17 ต.ค. 2020 เวลา 13:44
#จันทร์เจ้าขาบทที่4ตอนที่17,
(17/10/2020)
สวัสดีครับ เพื่อนๆ
คืนวันเสาร์นี้ ขอส่งตอนใหม่ ให้เพื่อนๆได้อ่านเพลิดเพลินก่อนนอนกันนะครับ 😇❤️💙💚🎶🎵
สุขสันต์วันเสาร์นะครับ
บทที่ 4 ขจรมาลา
ตอนที่ 17 เทวาอารักษ์
#ณ.ที่ประชุมมหาดเล็ก
ท่านเจ้าคุณเพ่งมองยันต์พระอสุนีบาต อย่างคุ้นเคย แล้วเอ่ยขึ้นว่า..
“ยันต์พระอสุนีบาตนี้ น่าจะเป็นของคุณหลวง กระมังขอรับ..ครูแม่ช้อย..
คุณหลวงท่านเป็นหนึ่งในศิษย์เอกของหม่อมเจ้าพระสมเด็จพระพุฒาจารย์ (ทัด) เจ้าอาวาสวัดระฆังโฆสิตาราม และ ยังได้มีโอกาสเรียนรู้วิชาสำคัญจากสมเด็จพระวันรัตน์ (ทับ พุทฺธสิริ) เพิ่มเติมอีกด้วย นะขอรับ..
ลายยันต์ของคุณหลวงนี้ ช่างงดงามและทรงอานุภาพมากจริงๆเลยนะขอรับ ครูแม่ช้อย ”
“ใช่แล้วเจ้าค่ะ..คุณหลวงท่านได้มอบให้ไว้ คราเมื่อท่านเริ่มออกเดินทางไปมณฑลทางเหนือ..น่ะเจ้าค่ะ ท่านเจ้าคุณ..
และในทุกๆวันพระ ..ก็คล้ายกับว่ามีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในยันต์พระอสุนิบาต..คอยป้องกันอาณาเขตในเรือนคัดสรรโดยเฉพาะ เลยทีเดียวเจ้าค่ะ..
ครั้งหนึ่ง มีพระอสุนิบาตฟาดใส่นกตัวใหญ่ที่ส่งเสียงประหลาดและบินผ่านที่เรือนเจ้าค่ะ.. แต่เมื่อนกตัวนั้นตกลงมา กลับมีลักษณะคล้ายค้างคาวเวตาลที่ดำไหม้เกรียม ส่งกลิ่นคล้ายซากศพเน่าเหม็นมากเลยเจ้าค่ะ ..
ส่วนในครั้งนี้..สายฟ้า กลับพุ่งทอดยาวต่อๆกันเป็นสาย คล้ายเป็นเหตุอาเพท ไปจนถึงบริเวณวัดสังข์กะจายเลยเจ้าค่ะ.. และที่รูปนางฟ้าเมขลาด้านหลังยันต์นี้ กลับคล้ายกำลังหลั่งน้ำตาโลหิตอีกด้วยเจ้าค่ะ..
และยิ่งกว่านั้นนะคะ ท่านเจ้าคุณ..”
ครูแม่ช้อย พูดเสียงเบา และจึงค่อยขยับเข้ามาใกล้ท่านเจ้าคุณสันติ..แล้วส่งยันต์พระอสุนิบาต ให้ท่านเจ้าคุณพิจารณา..
“ขอท่านเจ้าคุณ..โปรดพิจารณาที่รูปเมขลาที่กำลังหลั่งน้ำตา ดูช่างคล้ายกับแม่หนูน้อยซ์ มากเลยนะเจ้าคะ..
ส่วนเมขลาที่ลอยอยู่ด้านหน้าที่รูปจางลงทุกที ช่างละม้ายคล้ายแม่หนูพามากเช่นเดียวกัน เลยนะเจ้าคะ..”
ท่านเจ้าคุณหยิบยันต์นั้นพลิกหงายไปมา เพ่งพินิจโดยละเอียด แล้วพูดขึ้นว่า
“อืม.. ช่างเหมือนกันอย่างน่าประหลาด จริงด้วยนะขอรับ.. และเมื่อครู่ที่กระผมสัมผัสโดนรูปเมขลา..
