30 ก.ย. 2020 เวลา 14:44 • นิยาย เรื่องสั้น
The Adventures of จ.Jump ตอน ตัวตลกกลางเวหา
กล่าวสวัสดีปุถุชนคนทั่วหล้ากับผมนายจั๊มพ์ตัวจริงเขียนจริง หลังจากผ่านค่ำคืนที่แสนบอบช้ำมากับตอนฝันร้ายกดทับ ตอนนี้ก็เปลี่ยนทิวทัศน์มาสู่ฟากฟ้ากันบ้างเมื่อระหว่างการขึ้นเครื่องบินหนที่สองในชีวิตได้เห็นความเป็นไปไม่ได้ภายใต้ความสูงแตะขอบเมฆ ซึ่งนอกหน้าต่างที่ผมเห็นนั้นเป็นที่มาของตอนนี้ที่ชื่อว่า ตัวตลกกลางเวหา
ก่อนจะจบการศึกษาปริญญาโทในส่วนของการเรียนการสอนระบุไว้ว่าช่วงเทอมหลังจะมีการไปทัศนศึกษาดูงานต่างประเทศ ซึ่งส่วนตัวผมพร้อมจะไปเสมอแต่ติดปัญหาเรื่องหนึ่งคือกลัวการเดินทางด้วยเครื่องบิน
ต้องขอบอกก่อนเลยว่าส่วนที่ทำให้กลัวนั้นเริ่มมาจากวัยเด็กที่ได้ท่องเที่ยวไปต่างประเทศครั้งแรกผ่านการขนส่งจากพื้นนภา
โดยความกลัวที่ผมมีไม่ได้เกิดจากสาเหตุเฉพาะอย่างการไม่ชอบที่แคบหรือสภาวะในที่ปิดแต่อย่างใด หากเป็นเพราะเคยมีประสบการณ์เลวร้ายที่ยังจำฝังใจไม่ลืม
ซึ่งบาดแผลจากอดีตนั้นกำลังหวนกลับมาสู่ปัจจุบันอีกครั้งท่ามกลางการรอขึ้นเครื่องเพื่อมุ่งหน้าไปสู่จุดหมาย ณ ดินแดนต่างประเทศ
ด้วยความที่ไปกับหมู่คณะผองเพื่อนผมพยายามข่มใจเฝ้าบอกว่าหนนี้คงไม่ซ้ำรอยเหมือนอดีตที่เคยเจอ
หลังจากรอชั่วโมงเศษ ๆ ความกลัวที่ฝังรากลึกก็คลายออกพร้อมกับมุมที่นั่งติดกระจกบนเครื่องบิน
เบื้องต้นการที่ผมสามารถปล่อยตัวปล่อยใจได้เพราะวิวนอกหน้าต่างที่เห็นไม่มีอะไรผิดสำแดงแปลกประหลาด แม้ภาพที่มองจากกรอบเล็ก ๆ จะยังคงเดิมแต่เมื่อเหม่อมองไม่เลิกเพื่อนที่นั่งข้าง ๆ จึงอดถามไม่ได้ว่าเป็นอะไร
แน่นอนผมเลี่ยงจะตอบคำถามด้วยการบ่ายเบี่ยงแกล้งไม่ได้ยิน ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ช่วยให้เพื่อนหันไปคุยกับคนข้างหลังแทน
ถึงการกระทำจะเสียมารยาทแต่หากผมไม่สังเกตมุมข้างนอกให้ดี คงได้เสียใจในอนาคตเป็นแน่แท้
ขณะมองนอกหน้าต่างอย่างใจจดใจจ่อหันมาอีกทีเพื่อน ๆ ที่อยู่รายล้อมรอบตัวก็พลันเงียบไม่พูดไม่จาเพราะแท้ที่จริงแล้วนี้คือเที่ยวบินดึกทะยานเวลากลางคืน
เดิมทีด้วยความกลัวประสาทสัมผัสทั้งห้าจึงยังตื่นตัวอยู่ตลอด ทว่าครั้นไม่มีอะไรในกอไผ่จันทราที่สาดแสงกลางทิวาก็ทำให้ง่วงอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว
เข้าวันใหม่มาเยือนกับอาการปวดปัสสาวะที่ไม่ได้ฉี่มาทั้งคืน ผมเร้นตัวหลบมุมค่อย ๆ เลื่อนตัวผ่านช่องว่างระหว่างเบาะหน้ากับขาของเพื่อนที่ยื่นออกมา
ความจริงแค่เพียงบอกเพื่อนขอทางหน่อยคงช่วยประหยัดเวลาไปได้มาก แต่ที่ผมไม่ทำเพราะเข้าใจดีว่าการรบกวนคนอื่นเวลานอนมันรู้สึกยังไง
หลังจากใช้ทักษะความชำนาญเฉพาะทางย้ายมาอยู่อีกฟาก ผมรีบดิ่งไปปลดทุกข์ก่อนจะกลับมานั่งที่เดิมแบบสบายเนื้อสบายท้องน้อย
แต่ตอนที่กลับมาเบื้องหน้าของเช้าวันที่สดใสกลับมีตัวตลกคอยทักสวัสดีอยู่นอกหน้าต่าง
ฉับพลันที่ผมเห็นตัวตลกเหมือนกับการย้อนอดีตไปช่วงเวลาที่เป็นเด็กตอนที่เห็นสิ่งนี้เป็นครั้งแรก ถึงการเป็นเด็กจะเปิดรับจินตนาการได้ง่ายกว่าผู้ใหญ่แต่การเห็นตัวตลกบนเครื่องบินก็รับรู้ได้ทันทีว่าไม่ใช่เหตุการณ์ปกติที่ควรจะมี
อนึ่งในแง่มุมชีวิตที่ผ่านมาผมเคยคิดว่าอาจเป็นการหลอนคิดไปเองว่าอดีตที่เห็นตัวตลกเกิดจากความช่างฝันหรือความทรงจำสับสน ซึ่งการที่ได้มาเห็นอีกรอบบนเครื่องบินช่วยย้ำเตือนถึงความจริงอันแปลกพิศดาร
และในความแปลกของแปลกตัวตลกกำลังโบกไม้โบกมือให้ผมอย่างพัลวันโดยที่เดินไต่ปีกเครื่องบินไปมาแบบไม่เสียวกลัวตาย แม้จะเห็นเต็มสองตาก็ยากจะเชื่อว่ามีตัวตลกทำหน้าที่แสดงการผาดโผนอยู่ข้างนอก
ผมพยายามตั้งสติใช้สมองคิดคำนวณความเป็นไปได้ว่ามีโอกาสแค่ไหนที่ภาพที่เห็นไม่ใช่ความจริง หากตัดความสูง แรงลม แรงตึงผิวของวัตถุ แรงเสียดทาน และเรื่องอื่น ๆ อีกนับไม่ถ้วนออกก็มีสิทธิ์เป็นไปได้ที่จะเห็นตัวตลกนอกเครื่องบิน
บางทีสิ่งที่ผมต้องตัดจริง ๆ อาจแค่ต้องตัดการใส่ใจทิ้งไป เพียงแค่ดึงที่บังแดดลงตัวตลกก็ไม่สามารถรบกวนสายตาได้อีกแล้ว
ผมเข้าใจดีว่าการทำแค่นี้ไม่ช่วยให้ตลกหายไปแต่อย่างน้อยก็ช่วยให้ใจไม่ต้องวอกแวกพะวงกับเรื่องเหนือธรรมชาติ
ทว่าความโล่งใจก็มีได้แค่ประเดี๋ยวเดียวเพราะเพื่อนที่พึ่งตื่นอยู่ข้าง ๆ ดันอยากเห็นวิวนอกหน้าต่างซะอย่างนั้น ถ้าเหตุการณ์ปกติอยากดู 24 ชั่วโมงจะไม่ว่าหรอก แต่ในเวลาแบบนี้จะเห็นอะไรได้นอกจากตัวตลก
พอดึงที่บังแดดขึ้นกลายเป็นว่าตัวตลกหายไปซ่อนตัวอยู่ที่ไหนแล้วไม่รู้ ซึ่งตอนที่เพื่อนเลิกสนใจทิวทัศน์ตัวตลกก็หวนกลับมาปีนบนปีกเครื่องบินต่อ เห็นแบบนั้นผมรีบเรียกเพื่อนกลับมาดูอีกรอบว่าส่องเจอตัวตลกไหม
เป็นธรรมดาที่คนทั่วไปมักมองไม่เห็นสิ่งพิเศษรอบตัว แต่ไอ้การที่ผมเห็นและคนอื่นมองไม่เห็นจึงเป็นชนวนให้เกิดความกระอักกระอ่วนขึ้นมา
ในสายตาของเพื่อนคงคิดว่าผมเพ้ออะไรซักอย่าง ถึงอย่างนั้นการชิงไหวชิงพริบเล่นซ่อนหาเพื่อแข่งขันหาผู้กำชัยยังคงดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ จนเพื่อนข้าง ๆ ทนไม่ไหวต้องขอย้ายไปนั่งที่อื่นแทน
สุดท้ายกว่าเครื่องบินจะถึงจุดหมายผมและตัวตลกก็ใช้เวลาร่วมกันกว่า 14 ชั่วโมงในการอยู่เคียงข้างกันตราบที่เหตุการณ์ประหลาดนี้ต่อมาจะจบลง ณ อีกซีกโลกต่างแดน
***เฉลยปม***
ตอนที่ถึงจุดหมายปลายทางเพื่อนทุกคนในสาขาที่เรียนต่างระริกระรี้ที่ได้มาเยือนต่างประเทศ ยกเว้นตัวผมที่ท่าทางอ่อนเปลี้ยเพลียแรงเพราะเจอปรากฎการณ์พิศดารอยู่คนเดียว
ซึ่งจังหวะที่ลงจากเครื่องผมถึงเห็นภายนอกลำตัวเครื่องบินมีลวดลายที่แสนคุ้นตา โดยเฉพาะเจ้าตัวตลกที่ยิ้มและทำท่าโบกมือมาทางนี้
เพียงเห็นแค่นั้นสมองส่วนลึกของผมถึงระลึกออกในเรื่องแสงและภาพลวงตาที่เคยได้ร่ำเรียนมานานแสนนาน
หากสมมุติฐานเริ่มจากภาพตัวตลกบนเครื่องบินการที่แสง(อาทิตย์)กระทบวัตถุสะท้อนภาพ(ตัวตลก)ฉายให้เห็นบนปีกเครื่องบินที่เงาวับ โดยทุกการเคลื่อนไหวที่เห็นเสมือนปีนไปมาเกิดจากการที่แสงหักเหเคลื่อนที่คงตอบคำถามได้ว่าทำไมถึงเห็นตัวตลกโผล่ในตอนเช้าและไม่เห็นในตอนกลางคืน
เมื่อคิดได้ดังนี้ตัวผมก็โล่งใจไปเปราะหนึ่งแต่ที่ยังคงค้างคาไม่คลี่คลาย 100 เปอร์เซ็นต์สมบูรณ์เพราะอดีตตอนเด็กที่เห็นตัวตลกยังไม่มีสายการบินไหนมีแนวคิดวาดลวดลายบนเครื่องบิน
บางทีการที่อดีตคลุมเครือไม่รู้สาเหตุความเป็นมาผมก็ไม่ควรเก็บมันมาใส่ใจจะดีกว่า เพราะการหวนคิดเรื่องที่กลับไปทำอะไรไม่ได้มันช่างเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์
แต่ก่อนที่ผมจะเลิกใส่ใจเรื่องอดีตและหันไปสนุกกับเพื่อน ๆ ในต่างแดนช่วงที่หันหลังไปมองเครื่องบินที่พามาบนนั้นนอกจากจะมีภาพวาดตัวตลกที่แน่นิ่งไม่เคลื่อนไหวยังมีตัวตลกอีกตัวที่แสยะยิ้มกำลังโบกมือบายบายให้เห็นอยู่ไกล ๆ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา