18 ต.ค. 2020 เวลา 13:49
#จันทร์เจ้าขาบทที่4ตอนที่18,
(18/10/2020)
สวัสดีครับ เพื่อนๆ
คืนวันอาทิตย์นี้ ขอส่งตอนใหม่ ให้เพื่อนๆได้อ่านเพลิดเพลินก่อนนอนกันนะครับ 😇❤️💙💚🎶🎵
สุขสันต์วันอาทิตย์นะครับ
บทที่ 4 ขจรมาลา
ตอนที่ 18 รัตนติงสาอภินวปุรีสรีคุรุรัฎฐพระนครเชียงใหม่ (1)
#ณ.บริเวณลานพิพากษาในโลกวิญญาณ
“ เจ้าอุบลวรรณา จงฟังข้าให้ดี..”
เสียงประกาศของท่าน
ท้าวเวสสุวรรณดังขึ้นอีกครั้ง จนบริเวณพื้นหน้าลานพิพากษาสั่นสะเทือน และเปิดออกอีกครั้ง..
“ครืดดดดด..”
“จงดู และจดจำภาพเบื้องหน้านี้ไว้ให้จงดีเถิด ..
เจ้าอุบลวรรณา..
นี่คือโลกันตนรก..
เป็นนรกขุมใหญ่พิเศษ  ตั้งอยู่ระหว่างจักรวาล 3 
จักรวาล..ที่ตั้งชิดติดกัน  มีสภาพมืดมนอนธการอย่างที่สุด..  แสงตะวัน แสงเดือน
ดาวไม่สามารถส่องถึง
จะเกิดแสงขึ้นชั่วฟ้าแลบต่อเมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
มาอุบัติเกิดขึ้นในโลก ..
บัดนี้ หมอผีหม่องวิน และบรรดาผู้ร่วมกันขายชาติ ด้วยเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนได้กลายร่างเป็นสัตว์นรกตาบอด รูปร่างใหญ่โต กำลังปีนป่าย..เกาะเกี่ยวห้อยหัวอยู่ตามเขาขอบจักรวาล  ดุจดังค้างคาว..
และถ้าตนใดเผลอปล่อยมือจากเชิงเขาจักรวาล ก็จะพลัดตกดิ่งหัวลงมาในทะเลน้ำกรดเย็นยะเยือกในเบื้องล่าง..
น้ำกรดเย็นนั้นกัดกร่อนร่างกายสัตว์นรกจนเปื่อยละลายเป็นจุณ..
อำนาจกรรมก็จะบันดาลให้สัตว์นรกตัวนั้น..คืนสภาพเป็นตัวตนขึ้นใหม่ ..รู้สึกหนาวเย็นเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส  ตะเกียก
ตะกายกลับขึ้นไปไต่ที่ขอบจักรวาลดังเดิม  เป็นเช่นนี้ เวียนไป
สัตว์นรกเหล่านี้เคยทำกรรมประทุษร้าย ทรมาน
บิดามารดา ปราศจากความกตัญญูกตเวที  หรือประทุษร้ายต่อผู้ทรงศีล  หรือกระทำปาณาติบาตฆ่าสัตว์ตัดชีวิตเป็นประจำ  หรือ เป็นพวกมิจฉาทิฏฐิ คือไม่เชื่อบุญบาป ไม่เชื่อนรกสวรรค์ ทำบาปอยู่
เนืองนิจ หรือกระทำการขายชาติ ยั่วยุให้แตกแยกกัน..อำนาจกรรมเหล่านี้ หนักหนานัก..”
ทันที ที่ท่านท้าวเวสสุวรรณหยุดเว้นจังหวะพูด..
เจ้าอุบลวรรณาก็ตัวอ่อนเอนตัวลงกับพื้น ด้วยความหวาดกลัว..
“แต่..” ท่านท้าวเวสสุวรรณชี้นิ้วตรงมาที่เจ้าอุบลวรรณา แล้วเอ่ยขึ้นว่า..
“แต่..เวลานี้ ยังไม่ถึงวันสิ้นอายุขัยของเจ้า..วันนี้จึงจะยังไม่ใช่วันถูกพิพากษาของเจ้า..