คล้ายว่าผมจะได้ยินเสียงของหนูน้อยซ์ ร้องเสียงเบาๆว่า.. หิวจังเลย ด้วยขอรับ..”
..
..
“พรึ..พรืดดด คิกคิกคิก”
คุณพีระ กับโหงพรายน้อยที่กำลังเงี่ยหูฟัง ถึงกับหลุดขำเมื่อท่านเจ้าคุณบอกว่าได้ยินเสียงร้องว่า หิวจังเลยของคุณหนูน้อยซ์..
แล้วทั้งคู่ก็ทำท่าจุ๊ปาก แล้วพยักหน้ากัน อย่างเข้าใจ.. ถึงความสามารถพิเศษอันนี้ของคุณหนูน้อยซ์..ขณะที่โหงพรายก็เต้น..กับทำท่าลูบท้องหิวพร้อมพากย์กลอนเบาๆตามว่า ..
“หนูน้อยซ์ .. คิดถึง.. ของหวาน อีกแล้วเจ้าค่ะ..
ท้องร้องเริ่ม หิวอีกแล้ว..
นะเจ้าขา..
เช้า.. เที่ยง..เย็นทานตรงเวลา..
สุขภาพจึงดีหนักหนา..
คิกคิก..คิกคิก”
เมื่อเจ้าคุณได้ยินเสียงหัวเราะของคุณพีระ จึงร้องถามว่า “พ่อหัวเราะขำอะไรกันรึคุณพีระ..”
คุณพีระ พยายามกลั้นหัวเราะแล้วตอบท่านเจ้าคุณว่า ..”ขอประทานโทษนะขอรับ.. กระผมจินตนาการถึง ฝูงควายน้อยของกระผมอยู่น่ะขอรับ..”
ขณะที่โหงพรายน้อยส่งภาษาใบ้อยู่ข้างๆว่า
“((โหงพราย..ไม่ใช่..
ฝูงควาย..ขอรับ))”
ท่านเจ้าคุณพยักหน้ายิ้มให้กับคำตอบอันแปลกประหลาดของคุณพีระ.. แล้วจึงหันไปหาครูแม่ช้อย แล้วกระซิบพูดว่า..
“การนี้ เห็นจะเป็นเหตุอาเพศกับแม่หนูน้อยซ์ และแม่หนูพา แน่ๆ ขอรับ ครูแม่ช้อย..
เพราะเมื่อเช้าวานนี้ ก็เกิดเหตุที่นี่เช่นกันขอรับ..
กองมหาดเล็กไล่กา เห็นอีกา 2 ตัวโดนฟ้าผ่าฟาดใส่เข้าจังๆ ..
แต่เมื่อตกลงถึงพื้น กลับกลายเป็นเพียงผ้าซิ่นดำมัดรวมเป็นรูปนกกำลังถูกไหม้ไฟอยู่..
จนเมื่อไฟดับ..จึงเห็นว่าผ้านั้นดูคล้ายผ้ายันต์ของลาวที่กำลังเป็นที่นิยมในพระนครเวลานี้ ..พ่อผาด มหาดเล็กไล่กาในช่วงเวลานั้น บอกอีกว่า ..
ยันต์นี้น่าจะมาจาก กระท่อมแม่มดร่างทรงที่อยู่บริเวณป่าช้าวัดสังช์กะจาย.. ตรงกับบริเวณสายฟ้าฟาดไปในทิศเดียวกับที่ครูแม่ช้อย เล่าให้กระผมฟังตอนนี้ เลยขอรับ..
เห็นที จะชักช้าไม่ได้เสียแล้วนะขอรับ..ครูแม่ช้อย”
ท่านเจ้าคุณพูดเสร็จแล้ว จึงรอฟังความคิดเห็นของครูแม่ช้อย..
“ ก็คงต้องว่าตามที่เจ้าคุณไตร่ตรอง ตัดสินตามเหมาะสม เถิดนะ เจ้าคะ.. แต่ขอจงโปรดรับ ผ้ายันต์อสุนีบาตของคุณหลวงท่าน..ไว้ให้คุ้มครองท่านเจ้าคุณ และเหล่ามหาดเล็กหนุ่ม ด้วยเถิดนะเจ้าคะ..”
