Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Kid Positive
•
ติดตาม
19 ก.ย. 2020 เวลา 02:19 • ครอบครัว & เด็ก
สอนเด็กยังไง...ให้เด็กมีความคิดสร้างสร้างสรรค์ กล้าแสดงออกและมีความสุข
อันนี้เป็นตัวอย่างจากโรงเรียนของลูกแอดนะคะ
ในทุก ๆ เทอมอย่างน้อยคุณครูจะต้องมีงานชิ้นหนึ่งมาให้เด็ก ๆ ทำโดยบอกสั้น ๆ ว่า...จะให้นักเรียนมาพรีเซนต์งานหน้าห้อง สำหรับหัวข้อส่วนใหญ่มักจะให้เด็ก ๆ เลือกกันเอาเองว่าจะทำหัวข้อเรื่องอะไรก็ได้ที่ตัวเองชอบและให้ทำคำถามมาให้เพื่อน ๆ ตอบ 5 ข้อ โดยกำหนดระยะเวลาให้ 1 เดือน
แอดเห็นลูกแอดเวลาว่างก็มักจะนั่งขมีขมันอยู่ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ เดี๋ยวเงียบ....เดี๋ยวมีเสียงพิมพ์คอมก๊อกแก่ก....เดี๋ยวมีเสียงหัวเราะคิกคัก ทำเอาผู้ใหญ่อย่างเราอดชะเง้อคอมองด้วยความสงสัยไม่ได้ (ส่วนใหญ่ เด็ก ๆ จะทำงานกันเองค่ะ ไม่ได้ถามพ่อแม่อย่างเรานักเพราะคุณครูแนะนำมาจากโรงเรียนแล้วค่ะ)
พอครบกำหนดเวลาคุณครูก็จะให้เด็ก ๆ เลือกวันที่อยากจะมาพรีเซนต์งานหน้าห้องตามความสมัครใจในระยะเวลาที่กำหนด ใครจะพรีเซนต์ก่อนหรือหลังตามใจเด็กเลย ๆ ค่ะ เพราะเด็ก ๆ จะได้มีความเตรียมพร้อมและมีความมั่นใจอย่างเต็มที่
ก่อนถึงวันพรีเซนต์เด็กก็จะส่งไฟล์ข้อมูลงานผ่านอีเมล์ให้คุณครูฉบับหนึ่งก่อนเพื่อที่คุณครูจะได้ทราบว่าเด็กจะพูดเรื่องอะไร
เมื่อถึงวันพรีเซนต์งานเด็ก ๆ จะ save file งานแล้วนำเสนอผ่านจอโปรเจคเตอร์ให้เพื่อน ๆ ได้ดูกันอย่างทั่วถึงและชัดเจนค่ะ (การใช้จอโปรเจคเตอร์เสนองานนี้เด็กที่โรงเรียนทำกันตั้งแต่ชั้น ป.2-ป3 กันแล้วค่ะ)
เด็กบางคนพรีเซนต์งานเรื่องการกำเนิดถ่าน Duracell (วิทยาศาสตร์) เพราะสนใจเรื่องพลังงาน, เด็กบางคนพรีเซนต์เรื่องขนาดของ Lego (คณิตศาสตร์) เพราะชอบเล่น Lego, เด็กบางคนพรีเซนต์เรื่องดวงดาว (ดาราศาสตร์) เพราะสนใจเรื่องการเกิดของดวงดาว สิ่งมีชีวิตนอกโลกหรือบางคนก็พรีเซนต์เรื่องการเล่นเปียโน (ศิลปะดนตรี) โดยการบอกเล่าชีวะประวัตินักเปียโนก้องโลกอย่างโมสาร์ท บีโทเฟ่น เป็นต้น รวมถึงเรื่องเสียงของตัวโน๊ตต่าง ๆ แถมยังบรรเลงเพลงเปียโนเพราะ ๆ เป็นการปิดท้ายให้เพื่อน ๆ ฟังกันด้วยค่ะ