จงจดจำไว้ให้ดี ถึงขุมนรกต่างๆที่เจ้าได้เห็นในวันนี้..
แล้วจงกลับแก้ไขสิ่งต่างๆ อันเลวร้าย ที่กำลังจะเกิดขึ้นกับสยาม และรัตนติงสาอภินวปุรีสรีคุรุรัฎฐพระนครเชียงใหม่ เสีย..
เจ้าดารารัศมี คือดวงรัศมี คือ ดวงประทีปแห่งความรักที่จะเชื่อมแผ่นดินทั้งสองให้เป็นหนึ่งเดียวกัน..
1
ข้าหลวงบริเตนใหญ่ และฝรั่งเศส ช่างมีแผนการอันคดเคี้ยวเลี้ยวลดยิ่งนัก..
จงใช้วันเวลาที่เหลือให้ง่ายงาม และสร้างสันติ เป็นทางตรงสู่ความดีต่อประเทศชาติ ศาสนา แลพระมหากษัตริย์..เถิด
เวลาเจ้าเหลืออีกไม่มากแล้ว.. จงอย่าประมาท ..
เจ้าอุบลวรรณา..
ขอเจ้าจงกลับสู่โลกมนุษย์ ด้วยสวัสดีมีชัย เถิด..”
ท่านท้าวเวสสุวรรณพูดเสร็จแล้ว..จึงยกกระบองยักษ์กระแทกลงที่พื้น ..
หนึ่งครั้งจนเกิดความสั่นสะเทือน..
จนบริเวณพื้นด้านหน้าลานพิพากษา ค่อยๆเคลื่อนตัวปิดกลับอย่างช้าๆ..
เจ้าอุบลวรรณาร้องไห้ฮึกฮึก..น้ำตาไหลอาบแก้ม และกำลังย่อตัวลงยกมือขึ้นไหว้ขอบพระคุณท่าน
ท้าวเวสสุวรรณ..
จากนั้นบรรดานายนิรยบาลจึงล้อมเข้ามาจับแขนเจ้าอุบลวรรณา พาวิญญาณกลับสู่ร่างบนโลกมนุษย์..
..
..
#ณ.บริเวณคุ้มหลวงพระเจ้าอินทรวิชานนท์ เจ้าหลวงเชียงใหม่องค์ที่ 7
“เฮือกกก...” เสียงสูดงับลมของเจ้าอุบลวรรณา ดังขึ้น
พร้อมๆ กับร่างของเจ้าอุบลวรรณาที่อยู่ในอ้อมกอดของพี่สาวที่รักเจ้าทิพย์เกสร..ก็กระตุกขึ้นยื่นมือไขว่คว้าในอากาศแล้วลืมตาขึ้น..
“เจ้าน้อง ฟื้นแล้ว ..” เสียงร้องด้วยความดีใจของเจ้าทิพย์เกสร ก็ดังขึ้น..
ก่อนที่จะหันไปสั่งบ่าวไพร่ ให้รีบนำผ้าหอมมาให้โดยเร็ว..
“เจ้าปี้ ..ฮือฮือ.. ข้าเจ้า
สุมาเต๊อะ เจ้าปี้นะเจ้า
ฮือๆ..”
เจ้าอุบลวรรณา เอ่ยขอโทษเจ้าทิพย์เกสร ก่อนที่จะสวมกอดพี่สาวแน่น และร้องไห้ตัวโยน เหมือนเมื่อครั้งยังเด็กๆ..
“หม่ะเป๋นหยัง หม่ะเป๋นหยัง น้องปี้ ขวัญได้มาตกหกตกหาย ขอฮื้อเมียอยู่กับเจ้าจิ่มเน้อ”
เจ้าทิพย์เกสรกอดปลอบน้องสาวที่รักและลูบผมเบาๆเรียกขวัญ ..
อย่างไม่สนใจบรรดาแขกและชาวจีนที่มาฟังร่างทรงในที่นั้นแต่อย่างใด..
“น้องฮักเจ้าปี้ มั่นทึ้งเจ้า” เจ้าอุบลวรรณารำพึงเบาๆกับพี่สาวอีกครั้ง ..ก่อนที่จะหลับตาลง..
