21 ต.ค. 2020 เวลา 05:50 • การศึกษา
นอกจากราคาสินค้าต้นทุนต่ำจากจีนแล้ว สิ่งที่ทำให้ผู้ประกอบการไทยเสียเปรียบสินค้านำเข้าจากจีนอีกอย่างหนึ่งคือ ?
“โครงสร้างภาษี”
1.ภาษีศุลกากรนำเข้า
ผู้ประกอบการไทยที่นำสินค้าเข้ามาขายต่อให้กับคนไทย จะต้องเสียภาษีศุลกากรนำเข้า 5-30% อย่างแน่นอน ยกเว้นรายการที่ใช้สิทธิประโยชน์ FTA ASEAN-CHINA ใช้เอกสาร Form E ได้ค่ะ เพื่อยกเว้นภาษีนำเข้า แต่ก็ไม่ใช่ว่าได้ลดหย่อนทุกรายการนะคะ ต้องดูเงื่อนไขแนบท้ายประกาศฯ ซึ่งผู้ขายชาวจีนยินดีทำเอกสารให้เราอย่างแน่นอนถ้าราคาสินค้ามีมูลค่าเยอะพอสมควร แต่ในรายของผู้ประกอบการรายย่อยที่ซื้อสินค้าจำนวนไม่เยอะเป็นการบรรจุประเภท LCL หรือมาทางรถบรรทุก การที่ผู้ขายชาวจีนจะออกเอกสารให้ก็เป็นเรื่องยากพอสมควรเพราะบางครั้งต้นทุนของเอกสารอาจจะสูงเท่าๆกับราคาสินค้าเลยทีเดียว
2.ภาษีมูลค่าเพิ่ม
กรณีผู้ประกอบการรายย่อยคนไทยสั่งซื้อสินค้าจากต่างประเทศ หากสินค้ามีมูลค่าน้อยกว่า 1500 บาท เราจะไม่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% และไม่ต้องจ่ายภาษีศุลกากรนำเข้า ตัวอย่างนะคะ วันที่ 10/10/63 เราเข้า application เพื่อสั่งซื้อสินค้าจากจีน เราชำระราคาค่าสินค้าที่แสดงใน application เท่านั้นโดยไม่ต้องเสียเงินส่วนอื่นเพิ่มแล้วรอรับสินค้าที่บ้านได้เลย ต่างจากผู้ประกอบการไทยที่ผลิตสินค้าแล้วต้องมีการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% เพื่อนำส่งสรรพากร
3.ภาษีจากรายได้
การประกอบธุรกิจของชาวต่างประเทศ ถ้ามีการประกอบกิจการในประเทศไทยโดยใช้สิทธิประโยชน์ ความร่วมมือทางเศรษฐกิจและจากการกระตุ้นการลงทุนของรัฐบาล กิจการไม่ต้องจ่ายภาษีให้กับประเทศไทย ต่างจากผู้ประกอบการไทยที่เมื่อมีกำไรก็ต้องจ่ายภาษีจากกำไรที่เกิดขึ้น
พอเห็นภาพกันแล้วใช่ไหมคะว่าทำไม ผู้ประกอบการไทยจะต้องสร้างจุดแข็งทางสินค้า เน้นคุณภาพการบริการและพัฒนาระบบการจัดการโลจิสติกส์ที่เหมาะสมเพื่อให้สามารถแข่งขันได้
โฆษณา