11 ก.ย. 2020 เวลา 15:16 • หุ้น & เศรษฐกิจ
⚠️ [BREAKING] ⚠️ Ray Dalio ยังคงโยกเงินเข้าซื้อ #ทองคำ และ #หุ้นจีน อย่างต่อเนื่องเพื่อกระจายความเสี่ยงของหุ้นสหรัฐ
📌 แล้วคุณล่ะ กระจายความเสี่ยงของพอร์ตคุณเองบ้างหรือยัง ?
นักลงทุนทุกท่านคงต้องรู้จัก Ray Dalio เป็นอย่างดีแล้วแน่นอน เขาผู้ก่อตั้งกองทุนเก็งกำไร (Hedge Fund) ที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง Bridgewater Associates และโดนจัดให้เป็นผู้ที่มีมุมมองในการลงทุนที่แหลมคนมากคนหนึ่งของโลก
เป็นโชคของนักลงทุนรายย่อยอย่างพวกเราที่ทางกฎหมายสหรัฐ 13F SEC Filing บังคับให้กองทุนที่มีมูลค่ามากกว่า 100 ล้านเหรียญขึ้นไปต้องรายงานหุ้นและสินทรัพย์ต่างๆทุกๆไตรมาส #ทำให้พวกเราสามารถเข้าไปดูได้ว่านักลงทุนระดับโลกเขากำลังเปลี่ยนแปลงการลงทุนของเขากันอย่างไรในเวลานี้
โดยหลังจากที่ได้เห็นการปรับพอร์ตครั้งล่าสุดของ Ray Dalio แล้วนั้น บอกได้เลยว่ามีจุดที่น่าสนใจอยู่ 2 จุด นั้นก็คือ Ray กำลังเข้าซื้อทองคำและหุ้นจีนเป็นจำนวนมาก !
📌 โดยไตรมาสที่ผ่านมากองทุนใหญ่ๆที่ Ray ได้เข้าซื้อมีดังนี้
1️⃣ SPDR Gold Shares (ทองคำ) - ซื้อ 600 ล้านเหรียญสหรัฐ (เพิ่ม +41.6%)
2️⃣ IAU / iShares Gold Trust (ทองคำ) - ซื้อ 100 ล้านเหรียญสหรัฐ (เพิ่ม +35.25%)
3️⃣ iShares China Large-Cap ETF (กองทุนหุ้นจีน) - ซื้อ 200 ล้านเหรียญสหรัฐ (เพิ่ม +717%)
4️⃣ iShares MSCI China ETF (กองทุนหุ้นจีน) - ซื้อ 150 ล้านเหรียญสหรัฐ (เพิ่ม +480%)
5️⃣ Vanguard Emerging Markets Stock Index Fund และ iShares Core MSCI Emerging Markets ETF - กองทุนหุ้นเอเชียที่มีหุ้นจีนเป็นหลักถึง 40%
6️⃣ นอกจากนั้นยังมีการซื้อหุ้นจีนรายตัวอย่าง Alibaba , Baidu, JD.Com, Netease , Pinduoduo อีกด้วยเงินจำนวนมาก ซึ่งน่าสนใจว่าหุ้นจีนเหล่านี้ทั้งหมดนั้นคือ #หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ดังๆของจีน
รายงาน 13F SEC Filing ของ Bridgewater Associates ในไตรมาส 2 แบบเต็มๆแนบไว้ให้ในคอมเม้นท์นะครับ คงเขียนครบทุกตัวไม่ได้เพราะยาวมากๆ
2
📌 ทำไม Ray ถึงเข้าซื้อทองคำและหุ้นจีนเป็นจำนวนมาก ?
การปรับพอร์ตของ Ray ครั้งนี้นั้นเป็นเสมือนการตอกย้ำว่าเขาพร้อมเดิมพันกับสิ่งที่เขาออกมาพูดกับสื่ออยู่ตลอดจริงๆ หรือ "put money where your mouth is" โดยทาง Ray ได้คอยย้ำกับพวกเรามาตลอด และทางเราก็คอยแชร์บทความสัมภาษณ์ของ Ray เรื่อยๆว่า
1
1️⃣ #ตลาดหุ้นสหรัฐอาจไม่เติบโตขึ้นอีกแล้ว ใน 10 ปีข้างหน้านี้ (Lost Decade)
Ray มองว่าโลกาภิวัตน์หรือ (Globalization) ซึ่งเคยเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกที่ใหญ่ที่สุดในช่วง 20-30 ปีที่ผ่านมากำลังจะหดตัวลง เพราะโรคระบาดที่รุนแรงทั่วโลกกำลังเร่งให้มีการเคลื่อนย้ายฐานการผลิตเป็นครั้งใหญ่ บริษัทและประเทศต่างๆกำลังเร่งจัดห่วงโซ่อุปทานในธุรกิจต่างๆโดย #มุ่งเน้นไปที่ความมั่นคงของประเทศและธุรกิจมากกว่าแค่เรื่องต้นทุนที่ถูกกว่า
1
ทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐที่เคยเติบโตอย่างก้าวกระโดดเพราะผลกำไรกำลังเติบโตได้ตามความคาดหวังจริงๆ แต่ในอนาคตต้นทุนที่กำลังสูงขึ้นจากการย้ายฐานการผลิตเหล่านี้ กำลังจะทำให้ผลกำไรของบริษัทไม่เติบโตได้เหมือนความคาดหวังเดิมอีกแล้ว #ราคาหุ้นนั้นซื้อขายบนความคาดหวังของกำไรในอนาคต ไม่ใช่แค่กำไรในปัจจุบัน เพราะฉะนั้นหากบริษัทต่างๆไม่สามารถทำกำไรในช่วง 10 ปีข้างหน้าได้เหมือนที่เคยคาดไว้ ราคาหุ้นอาจไม่กลับไปสูงกว่าระดับที่เราเคยเห็นอีกแล้ว
รายละเอียดบทความ Lost Decade แนบในคอมเม้นท์ครับ
2️⃣ #ค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐกำลังจะอ่อนค่ามากๆและเงินเฟ้อจะสูง ทำให้การลงทุนในทองคำเป็นการประกันความเสี่ยงที่ดี
อย่างที่เราทราบกันว่าในการที่สหรัฐจะสามารถเอาชนะวิกฤตไวรัสโควิดครั้งนี้ได้นั้น ทางธนาคารกลาง (FED) จะต้องพิมพ์เงินออกมามหาศาลและต้องคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐให้ต่ำไปอีกนาน ทั้ง 2 อย่างนี้จะทำให้ค่าเงินสหรัฐอ่อนค่าลงไปเรื่อยๆ และเงินเฟ้อจะสูงขึ้น ทำให้ Ray เลือกที่จะเพิ่มการลงทุนในทองคำ เพื่อเป็นทั้งการประกันความเสี่ยงและสร้างผลตอบแทนเพิ่มขึ้นด้วยหากว่าค่าเงินดอลล่าร์อ่อนค่าหนักจริงๆ
3️⃣ #จีนอาจมีสิทธิก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำโลกแทนสหรัฐ ?
5
ทาง Ray ได้เขียนหนังสือเรื่อง The Changing World order ออกมาอธิบายถึงเรื่องนี้ และคอยย้ำกับเรามาตลอดว่านับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 นั้น ทางสหรัฐก็ได้กลายเป็นผู้นำโลกคนเดียวอย่างชัดเจนมาโดยตลอด
แต่ในช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมาทางประเทศจีนได้เร่งพัฒนาทั้งเศรษฐกิจ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี จนกลายมาเป็นอีกหนึ่งประเทศมหาอำนาจที่พร้อมจะต่อสู้กับสหรัฐได้อย่างสมน้ำสมเนื้อมากขึ้นแล้ว และจากอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจปัจจุบันนั้น ทางจีนก็คงจะขึ้นแซงสหรัฐได้ในที่สุด ทำให้วันนี้ระเบียบโลก (World Order) กำลังเปลี่ยนไปและทางสหรัฐไม่ใช่ประเทศเดียวที่จะมีอิทธิพลเหนือทุกประเทศอย่างที่เคยเป็นอีกต่อไป ที่จะสามารถแก้ไขทุกปัญหาได้ตามใจอยาก
ทาง Ray มองว่าตลาดจีนนั้นมีโอกาสในการเติบโตสูง ถึงแม้ต่อให้จะขึ้นแซงสหรัฐไม่ได้ แต่การลงทุนในสหรัฐประเทศเดียวจนมากเกินไปนั้นคงเสี่ยงเกินไป
📌 Ray เป็นนักลงทุนที่ชอบกระจายความเสี่ยง #ทำให้พอร์ตของเขาสามารถโตได้ในทุกๆสถานการณ์
Ray นั้นโด่งดังมากกับการจัดพอร์ตในชื่อว่า All Weather Portfolio หรือพอร์ตที่สามารถต้านได้ทุกแรงลมแรงฝนต่างๆทั้งหมด โดยทาง Ray จะไม่เลือกที่จะลงทุนแต่ในหุ้นหรือตราสารหนี้เพียงอย่างเดียว แต่โดยปกติ Ray จะจัดสัดส่วนของพอร์ตเพื่อให้อยู่รอดได้ในทุกสถานการณ์ดังนี้
1
1️⃣ หุ้น 30%
2️⃣ ตราสารหนี้ระยะยาว 40%
3️⃣ ตราสารหนี้ระยะสั้น 15%
4️⃣ ทองคำ 7.5%
5️⃣ สินค้าโภคภัณฑ์ 7.5%
1
แต่ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันที่ดอกเบี้ยนั้นต่ำติดดิน ทาง Ray จึงเลือกที่จะกระจายความเสี่ยงออกจากตราสารหนี้เและเลือกที่จะเพิ่มสัดส่วนในทองคำและหุ้นจีนมากขึ้นด้วย
⛔️⛔️⛔️ #อย่าลืมนะครับ ทางสหรัฐตั้งกฏขึ้นมานักลงทุนระดับโลกต้องรายงานการซื้อขายสินทรัพย์ทั้งหมดเพื่อไม่ให้เป็นการเอาเปรียบนักลงทุนรายย่อย เขากำลังมอบโอกาสเหล่านี้มาอยู่ในมือพวกเราแล้ว
พวกเราควรจะปรับพอร์ตตามพวกเขากันบ้างไหมครับ ? ทุกท่านคิดอย่างไรลองแชร์ความเห็นกันมาได้เลยครับ
1
🙏 ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามเพจของเรานะครับ ฝากกด Like และ Share ให้แอดด้วยหากข้อมูลนี้มีประโยชน์ ขอบคุณมากๆครับ 😊
#ทันโลกกับTraderKP
โฆษณา