6 ก.ย. 2020 เวลา 03:23 • ประวัติศาสตร์
“หินตั้ง”ชุมชน 3,000 ปี ก่อนเกิดรัฐโบราณ
Ep.11 “หินตั้ง”ชุมชน 3,000 ปี ก่อนเกิดรัฐโบราณ
จากบทความที่แล้ว ข้าพเจ้าได้กล่าวถึงรัฐโบราณ ในยุคร่วมสมัยเดียวกัน ที่อยู่ในบริเวณพื้นที่ประเทศไทย ปัจจัยหลักๆของการรวมกลุ่มเป็นอาณาจักรนั้นก็คือศาสนาที่รับเอามาจากอารยธรรมใหญ่ๆ เช่น อินเดีย และจีน อย่างศาสนาพุทธ พราหมณ์-ฮินดู ซึ่งหลักฐานสำคัญ ส่วนใหญ่จะเป็นลักษณะ สถูป เจดีย์ วัดวาอาราม และงานศิลปะ อันจะเป็นเครื่องบ่งชี้ ว่าเป็นยุคสมัยใด
ก่อนที่ศาสนาหลักๆเข้ามาเผยแพร่นั้น ผู้คนในดินแดนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือที่เรียกว่า อุษาอาคเนย์ มีการตั้งถิ่นฐานอยู่กระจัดกระจาย ลักษณะเป็นชุมชนเล็กๆ ตามพื้นที่ธรรมชาติ และพื้นที่ลุ่มแม่น้ำ มาก่อนช้านานแล้ว ตั้งแต่สมัยก่อนพุทธกาล และมีความเชื่อเป็นของตนเองที่สืบต่อกันมาชั่วลูกชั่วหลาน
สโตนเฮนจ์ บริเวณตอนใต้ของเกาะอังกฤษ
วัฒนธรรมหินใหญ่ (megalithic culture) หมายถึงวัฒนธรรมที่มีการนับถือหิน และมีการจัดการกับหินด้วยกรรมวิธีที่แตกต่างกันไปตามความเชื่อของแต่ละกลุ่ม เพราะผู้คนในสมัยนั้นนิยมนำหินมาตั้ง หรือกองไว้เหนือพื้นดิน เป็นหินก้อนเดียวโดดๆ เป็นหินกองซ้อนเป็นชั้นๆ หรือตั้งไว้เป็นกลุ่มก้อน อันจะพบได้ทั่วไปทั้งในยุโรป เอเชีย และพื้นที่อื่นๆทั่วโลก
ซึ่งบางแห่งก็สามารถอธิบายได้ถึงแหล่งที่มา จากบันทึก ตำนาน หรือวัฒนธรรมท้องถิ่นที่ยังสืบเนื่องกันอยู่จนถึงปัจจุบัน แต่บางแห่งก็ไม่สามารถให้คำอธิบายได้ ว่าใครเป็นผู้สร้าง หรือสร้างเพื่อจุดประสงค์ใด
ภูพระบาท อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี
“วัฒนธรรมหินตั้ง” นักวิชาการใช้เรียกกลุ่มคนในยุคก่อนประวัติศาสตร์ ในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นยุคก่อนที่ศาสนาใหญ่ๆ อย่างพระพุทธศาสนาจะเข้ามาเผยแผ่ ผู้คนในภูมิภาคนี้ มีสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจเดิม อันเป็นวัฒนธรรมร่วมมาก่อนแล้วช้านาน นั้นคือ “หินตั้ง”
ชุมชนโบราณเหล่านี้ ล้วนมีร่องรอยพิธีกรรมของความเชื่อ ในลัทธิบูชาอำนาจเหนือธรรมชาติ หรือ “ศาสนาผี” จึงมักจะมีการสร้างสถานที่เพื่อติดต่อกับอำนาจเหนือธรรมชาติ ในรูปแบบของอาณาเขตศักดิ์สิทธิ์ หรือเขตหวงห้าม ที่มิให้ผู้คนทั่วไปในชุมชน เข้ามารบกวน เช่น พิธีกรรมบวงสรวง บูชา สวดภาวนา หรืออ้อนวอน
โมอาย แห่งเกาะอีสเตอร์ ประเทศชิลี
การสร้างปริมณฑล เพื่อพิธีกรรม จึงเกิดขึ้นทั่วไป ทั้งในทุกมุมโลก ที่เรารู้จักกันดีในนามของ สโตนเฮนจ์ ที่เมืองซอลลิสเบอรี่ ทางตอนใต้ของอังกฤษ หรือวัฒนธรรมโมอาย ของหมู่เกาะอีสเตอร์ ในประเทศชิลี
ทุ่งไหหิน เมืองโพนสะหวัน ประเทศลาว
ชุมชนโบราณอายุ 3,000 - 1,000 ปี ทั่วโลก ต่างก็ล้วนมีร่องรอยของ "วัฒนธรรมหินตั้ง" กันแทบทั้งสิ้น อย่างเช่นในประเทศลาว "ทุ่งไหหิน" เมืองโพนสะหวัน ก็จัดเป็นวัฒนธรรมหินตั้งอีกแห่งหนึ่งที่มีชื่อเสียง ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
นักมนุษย์วิทยาลงความเห็นกันว่า บริเวณหินตั้ง น่าจะเป็นที่ฝังกระดูกของบรรพบุรุษ หรือเป็นสถานที่เพื่อทำพิธีฝังศพ และน่าจะมีการฆ่าสัตว์เช่นวัว, ควาย เพื่อการเซ่นไหว้บูชาอำนาจเหนือธรรมชาติ และผีบรรพบุรุษ
"หินตั้ง" อาจถูกใช้เพื่อการล่ามสัตว์ที่นำมาฆ่าบูชายัญ ฉะนั้น"หินตั้ง" จึงเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่วิญญาณบรรพบุรุษกับวิญญาณสัตว์ที่ถูกฆ่าจะมาสิงสถิตเพื่อคอยดูแลปกป้องคุ้มครองเผ่าพันธุ์ และลูกหลานของชาวเผ่านั้นๆสืบไป
ในบทความ ของ อาจารย์ สุจิตต์ วงษ์เทศ คอลัมนิสต์มติชน เรื่อง “หินตั้ง มีทั้งที่เมืองสุโขทัย และเมืองอู่ทอง สุพรรณ 2,000 ปีมาแล้ว”
ในบทความ ได้กล่าวถึงวัฒนธรรมหินตั้งสำคัญๆ อย่างเช่นวัดสะพานหิน อุทยานประวัติศาสตร์ จังหวัดสุโขทัย
สวนหินธรรมชาติ เขาพุหางนาค อำเภออู่ทอง จังหวัดลพบุรี และ หินตั้ง ม่อนนะแฮ้ง อำเภอแจ้ห่ม จังหวัดลำปาง
“หินตั้ง”นั้น เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ทางศาสนาผี ของวัฒนธรรมหินตั้งในภูมิภาคอุษาอาคเนย์ ก่อนรับพุทธและพราหมณ์ จากอินเดีย
พุหางนาค อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี
ในช่วงเวลาดังกล่าวนี้ ชุมชนโบราณในภูมิภาคสุวรรณภูมิเข้าสู่ยิคหินใหม่ คิดค้น"วัฒนธรรมหินตั้ง" จนปรากฎร่องรอยประเพณีพิธีกรรมเกี่ยวข้องกับการบูชายัญและบูชาผี ที่เป็นปริศนามากมายหลายแห่งทั้งในภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคใต้ กระจัดกระจายตัวไปทั่วพื้นที่อุดมสมบูรณ์ เช่นที่ ลุ่มน้ำอิง จังหวัดเชียงราย ผาแต้ม อำเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี
แต่ปริศนา"วัฒนธรรมหินตั้ง" ของประเทศไทยในยุคก่อนประวัติศาสตร์ ทั้งในภาคเหนือและภาคอีสาน ก็ถูกทำลายไปมากมาย เพราะการศึกษาเรื่องนี้จริงจัง เพิ่งจะมามีเอาหลังจากที่มีการตัดถนน ตั้งถิ่นฐานชุมชน เข้าทำไร่ไถทำนา ปรับเปลี่ยนภูมิประเทศ ได้มีการโยกย้ายกองหินรูปวงกลมออกไปบ้าง สร้างวัดค่อมทับลงไปบ้าง รื้อหินไปเก็บที่วัด หรือทิ้งไปเลยก็มาก จนแทบไม่เหลือร่องรอยเดิม
วัฒนธรรมหินตั้ง สมัยก่อนประวัติศาสตร์ ภายหลังการรับพระพุทธศาสนาเข้ามาในอุษาอาคเนย์ หินตั้งที่เคยใช้ในการบูชาผี หรืออำนาจเหนือธรรมชาติ ได้กลายมาเป็น"ใบเสมาหินตั้ง" ทางพุทธศาสนา
ศาสนาได้มีส่วนสำคัญในการก่อร่างสร้างอาณาจักร อันเป็นศูนย์รวมของกลุ่มคน ในยุคแรกที่พระพุทธศาสนาเข้ามาเผยแผ่ ซึ่งในช่วงเวลานี้ ชาววัฒนธรรมหินตั้งได้รับเอาคติความเชื่อทางพุทธศาสนาเข้ามาผสมผสานกับความเชื่อท้องถิ่น คือการนับถือผี และกลุ่มคนหินตั้งที่เคยใช้หินเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ได้เปลี่ยนแปลงให้เป็นหินตั้งแบบใบเสมา
ตัวอย่าง ใบเสมาหิน ที่พบในวัฒนธรรมทวารวดี ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ของประเทศไทย
เสมาหิน นอกจากจะทำหน้าที่กำหนดเขตทำสังฆกรรม ปริมณฑลอันศักดิ์สิทธิ์ แล้วยังเป็นเครื่องมือในการนำเสนอ "คติธรรมคำสอน" ที่ช่างโบราณแปลงออกมาจากคัมภีร์ทางศาสนา เพื่อต้องการให้พุทธศาสนิกชนที่พบเห็นนำเอาหลักการประพฤติ ปฏิบัติที่ดีงามไปใช้ในการดำเนินชีวิต และนี่ก็คือเทคนิคสำคัญในการเผยแพร่ศาสนาของลัทธิเถรวาท
“หินตั้ง” ที่ข้าพเจ้าพบในบ้านห้วยส้มสุก ตำบลสะลวง อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ นั้นยังไม่เป็นที่รู้จักกันมากนัก และยังไม่มีการเผยแพร่จากแหล่งข้อมูลใดๆ มีเพียงคนในท้องถิ่นเท่านั้นที่อนุรักษ์ รักษาไว้ และข้าพเจ้าจะนำมาเล่าในเพจนี้ ในep.ถัดไป
จริงๆแล้ว ผู้คนส่วนใหญ่มักเข้าใจผิดว่าหินตั้งในบางพื้นที่ ที่มีลักษณะเป็นเหมือนอาณาเขตล้อมรอบบริเวณนั้น ส่วนใหญ่มักจะพบในพื้นที่ป่าภูเขาตามภาคเหนือของประเทศไทย หรือในภาคอีสานนั้นคือหินเสมาในพระพุทธศาสนาเสียทั้งหมด แต่ความจริงแล้วมันคือเขตพื้นที่ศักดิสิทธิ์ ของกลุ่มคนวัฒนธรรมหินตั้ง ในยุคก่อนการรับพระพุทธศาสนา (หรือยุคหินใหม่) ซึ่งมิใช่สัญลักษณ์ทางศาสนาพุทธแต่อย่างใด
ขอให้สิทธิและเสรีภาพ ของทุกคน จงเท่าเทียม
.................ไซตามะ
โฆษณา