“ปี่ ฮู้ เจ้า..” เจ้าทิพย์เกสรพยักหน้ายิ้มแล้วจึงดึงตัวน้องสาวขึ้นมากอดแนบชิด ด้วยความรักอีกครั้ง
..
..
..
#ณ. กระท่อมเพิงไม้ในป่าช้าวัดสังข์กระจาย
“โอย.. หนูน้อยซ์ หิวเจ้าค่ะ..”
1
เสียงคุณหนูน้อยซ์ร้องเบาๆ อยู่ในถุง..อย่างน่าเอ็นดู
“(อดทนไว้นะขอรับ เดี๋ยวก็มีคนมาช่วยแล้วนะขอรับ)”
โหงพรายกระซิบเบาๆ ให้กำลังใจ..
คุณหนูน้อยซ์จึงค่อยๆหันหน้ามาตามเสียง จ้องโหงพรายนิ่งแล้วพูดขึ้น ว่า..
“โว๊ะะ.. ใครเอากระจับเขาควายน่าทานมาตั้งไว้ตรงนี้กันนะเจ้าคะ..”
“ไม่ใช่ กระจับเขาควายขอร้าบบ.. นี่โหงควายเองขอรับ.. เอ้ยๆ โหงพรายเองขอรับ..”
โหงพรายพูดพลางก็ปีนวิ่งหนี มือคุณหนูน้อยซ์ที่กำลังยื่นมือมาจับ..
“กรี๊ดดดด..
ช่วยด้วยเจ้าข้า เอ้ยยย..”
โหงพรายตะโกนหวีดร้องสุดเสียง และวิ่งหนีมือของคุณหนูน้อยซ์ด้วยความหวาดกลัว สุดขีด
“ฮะฮะ.. ฮ่ะ กำลังเล่นอะไรกันอยู่รึขอรับ..”
คุณไกรสร แหวกถุงผ้าเปิดออก แล้วหัวเราะ เอ่ยทักคุณหนู
น้อยซ์..
คุณหนูน้อยชะงักมือกลับมาบังแสง และหยีตา ปรับสายตา ครู่หนึ่ง..
“กระผม เอาสำรับข้าวกับแกงร้อนๆ และถั่วเขียวต้ม มาให้คุณหนูน้อยซ์ ได้ลองรับประทานนะขอรับ..”
คุณไกรสรค่อยๆวางสำรับอาหารลง และจึงช่วยคุณหนูน้อยซ์ ให้ออกจากถุงผ้า.. ขณะที่โหงพรายน้อยก็ค่อยๆคลานหายกลับเข้าไปในเงามืดข้างในถุง..
คุณหนูน้อยซ์ ยกมือไหว้ขอบคุณ คุณไกรสรสำหรับสำรับอาหาร ..และนั่งพับเพียบกับพื้น..เช็ดมือกับผ้านุ่งแล้วจึงเปิบทานอย่างเอร็ดอร่อย..
คุณไกรสรนั่งอมยิ้ม มองคุณหนูน้อยซ์ รับประทานอย่างมีความสุข..คล้ายตกอยู่ในภวังค์ .. ก่อนที่จะสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงดังของคุณหนูน้อยซ์ กับคำถามที่ว่า ..
“ฮ่ายยย แกงนี้หรอยอย่างแรงนะเจ้าคะ .. แกงชื่ออะไรหรือ เจ้าคะ..”
คุณหนูน้อยซ์ เอ่ยถาม..แล้วใช้ช้อนตักน้ำแกงขึ้นซดอย่างเอร็ดอร่อย..
คุณไกรสร หัวเราะเบาๆ แล้วตอบว่า..
“แกงโจร น่ะขอรับ ..”
“พรึ.. พรืดดด..”
คุณหนูน้อยซ์สำลักน้ำแกง กับคำตอบ จึงหยิบเอาผ้าขึ้นมาเช็ดปาก.. และถามต่อว่า
“แล้วนี่ จะใส่อะไรมาหลอกให้หนูน้อยซ์กิน อีกรึเปล่า นิเจ้าคะ..”
