วนร่วมของผู้ที่มีอายุในช่วงอายุ 25-54 ปีอยู่ที่ 81.4% แม้ว่าจะต่ำกว่าระดับ 81.5% ในเดือนมิถุนายน
อัตราการว่างงานที่ดีขึ้นกว่าที่คาดไว้มาก แต่ก็ไม่เท่าเทียมกันในแต่ละกลุ่มประชากร โดยสัดส่วนของชาวผิวขาวและชาวฮิสแปนิกจะเห็นอัตราการลดลงมากกว่าเมื่อเทียบกับชาวเอเชียและชาวอเมริกันผิวดำ ขณะที่ความแตกต่างระหว่างอัตราการว่างงานของคนผิวขาวและคนผิวดำเพิ่มขึ้นเป็น 5.7% จาก 5.4% ในเดือนกรกฎาคม
ช่องว่างระหว่างเพศนั้นแคบลงเล็กน้อย โดยในบรรดาผู้หญิงวัยสูงวัยนั้น อัตราการว่างงานลดลง 2.1% เป็น 8.4% เทียบกับผู้ชายที่ลดลง 1.4% เป็น 8%
U-6 rate หรือที่เรียกว่าอัตราการจ้างงานแบบไม่เต็มวันลดลงเหลือ 14.2% จาก 16.5% ซึ่งแตกต่างจากอัตราการว่างงานแบบเต็มใจหรือที่เรียกว่า U-3 rate ซึ่งเป็นตัวเลขที่แสดงให้เห็นจำนวนของผู้ที่เลิกหางานเพราะท้อแท้เกี่ยวกับโอกาสในการทำงาน รวมถึงผู้ที่ทำงานนอกเวลา แต่กำลังต้องการทำงานเต็มเวลา
อนึ่งแล้วนั้น รายงานยังแสดงให้เห็นอีกว่ารายได้เฉลี่ยต่อชั่วโมงเพิ่มขึ้น 0.4% จากเดือนก่อนหน้า และเพิ่มขึ้น 4.7% จากปีที่แล้ว แม้ว่าตัวเลขดังกล่าวจะผันผวนตลอดช่วงที่มีการระบาด เนื่องจากไวรัสได้ทำให้เกิดความเสียหายในวงกว้างต่อการสูญเสียเงินเดือนของบุคลากร และการลดลงในผลกำไรของบริษัท
การกดไลค์ กดแชร์ กดติดตาม และการติชมในเชิงสร้างสรรค์ของคุณ เป็นกำลังใจให้เราและเหล่าอาชีพนักเขียนทุกคนในการพัฒนาผลงานให้ดียิ่งขึ้นต่อไป ขอเชิญทุกท่านร่วมสร้างสังคมการเรียนรู้ที่ดีด้วยกันกับเรา
World Maker
สามารถติดตาม World Maker ผ่านทาง Facebook ได้แล้ววันนี้ที่
อยากลงทุน อยากมีเงินเก็บอย่างจริงจัง แต่ไม่มีพื้นฐาน World Maker มีคอร์สเรียนดี ๆ มาแนะนำให้ครับ รายละเอียดคลิกเลย !!
โฆษณา