6 มี.ค. 2021 เวลา 06:36
จักรวาลเรื่องเล่าจากชมรมศิลป์ : #10
ความโดดเดี่ยวในเมืองใหญ่ กับความคาดหวังเพื่ออนาคต
ชีวิตในเมืองใหญ่ที่ไกลครอบครัวทำให้ผมใช้เวลาอยู่กับงาน พอถึงวันหยุดที่ไม่มีงานติดพันผมก็ต้องใช้เวลากับตัวเองจนเคยชิน เช่นเช้าวันอาทิตย์นี้ที่อากาศเย็นสบายและบรรยากาศของใบไม้ที่เปลี่ยนสีแบบนี้ ช่วงเวลาที่ดีสำหรับผมก่อนที่จะเข้าสู่บรรยากาศแบบเหงาของฤดูหนาวที่กำลังจะมาถึง
ผมแวะร้านกาแฟใกล้บ้านและสั่งเบเกิ้ลบรันซ์กับกาแฟร้อนๆ เป็นทั้งอาหารเช้าและกลางวันไปพร้อมกัน ที่นั่งริมหน้าต่างร้านทำให้ผมเห็นบรรยากาศข้างนอกร้านอย่างสบายๆ ภาพอาคารฝั่งตรงข้ามถนนของร้านเป็นตึกแถวทาสีแดงเป็นแนวยาวเด่นสะดุดตา แต่บรรยากาศบนถนนที่เคยคึกคัก เช้านี้กลับไร้ผู้คนและรถราเป็นภาพที่ไม่คุ้นตา
แต่จะแปลกอะไรสำหรับชีวิตคนเมือง ถึงจะมีผู้คนสัญจรเต็มถนน ต่างคนก็ต่างเดิน ไม่มีใครสนใจใคร ถนนที่มีคนเดินขวักไขว่กับถนนไร้ผู้คนจีงไม่ได้มีความหมายอะไรเมื่อทุกคนคือคนแปลกหน้าของกันและกัน
1
Early Sunday Morning - Edward Hopper (1930) : Whitney Museum of American Art, New York, US
'Cause now again I've found myself
So far down, away from the sun
That shines into the darkest place
I'm so far down, away from the sun again
Away from the sun again
"เพราะตอนนี้ฉันพบว่าตัวเองกำลังห่างไกล
จากแสงอาทิตย์ที่สาดส่องออกไปเรื่อยๆ
ไกลจากแสงที่สาดส่องเข้าไปในที่มืดที่สุด
ฉันอยู่ห่างไกลแสงจากดวงอาทิตย์อีกครั้ง
ห่างจากดวงอาทิตย์อีกครั้ง"
เสียงเพลงในร้านทำให้ผมหยุดคิดและหันกลับมามองภายในร้านกาแฟ มีลูกค้านั่งประปรายไม่กี่โต๊ะ แสงแดดที่ส่องผ่านกระจกสาดกระทบไปทั่วบริเวณช่วยขับสีส้มและเหลืองสดในร้าน ลดความรู้สึกที่สันโดษได้ดีทีเดียว เป็นเหตุผลหนึ่งที่ผมเลือกเข้ามาใช้บริการที่นี่บ่อยๆ
Chop Suey - Edward Hopper (1929) : Private collection
ภาพตรงหน้าทำให้ผมนึกถึงลูกค้าคนหนึ่งที่ผมได้สนทนาเมื่อไม่นาน เป็นที่รู้กันว่าเขานิยมสะสมผลงานของ Edward Hopper และศิลปินอีกหลายคน
"ผมเริ่มสนใจศิลปะตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย ตอนนั้นผมไปตามหอศิลปะของมหาวิทยาลัย พูดคุยกับเจ้าของผลงานต่างๆ นอกจากได้แนวคิดดีดีแล้วยังได้คุยแก้เหงาไปด้วย ส่วนใหญ่คนที่ผมคุยด้วยเป็นนักศึกษาแบบผม ทุกคนรอโอกาสให้คนมาเห็นความสามารถเช่นเดียวกับผม"
"พอผมเริ่มมีเงินจากการแสดง ผมนำเงินส่วนหนึ่งมาซื้อผลงานของศิลปินเหล่านี้ เพื่อเป็นการให้โอกาสกับเขาเหล่านั้นเช่นเดียวกับที่ผมได้รับโอกาสเล็กๆ จนมาเป็นผมที่มีชื่อเสียงในวันนี้ นั่นคือจุดเริ่มต้นการสะสมภาพวาดของผมครับ"
1
ตลอดเวลาที่เขาเล่าถึงตัวเอง ผมมองเขาอยู่ตลอดเวลาด้วยความทึ่ง สตีฟ เป็นชายในวัยหกสิบเศษที่มีใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มตลอดเวลา...ด้วยอาชีพของเขา
"ผมเคยมีชีวิตที่ต้องเดินทางไปแสดงตามเมืองต่างๆ บางครั้งผมมีเวลาว่าง แทนที่ผมจะใช้ชีวิตตามแหล่งบันเทิงแบบคนอื่นๆ ผมเลือกไปเดินเล่นตามหอศิลปะของมหาวิทยาลัยต่างๆ ในเมืองด้วยความเคยชิน"
"คุณเคยดูผลงานของนักศึกษาตามคณะศิลปกรรมต่างๆ หรือเปล่า ถ้าไม่เคยผมอยากแนะนำให้ลองไปนะครับ บางทีคุณอาจพบเพชรในตมได้มากมายในสถานที่แห่งนั้นก็ได้นะครับ"
"ภาพที่ผมซื้อเป็นภาพที่ผมรู้สึกชอบเท่านั้น และทุกวันนี้ผมก็ยังเลือกซื้อภาพจากความรู้สึกของตัวเองเป็นหลัก เชื่อหรือเปล่าครับศิลปินบางคนที่ผมเก็บสะสมผลงานเอาไว้ มาเริ่มเป็นที่รู้จักเพราะผมนำภาพผลงานของเขามาแสดงในนิทรรศการศิลปะของผม คงเป็นเหมือนโอกาสที่สองที่ผมสามารถช่วยศิลปินเหล่านี้ได้"
1
"แสดงว่าคุณสะสมภาพด้วยใจ ด้วยความรู้สึก ไม่ใช่ด้วยคุณค่าตัวเงินหรือครับ" ผมถามแทรกขึ้นด้วยความรู้สึกฉงน
สตีฟหัวเราะเสียงดัง แล้วตอบว่า "ภาพชิ้นแรกที่ผมซื้อมาจากร้านขายของเก่าในลอสแองเจลิส ตอนนั้นผมยังเป็นนักศึกษาอายุ 21 ปี พอเห็นภาพนี้ผมชอบความรู้สึกลึกลับของภาพ ผมจ่ายเงินไปประมาณ 750 เหรียญ ตอนนี้ถ้าผมปรับราคาตามอัตราเงินเฟ้อแล้ว ภาพนี้ก็มีมูลค่าประมาณ 750 เหรียญเท่านั้น คุณคิดว่าผมเลือกภาพเพราะตัวเงินหรือเปล่าครับ "
"เงิน 750 เหรียญในเวลานั้นสำหรับนักศึกษาอายุ 21 ปี ไม่ใช่จำนวนเล็กน้อยเลยครับ ผมซื้อเพราะมันเป็นภาพวาดที่ดีและดึงดูดผมมาก เหตุผลเดียวเท่านั้นเลยครับ"
Morning Sun - Edward Hopper (1952) : Columbus Museum of Art, Columbus, Ohio, US
"ผมมีข้อมูลว่าคุณนิยมสะสมภาพของ Edward Hopper ใช่หรือเปล่าครับ" ถ้าสตีฟเลือกภาพจากความชอบภายในของตัวเอง ก็คงไม่แปลกนักที่เขาจะสนใจผลงานของ Edward Hopper
"We are all Edward Hopper paintings " สตีฟตอบแบบมีนัย ตามสไตล์ของเขา
"อย่างที่ผมเล่านั่นแหละครับ แม้จะพบกับคนมากมาย แต่ทุกคนก็เหมือนคนแปลกหน้าซึ่งกันและกัน ผมและคุณก็เป็นคนหนึ่งในนั้น คุณเห็นด้วยหรือเปล่าล่ะ"
"ภาพของ Edward Hopper ไม่เพียงสะท้อนความโดดเดี่ยวของผู้คนในสังคมที่สภาพแวดล้อมทันสมัยเพียบพร้อมไม่ได้ช่วยให้ผู้คนมีความรู้สึกสุขไปกับมัน แต่ภาพของเขายังทำให้คนดูอย่างเราเกิดความรู้สึกเดียวกัน รวมถึงตัวของEdward ที่ภาพผลงานของเขาสะท้อนความรู้สึกโดดเดี่ยวภายในของเขาเช่นกัน"
1
"ถ้าคุณเคยได้ยินคำพูดของ Edward Hopper ที่ว่า ..If you could say it in words, there would be no reason to paint... คุณจะเข้าใจความหมายในภาพของเขาได้ทันที"
1
"นี่คือเหตุผลที่ทำให้ผมสนใจภาพของ Edward Hopper ผมก็เหมือนกับคนในภาพเหล่านั้นและผมก็เหมือนกันคนวาดภาพนั้นเช่นกัน"
Nighthawks, Edward Hopper (1942) : The Art Institute of Chicago, IL, USA - Friends of American Art Collection
สตีฟ หยุดนิ่งสักพักแล้วมองหน้าผมก่อนพูดว่า
"จากที่เราคุยกับ ผมรู้สึกว่าคุณมีอะไรบางอย่างคล้ายผมนะ มีเป้าหมาย เฝ้ารอโอกาส แต่รู้สึกโดดเดี่ยว แต่ผมคิดว่าคุณคงคว้าโอกาสของคุณไว้ได้แล้วล่ะ"
"จำไว้นะครับ ....
วันหนึ่งเมื่อถึงเวลาที่คุณสามารถมอบโอกาสให้กับคนอื่นบ้าง โอกาสเล็กที่คุณมอบออกไปจะมีคุณค่าสำหรับคนมากมายทีเดียว และอย่าลืมให้โอกาสกับตัวเองบ้างนะครับ"
1
"หากเราต้องแลกความสำเร็จด้วยเวลาทั้งหมดของชีวิต เมื่อถึงเวลานั้นความสำเร็จหรือเงินทองที่ได้เป็นเพียงแสงเพียงน้อยนิดที่ไม่สามารถช่วยดับความมืดให้เราหายโดดเดี่ยวได้เลย การเอาตัวเองออกจากความมืดหรือความโดดเดี่ยวทำได้ด้วยการให้โอกาสและให้เวลากับคนในครอบครัวและคนใกล้ตัวในทุกๆ วันให้มากครับ คุณจะได้ไม่ต้องมีอนาคตโดดเดี่ยวแบบผม"
"ขอโทษที่มาช้านะ" เสียงสดใสดังขึ้นแล้วร่างบางๆ ก็นั่งลงที่เก้าอี้ด้านข้างของผม แสงที่สาดกระทบตัวของอลิซ ทำให้เธอดูสว่างสดใสและรู้สึกอบอุ่น จนผมหยุดความคิดเรื่องสตีฟ "ไม่นานหรอก อลิซ กาแฟยังไม่หมดเลย" ผมตอบยิ้มๆ แบบอารมณ์ดี "ทานอะไรหรือเปล่า" อลิซยิ้มให้ผมแล้วลุกไปที่เคาน์เตอร์เพื่อสั่งอาหารและเครื่องดื่มด้วยตัวเธอเอง
อลิซถามขึ้นเมื่อเธอกลับมาที่โต๊ะ "วันนี้เราไปดูผลงานของ Edward Hopper กันดีมั๊ย"
คนส่วนใหญ่มักเสียใจกับอดีต กังวลกับอนาคต แต่ลืมไปว่าที่เดียวที่เขาสามารถสร้างอนาคตได้ คือ ปัจจุบัน
1
ให้โอกาสกับตัวเองในปัจจุบัน และ
ให้โอกาสกับคนอื่นบ้างนะครับ
2
จักรวาลเรื่องเล่าจากชมรมศิลป์ : ศิลปะกับการเงิน เริ่มจากการทดลองเขียนเรื่องสั้นตามคำแนะนำที่ได้รับจากคุณกู๊ด และ คุณเรื่องสั้นๆ ครับ โดยนำไอเดียเรื่องสั้นแนวศิลปะของพี่บี เพจให้เพลงพาไป มาเชื่อมโยงกับเรื่องการเงินพื้นฐาน แต่ละตอนถูกเขียนให้มีตัวละครที่เชื่อมโยงกัน แต่ทั้งหมดเป็นเหตุการณ์สมมุติเพื่อความบันเทิง อาจมีบางส่วนจากเรื่องราวหรือตัวตนของบางท่านที่นำมาใช้เป็นโครงของเรื่อง และเป็นมุมมองของผมซึ่งอาจยังไม่ถูกต้องครบถ้วน
ตัวละครและเรื่องราวทั้งหมดในเรื่องเป็นเหตุการณ์ที่สมมุติขึ้นโดยไม่ได้มีเจตนาจะลบหลู่หรือชี้นำใดๆ และบางส่วนอาจอิงข้อมูลที่ค้นจากแหล่งต่าง รวมทั้งการแต่งขึ้นตามจินตนาการที่ไม่เป็นจริงในประวัติศาสตร์ ผมขอขอบคุณที่มาของข้อมูล ภาพประกอบ เจ้าของประโยคข้อความต่างๆ และผู้ที่ถูกเชื่อมโยงทุกคนไว้ ณ ที่นี้ครับ
โฆษณา