“ฮ่ะฮ่ะ ฮ่ะ ก็แล้วแต่จะคิดนะขอรับ..” คุณไกรสรหัวเราะ และตอบกลับอย่างอารมณ์ดี..
“แค่กๆ แค่ก โอ๊ะ แค่ก แค่ก..โอย ช่วยด้วยเจ้าค่ะ”
คุณหนูน้อย เริ่มไอ ถี่ๆ อย่างผิดปกติ..และเอ่ยขอความช่วยเหลือ..
คุณไกรสรตกใจจนหน้าถอดสี และยื่นหน้าเข้ามาใกล้คุณหนูน้อยซ์ แล้วถามไถ่อย่างละล่ำละลัก ด้วยความเป็นห่วงว่า..
“คุณหนูน้อยซ์เป็นอะไร หรือขอรับๆ..”
หนูน้อยซ์พยายาม หายใจ เข้าและพยายามพูดช้าๆ อย่างยากลำบาก ว่า..
“หนู..น้อยซ์...เผ็ดช์
น่ะเจ้าค่ะ...
ขอขันน้ำนั่นด้วยเจ้าค่ะ คุณไกรสร..”
คุณไกรสร ถอยหลังกลับมานั่งท่าเดิม และถอนหายใจยาว แล้วพูดว่า..
“ฮาาาา.. โรยยยย”
..
..
..
จบบทที่ 4 ตอนที่ 18
#เกร็ดเพิ่มเติม
รัตนติงสาอภินวปุรีสรีคุรุรัฎฐพระนครเชียงใหม่ หรือ นครเชียงใหม่ เป็นประเทศราชในหัวเมืองเหนือของสยามตั้งแต่ปี พ.ศ. 2317 ภายหลังจากการขจัดอิทธิพลของพม่าออกจากดินแดนล้านนา
ในปี พ.ศ. 2369 พม่าได้เสียดินแดนหัวเมืองมอญให้แก่อังกฤษ ซึ่งมีอาณาเขตติดต่อกับล้านนา จึงมีชาวอังกฤษข้ามเข้ามาค้าขายและสัมปทานป่าไม้ในล้านนาจำนวนหนึ่ง เมื่ออังกฤษได้เข้าครอบครองดินแดนพม่าทางตอนล่าง อิทธิพลของอังกฤษก็ได้ขยายเข้าใกล้ชิดกับล้านนามากขึ้น มีชาวพม่าซึ่งอยู่ในบังคับของอังกฤษเข้ามาทำป่าไม้ในล้านนาจำนวนมาก ทำให้มีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องการจัดสรรที่ดิน อังกฤษจึงเรียกร้องให้รัฐบาลกลางเข้ามาแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น
ในปี พ.ศ. 2416 ราชสำนักกรุงเทพฯ จึงได้ส่ง "พระนรินทรราชเสนี (พุ่ม ศรีไชยยันต์)" ไปเป็นข้าหลวงดูแลสามหัวเมืองใหญ่ประจำที่นครเชียงใหม่ เพื่อควบคุมดูแลปัญหาในนครเชียงใหม่ นครลำปาง และนครลำพูน แต่ก็ยังมิสามารถแก้ไขปัญหาได้ ขณะนั้นหัวเมืองขึ้นของพม่าเป็นจำนวนมากต่างประกาศเป็นอิสระ และได้ยกกำลังเข้าโจมตีหัวเมืองชายแดนล้านนา ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นนี้เกินกำลังที่เชียงใหม่ และเมืองบริวารจะจัดการได้ ในขณะนั้นสถานการณ์ภายในเมืองเชียงใหม่ก็มีปัญหา เนื่องจากพระเจ้าอินทวิชยานนท์ทรงชราภาพขาดความเข้มแข็งในการปกครอง เจ้านายชั้นสูงเริ่มแก่งแย่งชิงอำนาจกัน..
ข้อมูลส่วนหนึ่ง: เพจเรื่องเล่าล้านนา
สวัสดี และขอจบเพียงเท่านี้
ขอบคุณครับ
ร้อยเรียงจันทร์เจ้าขา
(T.Mon)
18/10/2020
-

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา