23 ก.ย. 2020 เวลา 09:09
⭕ ฉันทำได้แค่แอบดูลุงข่มขืนแม่...
⭕ ความลับที่ต้องเก็บซ่อนมากว่า 20 ปี...
ย้อนกลับไปในวันที่ได้ทราบข่าวการเสียชีวิตของแม่ ในตอนนั้นฉันกำลังเรียนอยู่ในเมืองที่ห่างจากบ้านไปประมาณ 60 กม. ตอนที่ได้รู้ฉันหนาวยะเยือกไปทั้งตัวไม่อยากจะเชื่อว่ามันคือเรื่องจริงเพราะเมื่อวานแม่ยังโทรมาหาฉันอยู่เลย แต่น่าเสียดายที่เราคุยกันได้นิดเดียวสายก็ถูกตัด (ฉันอยู่ในเมืองเล็กๆแห่งหนึ่งในอินเดีย สมัยนั้นการสื่อสารทางโทรศัพท์ยังไม่เสถียรทำให้สายมันตัดอยู่บ่อยๆ)
1
ฉันรอให้แม่โทรกลับมาอีกครั้งเมื่อแม่โทรมาสัญญาณก็ไม่ดีทำให้เราต่างไม่ได้ยินเสียงของอีกฝ่าย ในตอนนั้นฉันคิดว่าเดี๋ยวไว้ค่อยโทรคุยกันใหม่ก็ได้ แต่แล้วมันก็ไม่เคยได้เกิดขึ้นอีกเลย...
1
เพราะในเช้าวันรุ่งขึ้นก็มีสายเรียกเข้าแจ้งข่าวการเสียชีวิตของแม่
ย้อนกลับไปก่อนหน้าที่แม่จะเสียชีวิตเพียง 1 ปี ก็มีเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้นกับแม่ซึ่งฉันไม่สามารถที่จะพูดกับใครได้เลยแม้แต่กับตัวแม่เอง...
📌ลุงข่มขืนแม่...
เหตุการณ์นี้มันเกิดขึ้นเมื่อปี 1999 ขณะที่ฉันอายุเพียง 13 ปี
สิ่งที่ฉันจำได้คือ คืนนั้น #ลุง พี่ชายของพ่อ ลงมือข่มขืนแม่ของฉันซึ่งหมดสติไปจากอาการชัก แม่ป่วยเป็นโรคลมชักทำให้มีอาการชักอยู่บ่อยครั้ง และเวลาที่ชักแม่ก็จะจำอะไรไม่ได้เลยหลังจากที่หมดสติซึ่งมันเป็นเวลาหลายชั่วโมง
มันเป็นคืนที่ฝนตกหนักทำให้ไฟฟ้าดับทั้งหมู่บ้าน มีคนอยู่ในบ้าน 5 คน ได้แก่ ฉัน น้องสาวของฉัน แม่ ย่า และลุง ส่วนพ่อซึ่งเป็นนักการเมืองท้องถิ่นเดินทางไปต่างเมือง ปู่อยู่ในร้านขายปุ๋ยที่อยู่หลังบ้านของเรา
ฉันจำได้ว่ามันเป็นฤดูหนาวหลังจากที่แม่ทำอาหารค่ำเสร็จก็ไปเตรียมที่นอนแต่ก็เกิดอาการชักขึ้นมาซะก่อน ตอนนั้นมีเสียงดังขึ้นในห้องโถงพอวิ่งเข้าไปดูก็พบว่าแม่นอนดิ้นอยู่ที่พื้น ฉันก็รีบวิ่งไปเรียกย่าที่อยู่ในห้องทางด้านหน้าของบ้าน
แม่เริ่มมีอาการชักมาตั้งแต่ฉันเด็กๆ จนเห็นอาการชักของแม่เป็นเรื่องปกติ แม้ว่าในขณะนั้นใบหน้าของแม่จะบิดเบี้ยวขนาดไหนฉันก็ไม่รู้สึกกลัว สิ่งที่จำได้เกี่ยวกับอาการชักของแม่ก็คือ แม่จะจำไม่ได้ว่าตอนนั้นมันเกิดอะไรขึ้นบ้าง เอาจริงๆ ฉันก็เคยรู้สึกรำคาญนะเพราะแม่ไม่เคยรู้เลยว่าทุกคนต้องพยายามที่จะช่วยแม่ในตอนที่มีอาการชักขนาดไหน
5
และในคืนนั้นก็เช่นกัน... ฉันรู้สึกไม่พอใจแม่เพราะทำเอาทุกคนวุ่นวายกันไปหมด
หลังจากที่วิ่งไปเรียกย่าแล้วย่าก็บอกให้ฉันไปตามลุงที่นั่งอยู่หน้าบ้าน เราทุกคน ฉัน ย่า และลุง มาช่วยกันอุ้มแม่ไปที่เตียงในขณะที่แม่ยังคงดิ้นและมีใบหน้าที่บิดเบี้ยว ความที่เป็นเด็กฉันไม่เคยสนใจอยากจะรู้เลยว่าภายใต้ใบหน้าที่บิดเบี้ยวแม่จะรู้สึกเจ็บปวดซักแค่ไหน...
2
เสื้อผ้าของแม่หลุดลุ่ยไปหมด ส่าหรีที่ตามปกติจะเอาพาดที่ไหล่ซ้ายมันก็หลุดออกจนเผยให้เห็นเสื้อที่อยู่ด้านใน ในขณะที่ฉันกำลังเอาส่าหรีขึ้นมาปิดลุงก็บอกให้หยุดแล้วเอามือมาวางไว้ที่บนไหล่ของแม่
1
หลังจากนั้นไม่นานอาการชักของแม่ก็สงบลง และนอนหมดสติอยู่บนเตียง ย่าจึงได้กลับไปที่ห้องเพื่อพักผ่อนพร้อมกับบอกให้ลุงคอยดูแลแม่ พอฉันบอกว่าจะอยู่เป็นเพื่อนแม่ด้วยคนลุงก็ไล่ให้ฉันออกนอกห้อง
ฉันเดินออกจากห้องด้วยความรู้สึกไม่เต็มใจเพราะอยากจะอยู่เป็นเพื่อนแม่มากกว่าพอเดินพ้นมาได้ไม่กี่ก้าวก็ได้ยินเสียงประตูห้องของแม่ปิดพร้อมกับเสียงลงกลอนประตู ฉันรีบวิ่งกลับไปพร้อมกับทุบประตู ลุงยังคงอยู่กับแม่ที่หมดสติภายในห้อง
ฉันยังเด็กเกินกว่าที่จะเข้าใจว่าเจตนาของลุงคืออะไรกันแน่ แต่ก็ไม่ได้ไร้เดียงสาซะจนไม่รู้ว่ากำลังจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับแม่ ฉันเริ่มทุบประตูดังขึ้นแต่ก็ไม่เป็นผลจึงได้ส่งเสียงร้องเรียกแต่ก็ไม่มีการตอบรับใดๆ คราวนี้ฉันนึกขึ้นได้ว่าประตูห้องแม่มันจะมีรูเล็กๆ ที่สามารถส่องดูจากด้านนอกได้บ้าง เลยตัดสินใจส่องดูภายในฉันเห็นลุงกำลังทำอะไรบางอย่างกับร่างกายของแม่
5
พอเห็นแบบนั้นฉันก็รีบวิ่งกลับไปที่ห้องของย่าพร้อมกับบอกว่า #ลุงกำลังทำอะไรบางอย่างกับแม่ของฉัน (ในตอนนั้นฉันไม่รู้จริงๆ ว่าสิ่งที่เห็นมันคือการข่มขืน) ย่ากลับยักไหล่แล้วบอกให้ฉันไปนอนเพราะมันดึกแล้ว พอหมดหวังจากย่าฉันก็วิ่งกลับไปที่ห้องของแม่อีกครั้งแล้วลงมือทุบประตู แต่ลุงไม่สนใจเสียงร้องเรียกของฉันแต่กลับลงมือข่มขืนแม่ต่อไป
2
ฉันทำได้เพียงมองดูทุกอย่างผ่านรูขณะที่น้ำตาไหลอาบแก้ม...
2
หลังจากนั้นลุงก็ออกจากห้องแล้วเดินจากไป ส่วนแม่ก็เริ่มรู้สึกตัวหลังจากนั้นไม่นาน แต่แม่ไม่รู้ตัวว่าเมื่อครู่มันเกิดอะไรขึ้น ตอนนั้นฉันนั่งอยู่ที่พื้นด้านล่างข้างๆ เตียง พอแม่ลุกขึ้นแล้วมองมาก็พบว่าฉันกำลังร้องไห้พร้อมกับถามว่าเป็นอะไร ฉันไม่ตอบเพราะความรู้สึกในตอนนี้มันมาจุกอยู่ที่อก แม่ถามฉันว่าหิวไหม ถึงตอนนี้ฉันก็ได้แต่หันหน้าไปทางอื่นเพราะเริ่มจะกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ไหว แม่เอามือมาลูบหัวแล้วบอกให้ขึ้นไปนั่งบนเตียงด้วยกัน
2
นับตั้งแต่คืนนั้นฉันก็ไม่รู้สึกรำคาญแม่อีกต่อไปเวลาที่เกิดอาการชัก แต่กลับรู้สึกยิ่งเห็นใจมากขึ้นกว่าเดิม
1
วันรุ่งขึ้นเมื่อพ่อกลับบ้านชีวิตก็เข้าสู่โหมดปกติ แม่เข้าครัวทำอาหารให้กับทุกคน ย่าดูโทรทัศน์อยู่ที่ห้องโถง ส่วนลุงกลับไปที่ร้านขายปุ๋ย น้องสาวของฉันเตรียมตัวไปโรงเรียน ขณะที่ฉันพยายามที่จะหลีกเลี่ยงการสบตากับพ่อเพราะกลัวตัวเองจะทนไม่ไหวร้องไห้ออกมาแล้วทุกอย่างจะแย่ลง
พ่อเป็นคนที่อารมณ์ร้าย ฉันรู้ดีว่าหากบอกว่ามันเกิดอะไรขึ้นเมื่อคืน พ่อคงจะฆ่าลุงและอาจจะทำร้ายแม่ด้วย จึงเลือกที่จะไม่พูดออกไป
1
ในวันที่ 30 สิงหาคม ปี 2000 เป็นวันที่แม่เสียชีวิต สมาชิกในครอบครัวจะต้องแสดงความเคารพผู้ตายเป็นครั้งสุดท้าย เมื่อลุงกำลังจะเอาน้ำรดบนศพของแม่ฉันก็แย่งเอาหม้อที่บรรจุน้ำรดศพมาจากลุงแล้วโยนมันไปที่ด้านหลัง การกระทำของฉันทำให้ทุกคนตกใจแต่ก็ไม่มีใครถามถึงเหตุผล
หลังจากที่แม่เสียชีวิตฉันพยายามที่จะสลัดความทรงจำในคืนนั้นออกไปแต่ยิ่งพยามจะลืมเท่าไหร่มันกลับยิ่งจำมากขึ้นเท่านั้น กลางคืนฉันต้องฝันร้ายซ้ำๆ เกี่ยวกับแม่ ไม่มีใครรู้เลยว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในคืนนั้นมันได้เปลี่ยนแปลงฉันไปตลอดกาล
1
ขณะนี้ฉันอายุ 34 ปีใช้เวลากว่า 20 ปีในการพยายามที่จะรับมือกับความขมขื่นที่ได้รับ สิ่งที่เกิดขึ้นมันทำให้ฉันเป็นคนหวาดกลัวและระแวงผู้ชาย ทำให้ไม่กล้าจะมีความรักแบบหนุ่มสาว กลายเป็นคนเก็บตัวชอบอยู่เงียบๆ คนเดียว
1
ฉันรู้สึกเสียใจที่แม่ตายไปโดยไม่เคยได้รับความยุติธรรมในสิ่งที่เธอถูกกระทำเลย ฉันอึดอัดเหลือเกิน... ตลอด 20 ปีที่ผ่านมาไม่สามารถที่จะพูดหรือบอกกับใครได้ แต่ในวันนี้ที่ฉันเลือกที่จะออกมาเล่าให้ทุกคนฟังก็เพื่ออยากที่จะบอกให้ทุกคนได้รู้
2
นับจากพรุ่งนี้ไป... ทุกคนที่รู้จักแม่จะได้รับรู้ว่าแม่โดนใครกระทำขณะที่ไม่มีสติรับรู้ใดๆ และคนๆนั้นก็ไม่ใช่ใครที่ไหนเลย...
ขอให้ฉันผ่านช่วงเวลานี้ไปได้ด้วยดี...
อวยพรให้ฉันด้วย...
2
#เรื่องสยองขวัญกับคดีฆาตกรรม
By... ❤️#แอดมิ้นท์❤️
ที่มา :
โฆษณา