6 ก.ย. 2020 เวลา 13:03 • ธุรกิจ
กลุ่มอสังหาฯมีลุ้น !
เมื่อแบงก์ชาติประกาศพิจารณายกเลิก LTV
ในช่วงที่เศรษฐกิจซบเซา แถมกำลังซื้อของประชาชนภายในประเทศของเรามีน้อยลงจากผลกระทบของ Covid-19 ที่ทำให้ตัวเลข GDP ของเกือบจะทุกประเทศนั้นหดตัวลดอย่างหนัก
โดยเฉพาะประเทศไทยเราที่มี “การท่องเที่ยว” เป็นฟันเฟืองหลักในการขับเคลื่อน GDP ปีนี้จึงเป็นปีที่อาจจะเหนื่อยและหนักสักหน่อยกับคนไทย
เพราะเมื่อนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติไม่สามารถเข้ามาจับจ่ายใช้สอยในประเทศเราได้ ทำให้อัตราการว่างงานเพิ่มสูงขึ้นเป็นเงาตามตัว และสุดท้ายจึงทำให้เรื่องของ NPL(หนี้เสีย) กลายมาเป็นความกังวลหลักในตอนนี้
และแน่นอนว่ากลุ่มธุรกิจ “อสังหาริมทรัพย์” ย่อมไม่ชอบสถานะการณ์แบบนี้ เพราะก่อนหน้านี้ก็ถือว่าซบเซามาสักระยะแถมยังต้องมาเจอกับวิกฤติในรอบนี้ซ้ำไปอีก ซึ่งปัญหาในปีพ.ศ. 2562 หรือปีที่แล้วของกลุ่มอสังหาฯก็คือมาตรการ LTV (Loan to Value)
ถ้าหากว่ามองไปตามจุดประสงค์ของผู้ออกกฎก็คือ ธปท. นั้นก็จะเข้าใจได้ว่า LTV ถูกปล่อยออกมาเพื่อลดฟองสบู่ในระบบอสังหาฯ เนื่องจากว่าก่อนหน้านั้นภาคการท่องเที่ยวของไทยมีการเติบโตขึ้นอย่างมากและส่งผลให้เศรษฐกิจโดยรวมดูดีไปด้วย แต่ในขณะเดียวกันก็เกิดการ “เก็งกำไร” ในคอนโดขึ้นอย่างหนัก
แต่ในอีกแง่มุมนึง LTV ก็เป็นมาตรการที่ส่งผลกระทบกับกลุ่มผู้พัฒนาอสังหาฯที่มีราคากลางๆ (ไม่เกิน 3 ล้านบาท) จนยอดขายในปีพ.ศ. 2562 ลดลงไปกว่า 10% และพอมาเจอโควิดก็ยิ่งติดลบหนักไปอีกที่ 30%
เพราะส่วนใหญ่แล้วกลุ่มลูกค้าของผู้พัฒนาอสังหาฯระดับกลางก็คือกลุ่มผู้ที่มีรายได้น้อย(แต่พอผ่อนไหว) และกลุ่มลูกค้าที่มีรายได้ปานกลาง (ที่ต้องการบ้านหลังที่สองหรือคอนโด) นั่นเอง
แต่ถึงอย่างไรแล้วเมื่อเดือนสิงหาคม 62 ทาง ธปท. ก็ได้มีการผ่อนคลายมาตรการให้ไปแล้วรอบแรก โดยจะไม่ได้จัด “ผู้กู้ร่วม” เข้าไปอยู่ในสัญญา ซึ่งก็จะทำให้ผู้กู้ร่วมสามารถไปซื้อบ้านได้โดยไม่ติด LTV
และต่อมาในเดือนมกราคม 63 ธปท. ก็ได้อนุมัติให้ผู้กู้สามารถกู้เพิ่มได้อีก 10% ในส่วนของ Additional loan เช่นเฟอร์นิเจอร์&ของตกแต่งบ้าน และในส่วนของบ้านที่มีราคาเกิน 10 ล้านบาทก็จะถูกปรับวงเงินกู้จากเดิมที่ 80% มาเป็น 90% ซึ่งก็หมายความว่าผู้ซื้อจะวางมัดจำถูกลงไปอีก 10% นั่นเองครับ
แต่หลังจากการผ่อนผันมาตรการ LTV แล้ว ทางกลุ่มผู้พัฒนาอสังหาฯ ก็ยังคงมีการเรียกร้องอย่างต่อเนื่อง ทำให้ล่าสุดทาง ธปท. ได้เปรยออกมาว่าจะทำการพิจารณายกเลิกมาตรการ LTV ตัวใหม่ที่มีผลบังคับใช้หลัง 1 เมษา 62 อยู่ในตอนนี้
ซึ่งก็เป็นประเด็นนี้เองที่ก็ทำให้หุ้นและธุรกิจในกลุ่มอสังหาฯมีลุ้นว่าจะได้รับประโยชน์ไปหากเกิดขึ้นจริง
เพราะถ้าลองสมมุติให้แบงก์ชาติปรับมาตรการ LTV ไปเหมือนก่อนวันที่ 1 เมษายน 62 แล้วล่ะก็ ยอดของCancellation rate จากกลุ่มผู้มีรายได้น้อยและปานกลางนั้นอาจจะกลับมา โดยข่าวนี้ก็จะไปส่งผลบวกต่อผู้พัฒนาอสังหาฯที่มีราคาระดับกลางๆอย่าง LPN, SPALI, PSH และ SENA
โดยเฉพาะ LPN ที่มีบ้านราคาต่ำกว่า 3 ล้านอยู่เกือบ 100% ของพอร์ท ซึ่งภาพรวมของกลุ่มอสังหาฯในตอนนี้ก็จะมีบ้านราคากลางๆอยู่ถึง 40% ของระบบ ดังนั้น “ถ้าหาก” ย้อนมาตรการ LTV กลับไป ยอดขายของกลุ่มนี้ก็น่าจะมีการปรับเพิ่มขึ้นมาได้ราวๆ 10% ซึ่งก็จะไปหักลบไปส่วนของยอด Cancellation rate ที่เพิ่มขึ้นมาได้
และจากรายละเอียดที่เราได้เล่าให้ฟังกันไปในวันนี้นั้นก็คือประเด็นที่ทำให้หุ้นใน “กลุ่มอสังหาฯ” เริ่มกลับมาเป็นที่จับตามองของตลาดกันอีกครั้ง หลังจากที่เกิดการซบเซามายาวนานตั้งแต่ปีที่แล้ว
สำหรับเพื่อนๆที่สนใจในหุ้นที่เราได้หยิบยกกันมาเป็นตัวอย่างในวันนี้ก็สามารถจดเอาไว้และเก็บเอาไปทำการบ้านกันต่อได้ แต่ถึงอย่างไรแล้วเรื่องการยกเลิกมาตรการ LTV ก็ยังไม่ได้เกิดขึ้นจริง ยังเป็นเพียงขั้นตอนของการพิจารณาอยู่ดังนั้นตรงนี้ก็จะถือว่าเป็นความเสี่ยงได้เหมือนกัน
งานนี้ ธปท. จะว่ายังไง ?
แล้วกลุ่มอสังหาฯจะฟื้นตัวได้มากน้อยแค่ไหนหากการพิจารณาในครั้งนี้เกิดขึ้นจริง ??
เรื่องนี้เราคงจะต้องมาติดตามไปพร้อมๆกัน
สวัสดีครับ...
⭐️กลับมาอีกแล้วว...รถด่วนขบวนสุดท้ายสำหรับห้อง VIP.หุ้น..TFEX สุด Exclusive By ทีมงานไก่จ๋า⭐️
เพียงแค่ท่านเปิดบัญชีกับเรา โดยมีผู้สนับสนุนใจดี
เปิดบัญชี TFEX สัญญาละ 25
หุ้นค่าคอม ล้านละ 500
.
.
สิทธิพิเศษลูกค้าใหม่ หุ้น& TFEX รับสิทธิเข้าห้องไลน์ VIP สุดพิเศษพร้อมแนะนำกลยุทธ์ทุกวัน ฟรี!!! ย้ำว่าฟรี‼️‼️
.
ด่วน!! จำนวนจำกัด...
กดได้เลย
โฆษณา