25 ก.ย. 2020 เวลา 14:54 • บันเทิง
☄️ขุนช้างขุนแผน ฉบับอ่านเอง ☄️ ตอนที่ 4
“☀️นางพิมเปลื้องผ้าทับทิมถวายกัณฑ์เทศน์”☀️
เรื่องขุนช้างขุนแผน เป็นเรื่องเล่า
ที่ขับเสภาส่งทอดต่อๆกันมา เป็นที่นิยมมานาน เพราะ เป็นเรื่องใกล้ตัว ชีวิตประจำวัน อาชีพ ความเชื่อ ขนบประเพณี ที่บรรยายไว้ละเอียดถี่ถ้วนมาก ทุกแง่ทุกมุม
ไม่เว้นแม้เรื่องการหาคู่ครอง
ขนบในการหาคู่ครอง เพื่อแต่งงานในสมัยอยุธยานั้นหนุ่มสาว ไม่มีทางที่จะได้พบปะพูดคุยกันได้ง่ายๆเหมือนสมัยนี้
ถ้าชายหนุ่มได้ยินว่ามีสาวอยู่บ้านไหน ก็อาจจะได้แต่เงี่ยหูฟังเสียงตำน้ำพริกว่าเป็นอย่างไร ขยันขันแข็งไหม ไม่รู้จะหาทางเข้าไปคุยด้วยอย่างไร
อย่างดีก็จะมีแม่สื่อแม่ชัก ทำหน้าที่มาบรรยายสรรพคุณของสาวที่หมายปองให้ฟัง นัดไปดูตัวกันในงานนักขัตฤกษ์ในวัด ถ้าหนุ่มชอบใจก็จะส่งผู้ใหญ่ไปสู่ขอ ถ้าฝ่ายหญิงไม่ขัดข้องก็จัดงานแต่งงานกันไป
ในเรื่องขุนช้างขุนแผน ว่าที่จริงแล้วก็มีเรื่องราวไม่ค่อยจะถูกขนบเท่าไรหรอกค่ะ ตอนที่ผิดศีลธรรมและผิดประเพณีก็คงจะมีอยู่ แต่เราไม่รู้เพราะไม่ได้อยู่ในแบบเรียนสมัยประถมมัธยมค่ะ😀...
บทเรียนวรรณคดีก็จะคัดเลือกตอนที่ภาษางดงาม และเป็นแบบอย่างที่ดีสำหรับเยาวชน 😊
บทต่อไปนี้ก็จะอยู่นอกแบบเรียนแล้วนะคะ....เป็นตอนที่เขาไม่ให้เด็กอ่านกันค่ะ😀
นอกขนบข้อแรก ☄️คือ ตัวพลายแก้วพบกับพิมพิลาไลยตอนเป็นสาวโดยบังเอิญ ขณะที่บวชเป็นเณร ไม่ได้มีใครมาชักนำให้ ก็รู้สึกรักใคร่ขึ้นมาทันที
ตัวนางพิมเอง ก็น่าจะมีจิตใจเอนเอียงตั้งแต่แรกพบประสบตาในวันสงกรานต์ (ไม่เช่นนั้นจะแกล้งตักกับข้าวให้มากๆเพื่อให้เณรเงยหน้าขึ้นมามองทำไม..) ต่างคนต่างผูกสมัครรักกันเองว่าอย่างนั้นเถอะ!
ในงานบุญเดือน สิบ มีเทศน์มหาชาติ
ที่บ้านพิมเป็นเจ้าภาพกัณฑ์มัทรี
เณรแก้วเทศน์กัณฑ์มัทรี แทนท่านสมภาร วัดป่าเลไลยก์
เมื่อถึงเวลา เจ้าอาวาสผู้จะต้องขึ้นเทศน์กัณฑ์มัทรี เกิดอาพาธกระทันหัน จึงวานให้เณรแก้วขึ้นเทศน์แทน เณรแก้วจึง...
“🚩ให้เณรอ้นเดินนำแบกคัมภีร์
มาจากกุฎีถึงศาลา
นั่งต่ำมากว่าสงฆ์สำรวมกาย
ชม้ายเห็นเจ้าพิมผู้นิ่มหน้า
พิมน้อยพอชม้อยไปปะตา
อายหน้าก้มนิ่งอยู่ในที
เณรพลายจึงร่ายละลวยซ้ำ
ประจำจิตรประสมเนตรวิเศษศรี
กำลังมนตร์ดลพิมให้ยินดี
ไม่ขาดที่จะแลล่อไปต่อตา
พอสบพักตร์เณรพยักให้ทันใด
ด้วยน้ำใจผูกพันกระสันหา”🚩
เณรเริ่มทดลองใช้วิชาที่ร่ำเรียนมาเลยค่ะ ร่ายมนต์ละลวย แล้วพูดคุยถามไถ่ว่า ที่ท่านสมภารอาพาธ มาเทศน์ไม่ได้ ให้เณรแก้วมาแทน เจ้าของกัณฑ์จะว่าอะไรไหม พิมก็ตอบว่า เชิญขึ้นเทศน์ได้เจ้าค่ะ
เณรแก้วก็เริ่มเทศน์ได้ไพเราะจับใจคนฟังเช่นเคย ทุกคนนั่งนิ่งฟังเทศน์มหาชาติกัณฑ์มัทรีอย่างตั้งอกตั้งใจ เคลิ้มไปกับเสียงทุ้มกังวานของเณรแก้ว
1
🌿”มือจับหนังสือถือประคอง
อ่านต้องตามบทจุณณีย์
จนถึงแทบทางพระนางคลา
พบพระยาพยัคฆราชสีห์
นางชะอ้อนวอนขอจรลี
จนราตรีแจ่มแจ้งด้วยแสงจันทร์
ถึงอาศรมอารมณ์ให้เยือกเย็น
ด้วยไม่เห็นพระลูกผู้จอมขวัญ
ทรงกันแสงโศกาจาบัลย์
เสด็จดั้นด้นตามพระลูกยา
สัปปุรุษหญิงชายครั้นได้ฟัง
เสียงสาธุดังขึ้นพร้อมหน้า
ทุกคนดลใจให้ศรัทธา
นางพิมเปลื้องผ้าทับทิมพลัน
จีบจบคำรบถ้วนสามที
ยินดีวางลงในพานนั่น”🌿
นางพิมได้ฟังเทศน์น้ำเสียงเณรแก้วไพเราะจับใจ ถึงกับเปลื้องผ้าทับทิม ซึ่งเป็นสไบที่ห่มอยู่ออกมาพับใส่พานบูชากัณฑ์เทศน์ ด้วยความศรัทธา
การห่มสไบเฉียง
ตอนที่แล้วที่บรรยายการนุ่งห่มของนางพิมว่า
“ชั้นในห่มสไบชมพูนิ่ม สีทับทิมชั้นนอกดูเฉิดฉาย” ตรงนี้ได้ไปอ่านที่ ท่านหม่อมคึกฤทธิ์ เขียนไว้ในหนังสือ “ขุนช้างขุนแผน ฉบับอ่านใหม่” หน้า 54-55 ท่านเขียนอธิบายว่า
“ผ้าห่มชั้นในของนางพิมเป็นแพรสีชมพูนิ่ม ห่มเข้าเนื้อเข้าตัว อาจห่มแล้วเหน็บแน่นเข้ารอบตัว เหมือนกับยกทรงก็ได้ ส่วนผ้าห่มชั้นนอกสีทับทิมนั้น เปรียบเสมือนเสื้อที่ใส่ทับชั้นใน ห่มสไบเฉียง”
ที่นางพิม “เปลื้องผ้าทับทิม” ก็น่าจะเป็นการเปลื้องผ้าห่มสไบเฉียงชั้นนอกที่เป็นสีทับทิม
แล้ว ก็เหลือแต่ผ้าห่มชั้นในที่เป็นแพรแนบเนื้อเหมือนกับยกทรง
แค่อ่านก็ยังหวั่นไหวแล้วค่ะ นางช่างกล้าหาญชาญชัยเสียนี่กระไร เปลื้องผ้ากันกลางศาลาเลยหรือ?
แต่หม่อมคึกฤทธิ์ท่านกลับอธิบายว่า
“เพราะฉะนั้นเมื่อนางพิมเอาแพรสีชมพู ซึ่งอยู่ชั้นในพับใส่พานไปถวายเป็นกัณฑ์เทศน์นั้น นางพิมนั่งทำอยู่กลางศาลามีคนนั่งอยู่เป็นร้อย การที่จะผลัดผ้าห่มชั้นในเอาออกใส่พานได้นั้น จึงเป็นการกระทำที่ล่อแหลม ต้องใช้ความชำนาญมาก แต่นางพิมก็สามารถทำได้โดยไม่อุจาดบาดตาใคร”
อ่านแล้วพี่เขียนเข้าใจว่า พิมถอดผ้าสีทับทิมชั้นนอกนะคะ ไม่ใช่ สไบชมพูข้างใน
ดูตามภาพวาดที่ระเบียงคดของวัดป่าเลไลยก์ข้างล่างนี้ ก็เป็นสไบชั้นนอกที่นางพิมวางบนพานถวายบูชากัณฑ์เทศน์ เหลือแพรชั้นในพันอยู่รอบอก
นางพิมถวายผ้าสไบสีทับทิม ขุนช้างถวายผ้ากรอง
ขุนช้างที่นั่งอยู่ใกล้ๆ เพราะเป็นเจ้าภาพกัณฑ์กุมาร เห็นดังนั้นก็ปลดผ้ากรองคล้องคอ ออกวางเคียงกับผ้าของพิม อธิษฐานว่าขอให้ได้ คู่เคียงกับผ้าทับทิมต่อจากนี้ไปเถิด
นางพิมโกรธขุนช้างมากที่ทำเช่นนั้น เรียกข้าทาสหยิบพานข้ามหัวขุนช้างออกจากศาลาไป
🌿ครานั้นจึงโฉมเจ้าเณรแก้ว
สีกาพิมไปแล้วให้ป่วนปั่น
ด้วยความรักตรึงจิตรคิดผูกพัน
ก็ตัดบั่นหั่นข้ามเนื้อความไป
อ่านคาถาว่าครบพอจบบาท
ก็จบเทศน์ลงธรรมาสน์หาช้าไม่🌿
นางพิมไปแล้วเณรแก้วไม่เป็นอันเทศน์ต่อล่ะค่ะ รีบรวบรัดแล้วจบการเทศน์โดยเร็ว กลับไปที่กุฏิก็เฝ้าเวียนแต่คิดถึงนางพิม
“🌿ดึกกำดัดลมพัดมาอ่อนอ่อน
พระจันทรแสงสว่างกระจ่างไข
เงียบสงัดทั้งวัดป่าเลไลย
เจ้าเณรน้อยละห้อยให้คะนึงนาง
โอ้พิมนิ่มนวลของเณรแก้ว
เจ้าไปแล้วจะรำลึกถึงพี่บ้าง
ฤๅงามปลื้มแม่จะลืมนํ้าใจจาง
แต่ครุ่นครางครวญคิดจนค่อนคืน”🌿
เสภาตอนนี้แต่งได้งดงามมาก สัมผัสได้ถึงบรรยากาศ ความคิดถึง คร่ำครวญของเด็กหนุ่มอายุ 16-17 ปี ที่มีความรักครั้งแรก มีความไม่มั่นใจ ยังไม่รู้ว่าหญิงที่ตนรักจะมีความรู้สึกรักตอบบ้างหรือไม่
🌸เณรแก้วจะทำอย่างไรต่อไปจึงจะได้พบกับนางพิมอีก ? เณรแก้วจะทำอะไร “นอกขนบประเพณี” อีก?🌸
🚩รออ่านวันจันทร์ที่ 28 กย63 นะคะ ขอไปพักผ่อนสุดสัปดาห์ก่อนล่ะค่ะ🚩
มีการถวายผ้าเป็นพุทธบูชา หรือไม่?
พราหมณ์จูเฬกสาฎก ถวายผ้าห่มที่ห่มอยู่ เพื่อบูชาธรรม ที่พระพุทธเจ้าแสดง ทั้งๆที่เป็นผ้าผืนเดียวที่มีอยู่
อ้างอิงจาก

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา