25 ก.ย. 2020 เวลา 01:00 • ประวัติศาสตร์
“ราชินีซีโนเบีย (Zenobia)” ราชินีนักรบแห่งตะวันออกกลาง
“ราชินีซีโนเบีย (Zenobia)” เป็นราชินีแห่ง “จักรวรรดิพาลไมรีน (Palmyrene Empire)” ตั้งแต่ค.ศ.267-272 (พ.ศ.810-815)
5
ตลอดรัชสมัยของพระองค์ พระองค์สามารถขยายอาณาเขต ตั้งแต่ดินแดนที่ปัจจุบันคือประเทศอิรัก ไปจนถึงตุรกีและอียิปต์
สำหรับพระราชประวัติในช่วงต้น พระราชบิดาและพระราชมารดาของพระองค์คือใคร ไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด แต่เชื่อว่าพระองค์เกิดมาในตระกูลเจ้า และอาจจะเป็นเชื้อสายของ “พระนางคลีโอพัตรา (Cleopatra)” ราชินีแห่งอียิปต์ก็เป็นได้
1
พระนางคลีโอพัตรา (Cleopatra)
พระองค์ได้อภิเษกสมรสกับ “พระเจ้าโอเดนาธุส (Odaenathus)” กษัตริย์แห่งจักรวรรดิพาลไมรีน และมีพระราชโอรส คือ “เจ้าชายวาบาลลาธุส (Vaballathus)” ซึ่งภายหลัง เจ้าชายวาบาลลาธุสได้ขึ้นครองราชย์
ในเวลานั้น จักรวรรดิพาลไมรีนนั้นด้อยกว่าจักรวรรดิโรมัน พระเจ้าโอเดนาธุสจึงต้องทรงรักษาสัมพันธ์ที่ดีกับจักรวรรดิโรมัน โดยยอมให้จักรวรรดิพาลไมรีนเป็นดินแดนกึ่งกลางระหว่างจักรวรรดิโรมันและจักรวรรดิเปอร์เซีย
ในเวลานั้น จักรวรรดิโรมันไม่ค่อยถูกกับพวกเปอร์เซียนัก เนื่องจากเปอร์เซียสามารถเข้าออกเส้นทางการค้าด้านตะวันออกของโรมได้อย่างสะดวก
ค.ศ.260 (พ.ศ.803) จักรวรรดิโรมันได้ทำสงครามกับเปอร์เซีย แต่ก็พ่ายแพ้ พระเจ้าโอเดนาธุสจึงเข้ารบกับเปอร์เซีย และก็ชนะ สามารถขับไล่เปอร์เซียออกไปจากซีเรียได้
ชัยชนะของพระเจ้าโอเดนาธุส สร้างความพอใจให้จักรวรรดิโรมันเป็นอย่างมาก จึงได้มีการแต่งตั้งพระเจ้าโอเดนาธุสเป็นข้าหลวงประจำดินแดนฝั่งตะวันออกของจักรวรรดิโรมัน
แต่คืนวันที่รุ่งเรืองของพระเจ้าโอเดนาธุสนั้นอยู่ได้ไม่นาน พระองค์และพระราชโอรสองค์ใหญ่ก็ได้ถูกปลงพระชนม์ในปีค.ศ.267 (พ.ศ.810) เจ้าชายวาบาลลาธุสจึงได้เป็นกษัตริย์องค์ต่อไป
แต่ในเวลานั้น เจ้าชายวาบาลลาธุสยังทรงพระเยาว์ พระนางซีโนเบียจึงเป็นผู้สำเร็จราชการ ปกครองอาณาจักรพาลไมรีนแทนพระราชโอรส
ในช่วงแรกของรัชสมัยของราชินีซีโนเบีย พระองค์ก็ยังคงนอบน้อมต่ออาณาจักรโรมัน หากแต่ในเวลาต่อมา อาณาจักรโรมันมีปัญหาภายใน เกิดความขัดแย้งภายในอาณาจักร พระองค์จึงทรงใช้โอกาสนี้ขยายอาณาจักรของพระองค์
ค.ศ.269 (พ.ศ.812) ราชินีซีโนเบียได้พัฒนากองทัพ ก่อนที่ในปีค.ศ.270 (พ.ศ.813) พระองค์จะทรงตัดสัมพันธไมตรีและเข้ายึดครองดินแดนต่างๆ ของอาณาจักรโรมัน
พระองค์ได้บุกยึดครองอียิปต์ ก่อนที่จะเอาชนะกองทัพโรมัน และมุ่งความสนพระทัยไปยังเอเชียน้อยและฟินิเชีย
ราชินีซีโนเบียทรงใช้อำนาจที่มีในหลากหลายวิธี ซึ่งเป็นการช่วยรักษาฐานอำนาจของพระองค์ และในที่สุด เมื่ออียิปต์ เอเชียน้อย และดินแดนทางตะวันออกของชายฝั่งทะเลเมดิเตอเรเนียนตกเป็นของพระองค์ พระองค์ก็ทรงตัดความสัมพันธ์กับอาณาจักรโรมันอย่างเป็นทางการ ได้มีการประกาศอิสรภาพ และพระองค์ก็ทรงแต่งตั้งองค์เองเป็นจักรพรรดินี
ค.ศ.271 (พ.ศ.814) “จักรพรรดิออเรเลียน (Aurelian)” ผู้ปกครองอาณาจักรโรมัน ทรงตั้งพระทัยจะเอาชนะราชินีซีโนเบีย และยึดครองดินแดนที่เคยเป็นของพระองค์กลับมาให้ได้ พระองค์จึงทรงมีรับสั่งให้นำกองทหารที่แข็งแกร่งที่สุด เข้ารบกับกองทัพของราชินีซีโนเบียในปีค.ศ.272 (พ.ศ.815)
กองทัพของจักรพรรดิออเรเลียนมีกำลังคนมากกว่ากองทัพของราชินีซีโนเบีย ทำให้ราชินีซีโนเบียต้องถอยทัพ ก่อนที่กองทัพของจักรพรรดิออเรเลียนจะบุกมาซ้ำอีกครั้ง และสามารถเอาชนะกองทัพของราชินีซีโนเบียได้
ราชินีซีโนเบียต้องถอยไปยังดินแดนของพระองค์ แต่ก่อนจะถึงดินแดนของพระองค์ พระองค์ก็ทรงพบว่ากองทัพของจักรพรรดิออเรเลียนได้ล้อมดินแดนของพระองค์ไว้หมดแล้ว พระองค์จึงต้องหนีไปเปอร์เซีย หากแต่ก็ถูกจับได้ระหว่างทาง และถูกนำไปถวายจักรพรรดิออเรเลียน
เหตุการณ์หลังจากนั้นก็มีการกล่าวถึงแตกต่างกันออกไป บ้างก็ว่าพระองค์ถูกจักรพรรดิออเรเลียนนำองค์ไปแห่ประจานทั่วเมือง บ้างก็ว่าพระองค์ทรงอดอาหารหรือปลงพระชนม์เองก่อนจะถึงกรุงโรม
แต่ไม่ว่าจุดจบของพระองค์จะเป็นอย่างไร แต่พระองค์ก็ได้ฝากพระนามไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ ในฐานะราชินีนักรบผู้ห้าวหาญ
โฆษณา