ครูแม่ช้อย กล่าวตอบท่านเจ้าคุณ..แล้วจึงยื่นยันต์พระอสุนีบาตจำนวนหลายผืนมอบให้กับท่านเจ้าคุณไว้..
“กระผมขอขอบพระคุณแทน พ่อพีระ พ่อภัทร และพ่อผาดด้วยนะขอรับ ครูแม่ช้อย..”
ท่านเจ้าคุณยกมือไหว้ขอบพระคุณ แล้วจึงรับยันต์พระอสุนีบาตนั้นไว้ด้วยความยินดี..
จากนั้น..จึงหันไปสั่งการให้คุณหนูภัทร (บั๊ค) และคุณ
พีระ แจ้งคณะมหาดเล็กไล่กาบางส่วนให้ติดตามท่านเจ้าคุณ เพื่อไปยังวัดสังข์กะจายด้วยกัน..
..
..
โหงพราย ได้ยินดังนั้น..จึงยกมือขึ้นไหว้ลาคุณพีระ.. แล้วค่อยๆถอยหลังหายกลับไปในเงามืดที่ใต้โต๊ะนั้น..กลับไปหาคุณหนูน้อยซ์
..
..
#ณ.บริเวณลานพิพากษาในโลกวิญญาณ
เมื่อสิ้นเสียงกระบองของ
ท่านท้าวเวสสุวรรณกระแทกพื้นดังกัมปนาทนั้น
บริเวณพื้นหินด้านหน้าของลานพิพากษาก็ แหวกเปิดออก..
แลเห็นภาพด้านหนึ่งเป็นประตูนรก และภาพอีกด้านหนึ่งนั้น เป็นต้นกัลปพฤกษ์ทิพย์ อุทยานทิพย์และเหล่านางฟ้อนทิพย์อยู่ในวิมานทิพย์ ..บริเวณใกล้ๆกับสระโบกขรณี..
ท่านท้าวเวสสุวรรณกระแอมดังขึ้นอีกครั้ง ก่อนที่จะประกาศคำตัดสินอันประกอบด้วยสิทธิอำนาจว่า
“เจ้าหม่องบอง..ด้วยผลบุญ และผลกรรมของเจ้าที่ปรากฏต่อสายตาข้า และลูกสาวของข้าหนูฆฤณ พร้อมกับคณะลูกขุนนั้น..
ข้าจึงพิจารณาตัดสินให้เจ้ารับหน้าที่เป็น..
*ยมสฺส รญฺโญ*
อันหมายถึง เป็นพญาเวมานิกเปรต หรือมีอีกชื่อหนึ่งเรียกว่า..พญายม..”
ซึ่งเวลาหนึ่งของเจ้าจะเสวยผลของกรรมจากบาปแห่งอัคคีมรกต ..โดยมีหน้าที่เป็นพญายมผู้ตั้งอยู่ในธรรม ..
มีร่างกายสีแดงและมีเพลิง อัคคีมรกต ลุกท่วมอยู่รอบกายเจ้า..ในขณะที่เจ้าประจำรักษาการอยู่ที่ประตูหนึ่งในทิศเหนือ..
แต่อีกในเวลาหนึ่ง เจ้าจะกลับมาเสวยสุขเป็นเทพบุตรในวิมาน เขตสระโบกขรณี..
และจะเป็นเจ้าแห่ง
บรรดาเวนิกเปรต.. มีบริวารรับใช้ทั้งยักษ์ บรรดากุมภัณฑ์ เมื่อเจ้าอยู่ระหว่างโลกวิญญาณและนรก..
นับตั้งแต่บัดนี้..”
“ตึงตึง..”
ทันทีที่ท่านท้าวเวสสุวรรณตรัสเสร็จ พร้อมกับกระแทกกระบองลงกับพื้น อันเปรียบเสมือนการประทับตราแต่งตั้ง..ในคำตัดสินนี้
ทันใดนั้นร่างกายของผีหม่องบองก็สว่างวาบขึ้นด้วยเพลิง.. และชุดที่สวมใส่ก็เปลี่ยนเป็นชุดดั่งเทพเทวาอารักษ์ ประจำมณฑลพายัพ..อันงามสง่า..
เสียงอื้ออึงบริเวณคณะลูกขุนดังขึ้น ก่อนที่นัตทุกตนจะลุกขึ้น แล้วจึงก้มลงกราบ พร้อมกับเอ่ยนามสรรเสริญ โดยพร้อมกันว่า
“ยมสฺส รญฺโญ”
สมิงไพรหนุ่ม และเจ้านางอุบลวรรณา ต่างยกมือขึ้นไหว้ท่วมหัวเช่นกัน และปล่อยให้หยดน้ำตาแห่งความปลื้มปิติค่อยๆ รินไหล..เมื่อ พระยม หันมาอำนวยพรให้กับทั้งสองว่า
“ขอจงมีสุขสวัสดี ใช้ชีวิตอย่างรู้คุณค่า มีเกียรติ และอายุยืนยาว เถิด น้องข้า..”
“และขอจงมีสุขสวัสดี แก่เจ้านางที่รักของหม่องบอง..
ขอให้เจ้านางรู้คุณค่าและความหมายของการใช้ชีวิตด้วยความรักต่อตัวเจ้านางเอง.. ต่อครอบครัว และต่อประเทศชาติ..มิให้ต้องตกเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษดังเช่นแผนร้ายที่ถูกวางแผนไว้แล้วนั้น..
แล้วเราจะพบกันอีกนะขอรับ เจ้านางที่รักของหม่องบอง”
จากนั้นพระยม ก็ค่อยๆก้าวเดินลอยเข้าไปยังบริเวณพื้นที่แหวกออกนั้น.. แล้วจึงก้มกราบ ขอบคุณท่านท้าวเวสสุวรรณ และคุณหนูฆฤณ.. ก่อนที่จะหันไปยิ้มให้มะตีฮะ อีกครั้ง ..
แล้วจึงเหาะลอยหายเข้าไปใต้พื้นพสุธาบริเวณหน้าลานพิพากษา อย่างช้าๆ..
พร้อมกับพสุธาที่เคลื่อนปิดกลับคืน..
..
..
“ตึง ตึง ตึง!!!”
เสียงกระแทกกระบองของท่านท้าวเวสสุวรรณดังขึ้นอีกครั้ง จนบริเวณพื้นหน้าลานพิพากษาสั่นสะเทือน และเปิดออกอีกครั้ง..
“ เจ้าอุบลวรรณา จงฟังข้าให้ดี..”
เสียงประกาศดังกึกก้องของ
ท่านท้าวเวสสุวรรณ ทำให้เจ้าอุบลวรรณขาแข้งสั่น กลับทรุดลงไปนั่งและยกมือขึ้นประนม ปากคอสั่นพูดฟังไม่ได้ศัพท์..
..
..
จบบทที่ 4 ตอนที่ 17
#เกร็ดเพิ่มเติม
สระอโนดาตนั้นมีท่าน้ำอยู่ ๔ ท่า ตั้งอยู่ในทิศทั้ง ๔ เรียกว่า ท่าสิงห์ (สีหมุข) ท่าช้าง (หัตถีมุข) ท่าม้า (อัสสมุข) และท่าวัว (อุสภมุข) สายน้ำจากสระอโนดาตจะไหลออกจากปากสัตว์มงคลทั้งสี่ทิศ ไหลเวียนขวาทักษิณาวรรต ๓ รอบ แล้วไหลออกจากสระเป็นสายน้ำ ผ่านแดนหิมพานต์ เป็นสี่ทิศลงสู่มหานทีสีทันดร น้ำจากสระอโนดาตที่ไหลออกทางทิศใต้ ไหลออกไปพุ่งกระทบภูเขา ทำให้น้ำพุ่งขึ้นเป็นละอองฝอยในอากาศ เรียกว่า อากาศคงคา ตามไตรภูมิกล่าวว่า น้ำพุ่งกระเด็นขึ้นไปถึง ๖๐ โยชน์ แล้วจึงตกไปบนแผ่นดิน กลายเป็น*สระโบกขรณี *ไหลผ่านระหว่างภูเขา ๕ ลูก เกิดเป็นปัญจมหานที ได้แก่ คงคา ยมุนา อจิรวดี มฮี และสรภู ที่ไหลหล่อเลี้ยงดินแดนทางทิศใต้ให้อุดมสมบูรณ์
สวัสดี และขอจบเพียงเท่านี้
ขอบคุณครับ
ร้อยเรียงจันทร์เจ้าขา
(T.Mon)
17/10/2020

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา