6 ก.ย. 2020 เวลา 12:30 • ความคิดเห็น
บันทึกส่วนตัว: 4 สิ่งที่ได้เจอเมื่อเก็บห้อง
1. เจอว่าเมื่อก่อนชอบวาดการ์ตูน
ฉันชอบงานศิลปะตั้งแต่สมัยเด็กน้อย จนขอให้คุณแม่พาไปเรียนเป็นเรื่องเป็นราว ฉันในวัยประถมต้นเรียน (หรือบอกว่าเล่นคงจะเหมาะกว่า) ระบายสีชอล์ค สีไม้ แปะกระดาษให้เป็นรูป ฯลฯ งานศิลปะที่ทั้งสนุกและสวยงามทำให้ฉันติดใจ
โตขึ้นมาอีกหน่อย สถานที่ที่ฉันเรียนดนตรีไทยประกาศจัดสอนการวาดการ์ตูนไทย ฉันจึงขอคุณแม่เรียนอีกเช่นเคย ในคอร์สนี้ฉันได้เรียนทฤษฎีแบบจริงจังมากขึ้น รู้จักการร่าง การแบ่งสัดส่วน การแรเงา การสร้างมิติ
ด้วยความที่ยังเด็ก แม้ไม่ได้เก่งอะไรมาก แต่ก็ทำให้ฉันวาดรูปด้วยความรู้ความเข้าใจมากขึ้น และนี่คือส่วนหนึ่งของภาพในคอร์สนั้น
ครูร่างให้ดู
เริ่มลองร่างไปทีละส่วน
ม่อยกระรอก :)
หัดวาดการ์ตูนสามช่อง
"นี่ วันนี้ฉันซื้อรถมาใหม่ เราไปแข่งกันดีไหม"
หลังจากนั้นก็ไม่เคยเรียนวาดรูปอีก แต่ก็ยังชอบและวาดเก็บไว้ดูเองอยู่เรื่อยๆ ประกอบกับเมื่อโตขึ้น ชอบอ่านมังงะญี่ปุ่น เลยดูเหมือนจะเปลี่ยนแนวไปวาดการ์ตูนญี่ปุ่นแทน
วาดตัวการ์ตูนที่ชอบแล้วตัดเก็บไว้
พยายามลงสีแต่ไม่เสร็จ ^ ^"
เริ่มใช้ปากกาดำตัดเส้น แล้วลบที่ร่างออก
ตอนนั้นชอบการ์ตูนเรื่องนี้มาก ตลกมาก!
จากเรื่องอะไรจำไม่ได้ > <
Chobit
ชาแมนคิง มีเก็บทุกเล่มเลยนะ :D
2. เจอว่าเมื่อก่อนเคยขายโปสการ์ด
ฉันเริ่มเขียนจดหมายมาตั้งแต่ชั้นประถมที่คุณครูสอนเรื่องการเขียนจดหมาย แล้วให้เขียนส่งถึงเพื่อนในห้อง ความรู้สึกของการได้รับจดหมายฉบับแรกนั้นมีความสุขจนนำมาซึ่งการเขียนจดหมายหาเพื่อนตามที่อยู่ในนิตยสารแบบสุ่ม ฉันมีจดหมาย 110 ฉบับที่ยังเก็บอยู่จนทุกวันนี้ แต่จะไม่นำมากล่าวถึง เพราะเรื่องที่จะเขียนคือ โปสการ์ด
ฉันเพิ่งมาเขียนและส่งโปสการ์ดเมื่อสมัยมัธยมปลาย แน่นอนว่าก็ยังชอบจดหมายมากกว่าอยู่ดี แต่หลังจากนั้นฉันชอบถ่ายรูปมาก จนเกิดความคิดว่าเราน่าจะใช้ทักษะการวาดรูปที่มี (น้อยนิด) และรูปถ่ายที่เก็บไว้มาทำโปสการ์ดขายได้
ความคิดนี้ก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างและจริงจังขึ้นเรื่อยๆ ฉันที่ชอบเข้าร้านเครื่องเขียนและร้านอัดรูปเป็นทุนเดิม การขายโปสการ์ดจึงทำให้ชีวิตได้วนเวียนไปแต่สถานที่ที่ชอบ เลยรู้สึกสนุกมาก
เริ่มคิดชื่อแบรนด์โปสการ์ดของตัวเองและเขียนลงไปบนโปสการ์ดทุกใบ ร่างแบบ เลือกรูป อัดรูป ตกแต่ง ทำมือทุกอย่าง ขึ้นรถเมล์ไปซื้อตะแกรงเหล็กขนาดยาวแล้วแบกกลับบ้าน ซื้อเชือกมาขึงทำราว ซื้อไม้หนีบมาหนีบรูป และซื้อไฟมาประดับสำหรับให้แสงสว่างและตกแต่งแผง
ร่างโลโก้
ดีไซน์แบบ
ทำ stock
แปะใบเสร็จ จดรายจ่าย รายรับ
การขายของในยุคที่ออนไลน์ยังไม่เฟื่องฟู คือการตั้งแผงแบกะดินขายตามงานเทศกาลต่างๆในมหาลัย บางทีลูกค้าก็เป็นเพื่อนกันเอง บางคนสั่งทำเป็นข้อความหรือรูปภาพโดยเฉพาะก็มี
ฉันเรียกว่า กล่องทำมาหาเลี้ยงชีพ 5555555
เวลาไปตั้งแผงก็แบกกล่อง ตะแกรง และไฟประดับ แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว เพราะต้องแบกขึ้นรถเมล์
ฉันสนุกกับการขายโปสการ์ดอยู่ประมาณสองปีกว่า จนถึงช่วงที่ต้องตั้งใจเรียนมากขึ้น ทำโปรเจ็คจนไม่มีเวลาไปทำอย่างอื่น จึงเลิกการขายโปสการ์ดไป ถึงจะน่าเสียดาย แต่คิดย้อนไป แค่ได้ลองลงมือทำอะไรสักอย่างด้วยความชอบและจริงจังกับมัน ก็เป็นประสบการณ์ชีวิตที่ดีมากมาย
1
3. เจอว่าเมื่อก่อนเป็นเด็กค่าย
ฉันเริ่มเข้าค่ายตอนขึ้นมัธยม เนื่องจากอยู่ชมรมวิทย์ ก็เลยมีค่ายวิทย์ รวมถึง English camp ที่จัดตอนปิดเทอมทุกปี พอมามัธยมปลาย ก็ยังเข้าค่ายต่อเนื่อง ทั้งค่ายจริยธรรม ที่อาจารย์จัดให้นักเรียนทั้งสายชั้น และเนื่องจากเป็นหัวหน้าห้อง เลยต้องไปค่ายจริยธรรมที่จัดระหว่างโรงเรียนอีก และยังมีค่ายที่อาจารย์จัดให้ในโอกาสต่างๆ
นอกนั้นยังมีค่ายนอกโรงเรียนที่ฉันสมัครไปเอง เช่น ค่ายตามมหาลัยหรือค่ายวิทย์ของ สวทช
***** ***** ***** ***** *****
แต่ฉันได้เรียนรู้ว่าการเข้าค่ายนั้น เทียบไม่ได้เลยกับการที่ต้องมาจัดค่ายเอง ฉันทำค่ายแรกตอนอยู่ม. 5 เพราะเข้าชมรมที่เรียกสั้นๆว่า 'อิน' ย่อมาจาก Interact ซึ่งต้องพาน้อง ม.4 รวมแล้วทั้งค่ายประมาณร้อยชีวิตออกต่างจังหวัด ไปบริจาคของและทำกิจกรรมกับเด็กในโรงเรียน
ซึ่งจะทำกันเล่นๆไม่ได้ เพราะถ้าเกิดอะไรขึ้นกับหนึ่งชีวิตในค่าย ไม่ว่าจะเป็นการบาดเจ็บ อาการป่วยเล็กน้อย หรืออุบัติเหตุใดๆ แล้วไม่มีการแก้ปัญหาที่ทันท่วงที คงรับผิดชอบกับผู้ปกครองของน้องไม่ไหว
การทำค่ายสอนให้มีแผนสำรองในทุกๆสถานการณ์เสมอ ถ้าทำ A ไม่ได้ก็ทำ B ถ้ายังไม่ได้ก็ทำ C คิดถึงเหตุการณ์เลวร้ายที่สุดที่อาจจะเกิดขึ้น แล้วหาทางแก้ไขเผื่อไว้ ตารางค่ายละเอียดยิบเป็นหลักนาที ไปจนถึงต้องซ้อมเล่นฐานกันเองก่อนทุกฐานว่าทำได้จริง และน้องๆจะเล่นได้ ซ้อมสันทนาการว่าตลกพอไหม เตรียมงานประชุมงานกลับบ้านเที่ยงคืนทุกวัน
1
สำหรับฉันค่ายแรกผ่านไปอย่างงดงาม วันที่กลับจากค่าย เป็นครั้งแรกในชีวิตที่นอนไป 18 ชั่วโมง และตื่นมานั่งอ่านความรู้สึกของน้องๆ
คอมเมนต์ในเว็บบอร์ดโรงเรียน รวบรวมมาแล้วแบ่งกันอ่านเพื่อเป็นกำลังใจ
น้องบางคนอัพไดอารี่ออนไลน์กันยาวมาก
รวมแล้วตอน ม.5 ฉันทำค่ายไป 3 ครั้ง เทอมละค่ายและตอนปิดเทอมใหญ่อีกหนึ่งค่าย แต่ที่ประทับใจที่สุดเป็นครั้งที่ 4 หลังจากเข้ามหาลัย พวกเราคิดถึงการทำค่ายกันมาก เลยรวมกลุ่มเฉพาะรุ่นพี่ที่จบแล้ว เป็น staff แล้วกลับไปจัดค่ายให้น้อง ซึ่งแน่นอนว่าทุกคนจัดเต็ม เพราะไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในมหาลัยมาเพิ่ม
ฉันรับหน้าที่จัด walk rally และได้ใส่ทุกสิ่งที่อยากเล่นลงไป ปกติ walk rally จะวนเป็นฐาน แต่ค่ายนี้ฉันดีไซน์ให้เป็นเกม ที่น้องค่ายจะเป็นผู้เล่น แล้วไปทำเควสกับตัวละครต่างๆที่กระจายอยู่ทั่วโรงเรียนเพื่อรวบรวมไอเท็มมาปลุกเทพ
มีเทพ 5 องค์ที่ต้องปลุกให้สำเร็จ
🐾เทพมังกรผงาด - ไอเท็มที่ใช้ปลุกคือคอลัมน์เสพสมบ่มิสมในหนังสือพิมพ์ และ หน้าใดก็ได้ในนิตยสาร FHM
🐾เทพแห่งการรักษา - ใช้เข็มกับด้ายและเครื่องหมายบวกสีแดง
🐾เทพอาวุธ - ใช้น้ำศักดิ์สิทธิ์
🐾เทพองคาชาติ - กล้วย แป้ง กะทิ
🐾เทพพลัง -รวบรวมการ์ดธาตุดิน น้ำ ลม ไฟให้ครบ
🐾เทพสัตว์วิเศษ - รวบรวมชิ้นส่วนกระดาษตามคำใบ้ แล้วเอามารวมกัน เพื่อท่องคาถาปลุกเทพ
เริ่มต้นจะแจกกลอนปลุกเทพและแผนที่ให้กลุ่มละใบ โดยไม่บอกอะไรเพิ่มเติมอีก ให้เวลา 3 ชั่วโมง กลุ่มไหนปลุกเทพได้มากสุดชนะ ถ้ามีมากกว่าหนึ่งกลุ่ม ใครเร็วกว่าชนะไป
กลอนปลุกเทพสัตว์วิเศษจะบอกสถานที่ซ่อนคำต่างๆ ซึ่งต้องหาให้ครบเพื่อเอามาต่อกันเป็นคาถาปลุกเทพด้านล่าง
เกมนี้ต้องใช้ staff 20 คน เป็นตัวละครต่างๆ บางคนอยู่กับที่ บางคนเดินไปเดินมา บางคนต้องวิ่งหนีน้อง (เช่น เทพแห่งการรักษาต้องใช้เข็มกับด้าย การจะได้ด้าย ต้องจับหนุ่มเลี้ยงวัวที่ต้องคอยซ่อนตัวและวิ่งหนีน้อง ให้ไปเจอสาวทอผ้า ถึงจะได้ด้ายจากสาวทอผ้ามา)
บางคนห้ามพูดอะไรเลย บางคนพูดได้แค่ประโยคเดียว เช่น "ฉันเป็นดารา ฉันอยากดัง อยากถ่ายรูป" ซึ่งต้องไปตามหาช่างกล้อง (ตัวละครที่สะพายกล้องเดินไปมา) มาถ่ายรูป ถึงจะได้ไอเท็มรูปถ่ายไป บางคนต้องให้น้องทำกิจกรรมที่เตรียมไว้ให้สำเร็จ ถึงจะแจกไอเท็ม
1
เป็น walk rally ที่อยากเล่นเอง ต้องคิดตีความ รวบรวมไอเท็มและพัฒนาไอเท็มไปเรื่อยๆ จนสามารถปลุกเทพได้ เมื่อทำเกมสำเร็จเลยภูมิใจมาก
แผนที่บอกบริเวณที่เล่นได้
4. เจอของขวัญปริศนา
เมื่อกล่าวถึงเรื่องกิจกรรมต่างๆสมัยวัยรุ่น ก็ต้องมีเรื่องความรักให้พอชุมชื่นหัวใจบ้าง
1
ขวดโหลที่มีหัวใจพับอยู่เต็มขวดนี้ คือ ของขวัญวันวาเลนไทน์ ที่ถูกเอามาวางไว้ใต้โต๊ะสมัยมัธยมต้น โดยไม่มีข้อความอะไรเลย คนให้ก็ไม่แสดงตัว จนทุกวันนี้ก็ยังไม่รู้ว่าใครให้ - จบเพียงเท่านี้
ที่ผ่านมา นานๆจะเก็บห้องสักที แต่ก็เป็นแค่การรื้อออกมา ทำความสะอาด แล้วเปลี่ยนที่จัดเก็บใหม่ แต่คราวนี้คือการรื้อแล้วทิ้ง เพราะฉันเดินทางมาถึงจุดที่ไม่ต้องใช้บางอย่างที่เก็บไว้มาตลอดแล้ว เลยรื้อออกมาทุกอย่าง ทำให้เจอความทรงจำที่เก็บไว้มากมาย
1
มีคนสงสัยว่าฉันไม่เลี้ยงไก่ ไม่ปลูกต้นไม้ แล้วฉันทำอะไร ฉันว่า ฉันเองก็ใช้ชีวิตวัยรุ่นได้คุ้มค่าเหมือนกันนะ
สุดท้าย ขอบคุณครอบครัว ที่สนับสนุนทุกอย่างที่อยากทำเสมอมา ❤️

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา