18 ก.ย. 2020 เวลา 05:12 • ประวัติศาสตร์
“Mercy Brown” คดีแวมไพร์ที่สร้างความตื่นตระหนกแห่งอเมริกา
หลายคนอาจจะเคยได้ชมภาพยนตร์หรืออ่านเรื่องราว นิยายเกี่ยวกับแวมไพร์มาบ้าง
แต่ในสมัยโบราณนั้น ผู้คนจำนวนมากเชื่อว่าแวมไพร์นั้นมีอยู่จริง และเกิดความวุ่นวายในสังคม
เรื่องนี้เริ่มต้นในปีค.ศ.1884 (พ.ศ.2427) ที่เมืองเล็กๆ ในสหรัฐอเมริกา เมื่อชาวนาที่ชื่อ “George Brown” ได้เสียภรรยาจากวัณโรค จากนั้นอีกสองปี ลูกสาวคนโตของเขาก็เสียชีวิตจากวัณโรคเช่นกัน
ไม่นานหลังจากนั้น ลูกชายของเขาก็ล้มป่วยจากวัณโรค ตามมาด้วยลูกสาวอีกคนที่ชื่อ “Mercy Brown” ก็ได้ตายจากวัณโรคเช่นกัน
ผู้ป่วยวัณโรคในศตวรรษที่ 19
ในเวลานั้น ความรู้ด้านการแพทย์ยังไม่ก้าวหน้า คนส่วนมากเชื่อว่าวัณโรคที่คร่าชีวิตคนจำนวนมาก เกิดจากไสยศาสตร์
ผู้คนในเมืองต่างเชื่อว่าสิ่งที่เกิดขึ้น เป็นฝีมือของหนึ่งในสมาชิกครอบครัว Brown ที่ตายไป ได้เป็นแวมไพร์ สูบพลังชีวิตของคนที่ยังอยู่ และเห็นควรให้ขุดศพขึ้นมาพิสูจน์
จากการขุดศพนั้น พบว่าศพของภรรยาและลูกสาวคนโตนั้นเน่า เหลือแต่กระดูกแล้ว ในขณะที่ศพของ Mercy Brown ยังคงมีสภาพดี ไม่เน่า ในหัวใจก็ยังมีเลือดอยู่ ทุกคนจึงมั่นใจว่า Mercy Brown นั้นเป็นแวมไพร์ มาสูบพลังชีวิตของคนในครอบครัว ถึงแม้ว่าแพทย์จะอธิบายว่า Mercy Brown ถูกฝังในฤดูหนาว ทำให้ศพมีสภาพดี แต่ก็ไม่มีใครฟัง
ได้มีการควักหัวใจและตับของ Mercy Brown ออกมา และนำไปเผา จากนั้นก็นำขี้เถ้าไปผสมกับยาบำรุงกำลัง และให้ลูกชายของ George Brown ดื่ม
แต่ลูกชายก็ไม่ได้มีอาการดีขึ้น และตายในอีกสองเดือนต่อมา
จากนั้น ต้องใช้เวลานานอีกหลายปีกว่าการแพทย์จะก้าวหน้า และผู้คนเริ่มจะเข้าใจว่าวัณโรคไม่ได้เกี่ยวอะไรกับไสยศาสตร์
ที่สำคัญ Mercy Brown ก็ไม่ใช่แวมไพร์อย่างที่หลายคนกล่าวหา
ว่ากันว่าเรื่องของ Mercy Brown ได้เป็นแรงบันดาลใจให้ “Bram Stoker” เขียนนิยายเรื่องดังอย่าง “Dracula” อีกด้วย
โฆษณา