7 ก.ย. 2020 เวลา 11:00 • นิยาย เรื่องสั้น
The Adventures of จ.Jump ตอน รอยพญานาค
สวัสดีผู้อ่านทุกท่านในช่วงสงกรานต์เดือนกันยากับ จ.จั๊มพ์ผู้นี้ หลังจากหลุดพ้นวิกฤตในตอนไวรัสมรณะมาได้ ก็มาถึงช่วงที่ตัวผมได้ตะล่อนไปเยือนจังหวัดหนองคายที่ซึ่งมีงานบั้งไฟพญานาคจัดอย่างยิ่งใหญ่อลังการ โดยหารู้ไม่ระหว่างหาทำเลเหมาะสมในการรับชมจะได้เห็นร่องรอยของสัตว์ในตำนานอย่างพญานาค และเพื่อความไม่เยิ่นเย้อขอเชิญทัศนากันได้กับตอนนี้ที่ชื่อว่า รอยพญานาค
เทศกาลบั้งไฟพญานาค หนึ่งในปรากฏการณ์ที่หลายคนต่างแห่เดินทางมาเพื่อรับชมลูกไฟลอยพุ่งผุดจากแม่น้ำโขง โดยปีนี้เป็นครั้งแรกที่ผมได้มาร่วมงานนี้
ซึ่งสาเหตุของการเข้าร่วมเพราะเมื่อปีที่แล้วเห็นผ่านจากข่าวในโทรทัศน์ ด้วยความที่กล้องจับภาพลูกไฟได้ไม่ชัดเจนจึงไม่อาจบอกได้ว่าสิ่งที่เห็นคืออะไรกันแน่
ที่แน่ ๆ นอกจากอยากมาเห็นลูกไฟด้วยตาตัวเองผมยังอยากมาเปิดหูเปิดตาเผื่อมีโอกาสได้เจอพญานาคตัวจริง
ทว่าไม่รู้จะมีสิทธิ์ได้เห็นไหม เพราะสถานที่เฝ้าชมตามจุดต่าง ๆ รอบริมแม่น้ำโขงในจังหวัดหนองคายต่างมืดฟ้ามัวดินไปด้วยผู้คนจากทั่วทุกสารทิศ
ด้วยความที่อยากรับชมเพลินเพลินนั่งมองอย่างสบายอารมณ์ ผมจึงเริ่มออกเดินทางลัดเลาะริมแม่น้ำไปเรื่อย ๆ เผื่อจะเจอที่ว่างมองเห็นลูกไฟได้แบบไม่ต้องเบียดใคร
แต่หลังจากเดินห่างมาซักระยะก็ยังไม่เห็นที่ว่างใดเหมาะสมสำหรับการดูซะที หรืองานในปีนี้ผมควรกลับไปมองผ่านทางทีวีแบบเดิมจะดีกว่า
ไม่ซิ อย่าคิดแบบนั้น อุตส่าห์มาถึงถิ่นถ้าไม่เห็นกับตาคงน่าเสียดายแย่
เมื่อถกชนะความคิดในหัว ผมมองหาวิธีใหม่เพื่อสนองคำตอบในการแก้ปัญหา โชคดีที่คำตอบนั้นขับเคลื่อนผ่านมาพอดี
เพราะไม่รู้สถานที่ใดจะตอบโจทย์ความต้องการได้ผมจึงฝากชีวิตให้มอเตอร์ไซค์รับจ้างเป็นผู้กุมบังเหียนพาไปแทน
เราทั้งสองต่างฝ่าสายลมและผู้คนไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งผมนึกว่ามาถึงสถานที่ที่คนขับมอเตอร์ไซค์รับจ้างแนะนำ แต่เมื่อมองปลายทางตรงไปยังที่คนขับชี้ถึงได้เห็นว่ามีรอยประหลาดลากยาวมาจากแม่น้ำ
รอยดังกล่าวเกือบคล้ายเส้นตรงเหมือนตัวอะไรบางอย่างกำลังคลานขึ้นจากริมแม่น้ำมายังถนน
มันมีขนาดกว้างประมาณสองฝ่ามือ มีลายคล้ายเกล็ดดุจข้าวหลามตัดลากต่อ ๆ กัน
จากที่เห็นผมยังคิดไม่ออกว่าเป็นตัวอะไร จนได้ยินเสียงใกล้ ๆ ถึงรู้ว่าเป็นพญานาค
ผมอดคิดไม่ได้ว่าจริงเหรอ แต่จากท่าทางที่เห็นผ่านเจ้าของเสียงบ่งบอกฝังใจไปแล้วว่านี้คือรอยพญานาคตัวจริง
ผมลงจากมอเตอร์ไซค์พยายามถ่างตาสำรวจร่องรอยการเลื้อยคลาน แต่มันยากมากหากจะมองแบบละเอียดไม่มีไฟส่องให้เห็น ขณะเดียวกันคนขับที่พามาก็ตกตะลึงพรึงเพริดโทรไปแจ้งทั้งตำรวจและบรรดาญาติโกโหติกา
เสียดายที่ไหนสมัยนั้นโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบพกพายังไม่มีฟังก์ชันการทำงานอย่างกล้องถ่ายรูปหรือแสงแฟลชจากหน้าจอผมจึงทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าการก้มมองแบบหน้าชิดหวิดโดนโคลนในพื้นที่
เท่าที่มองคร่าว ๆ ไม่ว่าเป็นตัวอะไรก็ตามมันมีขนาดที่ใหญ่มากและน้ำหนักไม่เบาเช่นกัน จากการที่ผมลองวัดด้วยนิ้วมือตัวเองพบว่ามีความต่างจากรอยลึกสุดอยู่ที่ประมาณ 2 ข้อนิ้ว
และระยะทางที่โผล่ขึ้นจากแม่น้ำถึงขอบถนนยาวประมาณ 9 เมตรเห็นจะได้
ถึงจะมีหลักฐานชัดเห็นเต็มสองตาแต่สัญชาตญาณของผมเฝ้าบอกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง ถ้าพญานาคมีรูปร่างคล้ายงูจริงดังนั้นการเคลื่อนที่ก็ไม่น่าจะเป็นเส้นตรงแต่ควรจะคดเคี้ยวเหมือนการเลื้อยมากกว่า
ในตอนที่ผมกำลังครุ่นคิดในที่สุดก็มีคนอื่นโผล่มาร่วมสถานการณ์ด้วย ซึ่งแทนที่จะเป็นตำรวจมารายแรกเพราะคนขับมอเตอร์ไซค์โทรแจ้งก่อนใคร ไฉนเลยดันเป็นนักข่าวจากช่องเลขคี่ไปได้
เมื่อเป็นฝ่ายนำมาถึงก่อนนักข่าวและตากล้องจึงชิงบุกรายล้อมปิดสถานที่พบเห็นเหตุการณ์ ตามมาด้วยการถ่ายทอดสดพร้อมการสัมภาษณ์ผู้พบเห็นรายแรก ซึ่งตัวผมนั้นได้แต่ถอยฉากออกมายืนห่าง ๆ พร้อมกับเหล่าไทยมุงที่ไม่รู้โผล่มาจากไหน
เป็นอันว่าเพียงเวลาไม่นานหลังถ่ายทอดจบจากจุดที่ไม่ได้มีความสลักสำคัญอะไรเลยก็กลายเป็นสถานที่ฮือฮาเล่าปากต่อปากกล่าวถึงเหตุการณ์ที่พญานาคฝากรอยไว้ จนภายหลังถูกสร้างเป็นที่สักการะบูชาให้คนมากราบไหว้ขอพรตราบถึงปัจจุบันวันนี้
***เฉลยปม***
ขอย้อนกลับไปตอนที่นักข่าวกำลังสัมภาษณ์คนขับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง เมื่อเห็นว่าจะโดนไต่สวนเรียกไปสืบเสาะหาความจริงต่อหน้ากล้องผมจรลีหลบหนีข้ามไปอีกฝากของฝั่งถนนที่พบเห็นรอยพญานาค
ครั้นหนีมาได้เพราะเริ่มมีคนมาดูการทำข่าวสด ผมก็บังเอิญตาดีเห็นสิ่งที่พลาดไปตอนแรกจนได้
รถยนต์ดัดแปลงขนาดใหญ่ถูกจอดทิ้งไว้อย่างไม่มีใครแยแส ไม่ใช่เพราะรูปร่างดูสะดุดตาที่ทำให้ต้องมองแต่เป็นรอยโคลนเต็มล้อเกาะติดจนดูน่าสงสัย
ก่อนที่ความคิดในหัวจะได้รับการยืนยัน ผมเดินก้ม ๆ มอง ๆ เดินวนรอบรถจนครบคันจึงเห็นว่าโคลนแห้งกรังเน้นหนักจับยึดฝังฝั่งขวามากกว่าฝั่งซ้าย ทั้งยังเห็นไม้กระดานแผ่นยาววางอยู่ข้างใต้ขอบล้อ
เพียงเท่านี้ก็พอจะมั่นใจในข้อสันนิษฐาน แต่แค่นั้นคงยังไม่พอหากที่เหลือยังทำให้ผู้อ่านต้องสงสัย เพราะรอยข้าวหลามตัดที่เห็นคือลวดลายของล้อรถที่มีรูปทรงเดียวกัน
ซึ่งสิ่งสุดท้ายที่ตอกฝากโลงเปิดปูมความจริง คือตอนที่เจ้าของรถกลับมาเห็นผมพร้อมตัวช่วยรถลาก โดยเรื่องราวไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าการเผลอขับรถตกแม่น้ำแถมติดหล่มจนต้องเอาไม้กระดานมาใช้เป็นฐานให้รถขับออกมาได้
ดังนั้นจึงอธิบายได้ว่าทำไมรอยพญานาคถึงได้คลานตรงแน่วพร้อมฝากรอยที่มีเอกลักษณ์ไว้
แม้จะรู้เบื้องหลังของเบื้องหลังตอนนั้นผมก็ไม่กล้าเดินไปหานักข่าวเพื่อบอกความจริง
เพราะตอนที่ทุกคนให้ความสนใจกับรอยพญานาคฝั่งตรงข้าม ทางฝั่งที่ผมอยู่ก็มีแสงสีเขียวกำลังเรือนแสงลุกวาวสองดวงพร้อมกับลูกไฟที่โผล่พ้นน้ำลอยละลิ่วทะยานสู่ท้องฟ้ายามรัตติกาล

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา