อ่านแล้วดี : ผจญไทยในแดนเทศ โดย อาชญสิทธิ์ ศรีสุวรรณ
กลิ่นกรุ่นคนไทยในเหตุการณ์สำคัญของโลก…
คุณผู้อ่านที่รักครับ ผมกลับมาแล้ว เนื่องจากว่าช่วงก่อนหน้านี้มีงานเกาะเกี่ยวติดตามตัวผมเป็นแน่นหนาจนเข้าสู่สภาวะที่เรียกว่า เขียนไม่ออก พองานในช่วงสองเดือนที่ผ่านมาเริ่มแผ่วบางลง ผมจึงมีแรงกำลังที่จะกลับมาเขียนได้อีกครั้งในที่สุดครับ ผมเพิ่งอ่านหนังสือเล่มหนึ่งจบไปเมื่อไม่นานมานี้เอง นึกได้ว่าน่าจะเขียนให้คุณผู้อ่านได้ทำความรู้จักกันสักหน่อย เพราะมันเป็นเล่มที่ผมคิดว่า สนุกน่าติดตามไม่หยอกเลยทีเดียว หนังสือเล่มที่ว่าก็คือ ผจญภัยในแดนเทศ เล่มนี้นี่เอง
หนังสือเล่มนี้ เป็นการรวบรวมเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ของบุคคลที่ได้ชื่อว่า ชาวสยาม ที่ได้มีโอกาสเดินทางไปในต่างแดน และบันทึกเรื่องราว ความรู้สึกนึกคิด รวมถึงบรรยากาศของการเดินทางนั้นเอาไว้ โดยมีผู้เขียนเป็นผู้ย่อยย่นย่อเรื่องราวออกมาให้กลายเป็นเรื่องเล่าอ่านสนุก เพลินเพลิดไปกับเหตุการณ์ที่ตัวของผมเองยังไม่คาดคิดว่าจะเคยเกิดขึ้นหรือเคยมีคนไทยไปมีส่วนด้วยมากมายขนาดนี้
เรื่องราวคร่าวๆ ที่อยากให้คุณผู้อ่านได้ลองไปสัมผัสก็อย่างเช่น การเดินทางไปโคลอมโบ ดินแดนห่างไกลของเชื้อพระวงศ์คนหนึ่ง ผู้นำถวายความเห็นเรื่องการใช้รัฐธรรมนูญเป็นคนแรก ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนให้เขากลายมาเป็นพระในวัดโคลอมโบ เรื่องของนักกายกรรมชาวไทยชื่อก้องในอเมริกายุครัชกาลที่ 6 ที่อ่านแล้วเหมือนกำลังดูหนังเรื่อง The Greatest Showman เหตุการณ์สุดระทึกของชาวสยามกับการขึ้นเรือไททานิค สัมผัสบันทึกเคล้ากลิ่นสงครามในรัสเซียยุคที่มีการก่อการปฏิวัติอันนำมาสู่จุดสิ้นสุดของราชวงศ์โรมานอฟ ไปจนถึงศาสตราจารย์ทางด้านเศรษฐศาสตร์ชาวไทยที่ไปสอนอยู่ที่คิวบาและมีลูกศิษย์อย่าง ฟิเดล คาสโตร ที่ต่อมา เขากลายเป็นบุคคลผู้นำการปฏิวัติคิวบาจนกลายมาเป็นอย่างทุกวันนี้ เหตุการณ์แต่่ละเรื่องในเล่มนี้ล้วนแล้วแต่น่าติดตาม และอ่านเพลินมากๆ
ผมตั้งมั่นไว้ตั้งแต่ต้นว่า หน้าปกที่สวยงามของมันอาจหลอกให้ผมหยิบซื้อหนังสือเล่มนี้มาได้ แต่มั่นใจมากว่าเนื้อหาข้างใน คงจะมีความเป็นประวัติศาสตร์ที่ทุกคนคงง่วงเหงาหาวนอนเป็นแน่แท้ ยิ่งพอผนวกกับสำนวนภาษาแก่ๆ ที่ผมนึกว่าเป็นคนแก่อายุ 45 ปีที่กำลังจะหัวล้านเป็นคนเขียนด้วยแล้ว ผมถึงกับวางลงเมื่ออ่านไปได้ไม่กี่หน้า แต่พอเปิดใจกลับมาอ่านอีกครั้งก็กลับกลายเป็นว่า ผมไม่สามารถหยุดอ่านได้จนกว่าจะจบเล่มไปซะอย่างนั้น
ที่ว่าสำนวนภาษามันดูเก่านั้น กลับกลายเป็นว่า ผู้เขียนคงต้องการเข้าธีมของหนังสือที่พูดถึงผู้คนในยุคสมัยเก่าเก็บ ขณะเดียวกันก็มารู้เอาตอนท้ายเล่มว่า ชายหัวล้านวัย 45 ผู้เขียนที่ผมจินตนาการไว้นั้น แท้จริงแล้ว เป็นคนหนุ่มอายุ 28 ปีเท่านั้นเอง แถมการจั่วหัวว่าเรื่องราวประวัติศาสตร์เป็นเรื่องน่าเบื่อ ก็กลับกลายเป็นเรื่องน่าสนุก น่าค้นหา และที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือ การที่มันเป็นหนังสือที่ย่นย่อประวัติศาสตร์ ทำให้รายละเอียดบางอย่างถูกทิ้งว่างไว้ให้เราติดตามตอนต่อไปในช่องทางอื่น ในยุคสมัยที่ Google สามารถค้นพบทุกสิ่ง ผมค้นพบว่า การนำเรื่องราวที่ถูกตัดทอน ไปหาอ่านต่อเป็นเรื่องที่สนุกสนานมากๆ ผู้เขียนฉลาดจริงๆ ในการทำให้ความอยากรู้อยากเห็นของผมสามารถแผ่กระจายไปนอกหนังสือเล่มเล็กๆ เล่มนี้ได้อีกมากมายขนาดนี้
ใครที่อยากได้หนังสืออ่านเล่นสนุกๆ ที่ไม่ใช่นิยาย ผมอยากแนะนำว่า เล่มนี้ อ่านแล้วดี จริงๆ นะ
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