เด็ก ๆ ไม่รู้ตัวนะคะว่าตัวเองกำลังสนใจสาขาวิชาไหนหรือมีความสามารถอะไรเป็นพิเศษแต่ทุกครั้งของการพรีเซนต์งานคุณครูจะเก็บข้อมูลเอาไว้ค่ะ เพื่อที่จะได้ส่งเสริมเด็ก ๆ ให้ไปในทางที่ถูกต้องตามความสามารถของพวกเขา ขัอมูลพวกนี้จะมีตั้งแต่เริ่มเข้าเรียนจนกระทั่งถึงปีสุดท้ายเลยค่ะ
มีเด็กคนหนึ่งออกมาพรีเซนต์เรื่องประเทศไทยด้วยค่ะ เด็กคนนี้เป็นเด็กชาวดัตช์ที่ชอบเมืองไทยมาก ครอบครัวเด็กก็ชอบเมืองไทย เด็กคนนี้ชอบมวยไทย อาหารไทย วัฒนธรรมไทยและเคยมาประเทศไทยพร้อมครอบครัวหลายครั้งแล้วค่ะ ในการพรีเซนต์ครั้งนี้...เด็กคนนี้ได้พูดถึงคนไทยว่า เป็นคนสนุกสนาน มีอารมณ์ขันและใจดีค่ะ (น่ารักเนอะ...จากใจให้ 10 ไม่หักนะเออ อิ อิ อิ)
ส่วนลูกแอดก็เคยมีงานพรีเซนต์ประเทศไทยเหมือนกันตอนหัวข้อประเทศต่าง ๆ ในโลกนี้ โดยก่อนที่ภาพประเทศไทยจะขึ้นจอโปรเจคเตอร์เพื่อเริ่มทำการพรีเซนต์...จะมีกริ่งเสียงดังเรียกความสนใจจากเพื่อน ๆ ด้วยค่ะ...เล่นเอาซะเพื่อน ๆ ที่กำลังท้องตึงหนังตาหย่อนตกใจตื่นเลยและฮากันเอามาก ๆ เลยค่ะ ที่พอรู้ว่าเจ้าเสียงกริ่งนั้นคืออะไร
เสียงนั้นคือเสียงกริ่งประตูร้านสะดวกซื้อ 7-11 นั้นเอง... เด็กบางคนที่เคยมาเมืองไทยก็จะบอกว่าฉันจำเสียงนี้ได้ 555 ทำให้เพื่อนหลาย ๆ คนอยากจะขอออกมาช่วยเล่าเรื่องเมืองไทยบ้าง...เรียกว่าไม่ต้องไปจ้างพรีเซนเตอร์ที่ไหนมาช่วยโฆษณาการท่องเที่ยวไทยเลยนะเนี่ย (ช่างคิดจังน้อ เด็กหนอเด็ก)
แอดขอสรุปเรื่องการทำพรีเซนต์ของเด็กแบบคร่าว ๆ นะคะ
1. ฝึกเรื่องการรับผิดชอบค่ะ เด็ก ๆ จะวางตารางเวลาตัวเองว่า...ต้องทำอะไรบ้าง อะไรก่อน ทำอะไรหลัง, ต้องทำงานตั้งแต่ตอนไหนและจะต้องจบภายในวันไหน
2. มีความคิดสร้างสรรค์ เด็ก ๆ สามารถนำเสนอเรื่องราวที่ตัวเองสนใจได้ตามที่ตนเองเข้าใจ อยากจะทำและอยากจะนำเสนอได้อย่างอิสระค่ะ
3. ฝึกทักษะในการใช้ภาษาทั้งภาษาพูด ภาษาเขียน
4. ฝึกทักษะในการใช้คอมพิวเตอร์และโปรแกรมต่าง ๆ
5. สร้างความมั่นใจให้แก่เด็ก ๆ ทำให้เกิดการกล้าแสดงออก กล้าคิด กล้าตัดสินใจและกล้าเสนอความคิดเห็น เป็นต้น
6. เด็ก ๆ ยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น หากมีเพื่อน ๆ หรือคุณครูแนะนำว่าต้องปรับปรุงแก้ไขอะไรเพิ่มเติม ในรายงานขาดอะไรหรือมีอะไรที่ไม่ชัดเจน เป็นต้น
7. สร้างบุคลิกภาพให้มีความเป็นทั้งผู้นำ รวมถึงการเป็นคนที่มีเหตุผลและการเป็นผู้ฟังที่ดีไปโดยอัติโนมัติด้วยค่ะ
8. ความซื่อสัตย์ ในการทำงานเด็ก ๆ จะเรียนรู้ค้นคว้าด้วยตนเองผ่านหนังสือ อินเตอร์เนตแล้วเอามาเรียบเรียงเขียนตามความเข้าใจของตนเองค่ะ ไม่มีการ copy จาก google แล้วเอามาพูดตามเป็นนกขุนแก้วนกขุนทองนะคะ ในเมื่อครูบอกว่าเชื่อใจเด็ก ๆ ก็จะซื่อสัตย์กับการกระทำของตนเองเช่นกันค่ะ เพราะอะไรน่ะเหรอคะ....ก็เพราะมีคุณครูเป็นตัวอย่างที่ดีไง ถูกต้องไหมคะ
สำหร้บที่ประเทศไทยนะคะ หากโรงเรียนไหนที่ไม่มีเครื่องมือทางเทคโนโลยีเหมือนบางโรงเรียนแล้วสนใจจะนำการเรียนการสอนแบบนี้ไปประยุกต์สอนเด็กก็ได้เหมือนกันไม่มีเลยปัญหาค่ะ
เพราะเด็ก ๆ สามารถทำการค้นคว้าได้ด้วยตนเองที่ห้องสมุดได้ค่ะ เพียงแต่มีบรรณารักษ์หรือรุ่นพี่อาสาสมัครมาทำการจัดหนังสือในหมวดต่าง ๆ ให้ง่ายต่อการค้นหาหรือคอยให้คำแนะนำแก่เด็ก ๆ เมื่อต้องการความช่วยเหลือ...เพียงเท่านี้ก็ช่วยได้เยอะแล้วค่ะ
ส่วนหนังสือหากไม่เพียงพอก็ขอบริจาคจากผู้ปกครองหรือจากชุมชนก็ได้ค่ะ จะได้มีหลากหลาย
จริง ๆ แล้วในสมัยนี้เพียงแค่ทางโรงเรียนขอรับบริจาคหนังสือต่าง ๆ ผ่านสื่อโซเซียลหรือ Facebook แอดเชื่อว่าจะต้องมีคนที่มีหนังสือมือสองดี ๆ หรือคนที่เห็นคุณค่าการศึกษาของเด็ก ๆ มาร่วมบริจาคกันเป็นจำนวนไม่น้อยเลยล่ะค่ะ...ขอให้บอกเถอะ คนไทยมีน้ำใจไม่แพ้ชาติใดในโลกอยู่แล้ว จริงไหมล่ะคะ
ส่วนการพรีเซนต์งานสำหรับเด็ก ๆ ก็ทำกันหน้าชั้นแบบง่าย ๆ นั่นแหละค่ะ จะมีรูปภาพตัดแปะหรือวาดมาโชว์ด้วยหรือไม่ก็ไม่เป็นไรค่ะ งานนี้ไม่มีผิดมีถูก
ขอเพียงแต่ให้เด็ก ๆ สนุกกับงานที่ทำ โชว์พลังความกล้าในตัวเอง มีความคิดสร้างสรรค์ รู้จักฟังความคิดเห็นของผู้อื่น และที่สำคัญมีความซื่อสัตย์และมีความรับผิดชอบในงานที่ทำเพียงเท่านี้ก็ถือว่าการเรียนการสอนประสบความสำเร็จแล้วล่ะค่ะ จริงไหมคะเพื่อน ๆ
เพื่อน ๆ สามารถติดตามเรื่องราวอื่น ๆ เพิ่มเติมได้นะคะที่:
www.facebook.com/KidPositiveLifestyle
2 บันทึก
4
2
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
สร้างความมั่นใจในตนเอง...สไตล์เด็ก Dutch
2
4
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย