21 ต.ค. 2020 เวลา 13:33
#จันทร์เจ้าขาบทที่4ตอนที่20,
(21/10/2020)
สวัสดีครับ เพื่อนๆ
คืนวันพุธนี้ ขอส่งตอนใหม่ ให้เพื่อนๆได้อ่านเพลิดเพลินก่อนนอนกันนะครับ 😇❤️💙💚🎶🎵
สุขสันต์วันพุธนะครับ
บทที่ 4 ขจรมาลา
ตอนที่ 20 รัตนติงสาอภินวปุรีสรีคุรุรัฎฐพระนครเชียงใหม่ (3)
#ณ.บริเวณลานพิพากษาในโลกวิญญาณ
“ท่านพ่อ.. เจ้าคะ”
คุณหนูฆฤณ ลุกยืนขึ้น ยื่นมือแตะท่านท้าวเวสสุวรรณอย่างเคารพ..
ท่านท้าวเวสสุวรรณจึงหันกลับ มามอง คุณหนูฆฤณ
..แล้วเอ่ยถามว่า
“มีสิ่งใดรึ..ลูกฆฤณ”
คุณหนูฆฤณจึงยกมือขึ้นไหว้ท่านท้าวเวสสุวรรณ และพระวัยทัต.. ก่อนที่จะตอบว่า..
“หากไอควันวิญญาณที่ห้อมล้อม..
ผีแม่นางบัวตอง ของท่านพ่อ จะกระทำให้สิ้นสุดสัญญา สาบาน และความทรงจำใดๆ..
หรือจะทำให้ทั้งคู่ต้องแยกจากกันชั่วนิรันดร์..
ก็ขอให้อย่างน้อย ผีนางบัวตองได้ทราบถึงความในใจ และเจตนาของเจ้าน้อยพรหมในการนี้ ด้วยเถิดเจ้าค่ะ..เพื่อจะได้หมดสิ้นกรรมต่อกัน โดยไม่ติดค้างใดๆ อีก นะเจ้าคะ..ท่านพ่อ..”
ท่านท้าวเวสสุวรรณ มองเจ้าน้อยพรหม และผีนางบัวตอง.. ก่อนที่จะทอดถอนหายใจยาวอีกครั้งหนึ่ง แล้วจึงตอบคุณหนูฆฤณว่า..
“กรรมแห่งการอัตนิวิบาต (การฆ่าตัวตาย)ของผีนางบัวตองนั้น.. เป็นกรรมหนักอย่างยิ่ง..ลูกเอ๋ย..
ซึ่งนอกจากต้องตกไปอยู่นรกภูมิ แล้ว.. เมื่อมาเกิดใหม่ ..ก็ต้องมีเหตุให้ตายอย่างผิดปกติวิสัย ต่อเนื่องอีกหลายร้อยชาติ..
แต่ด้วยความรักอันลึกซึ้ง และความเด็ดเดี่ยวของเจ้าน้อยพรหม..เชื้อพระวงศ์เจ้าลำพูนที่มีต่อผีนางบัวตอง..
จึงยอมถวายตัวเองเป็นดั่งลูกแกะบูชายัญ..ที่แบกรับความผิดบาปทั้งสิ้นของนางบัวตองนั้น..
เฉกเช่นเดียวกับพระคริสต์ผู้เป็นบุตรแห่งพระเจ้าที่ได้กระทำสำเร็จแล้วบนกางเขนนั้น..เพื่อคนบาปที่กลับใจทุกคน..และพระคริสต์ก็ได้เสด็จฟื้นคืนพระชนม์ในวันที่สาม
แต่พิธีตัดกรรมที่เจ้าน้อยพรหมขอความเมตตาจากพ่อ คือ การตัดที่ต้นกรรม ที่เจ้าน้อยพรหมเป็นผู้ตั้งคำสาบานแต่แรก..
กลับส่งพวงมาลัยและพระธำมรงค์ก่อนที่จะเจ้าน้อยพรหมจะถูกประหาร ..
..คืนกลับให้ผีนางบัวตอง..
จนเป็นเหตุให้นางบัวตองวิปลาสเสียใจ จนกระทำอัตนิวิบาตแก่ตนเอง อันเป็นบาปมหันต์ ..
เมื่อตัดที่ต้นกรรมนี้แล้ว เจ้าน้อยพรหมจะต้องเป็นผู้แบกรับความผิดบาปนี้แทนผีนางบัวตอง.. ไปอีกหลายร้อยพันชาติ ..
การเสียสละนี้คือ ความรักที่ชัดแจ้ง ..ที่สุดแล้วลูกเอ๋ย..”
ท่านท้าวมองไปยังเจ้าน้อยพรหมอีกครั้ง แล้วจึงพูดต่อ ว่า..
“ไอควันวิญญาณที่ห้อมล้อมนี้ ..จะทำให้ผีเจ้านางบัวตอง.. ลืมทุกอย่างสิ้น และไปผุดไปเกิดในภูมิชั้นที่ดีกว่านี้มากนัก..
ขอลูกพ่อจงจดจำที่พ่อสอน จากการพิจารณาตัดสินในคดีนี้..
ส่วนผีนางบัวตองขอจงรับรู้ในความรักและความเสียสละของเจ้าน้อยพรหมที่มีต่อเจ้า แล้วจงอย่ามีห่วงอาวรณ์ใดๆ อีก.. และจงเสวยผลบุญ เกิดใหม่ในภพภูมิที่ดี เถิด..”
..
..
ผีนางบัวตองสะอื้นร้องอาลัย.. และค่อยๆ ก้มกราบเจ้าน้อยพรหม พร้อมกับรำพึงดังขึ้น ว่า..
“น้ำตาไหลท่วมฟ้า อากาศ,
สลายธาตุ ธุลีร่าง อาศัย
แม้สัญญา สาบาน สลายไป
แต่ใจน้องยังภักดิ์ รักเจ้าน้อย..
แม้นไม่อาจร่วมชาติ ครองรัก,
ก็มิอาจห้ามหัก
ใจท้อถอย,
แม้นใจรู้ อาจนาน
เกินรอคอย,
ไม่อาจปล่อย มาลัยรัก
จากมือน้อย..”
ร่างของผีนางบัวตองค่อยๆสลาย..เลือนหายจากไป
พร้อมกับ ..พวงมาลัยของเจ้าน้อยพรหม.. ที่ร่วงหล่นบนพื้น อย่างเดียวดาย..
..
..
จบบทที่ 4 ตอนที่ 20
..
#เกร็ดเพิ่มเติม
เมื่อกว่า ๑๑๐ ปีที่แล้ว ที่หนองช้างยืน ยังมีสาวงามนางหนึ่งชื่อ “บัวตอง” เป็นชาวบ้านธรรมดาสามัญ ทำไร่ไถนา ใช้ครกกระเดื่องตำข้าวและทอผ้าใช้เอง แต่ด้วยความสะสวย กิริยามารยาทที่เรียบร้อยและน้ำใจที่กว้างขวางของนาง แต่ละวันจึงมีหนุ่มแวะเวียนมาหาอยู่สม่ำเสมอแต่นางก็ไม่ได้ชอบใจใครเลย กิตติศัพท์ความงามของนางลือกระฉ่อนจนถึงหูของเจ้าน้อยพรหมวงศ์ โอรสของเจ้าไชยลังกา และยังเป็นน้องชายต่างมารดาของเจ้าดาราดิเรกรัตน์ เจ้าผู้ครองนครลำพูนองค์ที่ ๗ ซึ่งบันทึกของฝรั่งกล่าวไว้ว่า
“เป็นผู้มีร่างกายสมส่วน และหน้าตาดี” เมื่อทั้งสองได้พบกันแล้วก็เกิดจิตผูกพันกันจนเกิดเป็นความรัก และหนุ่มสาวทั้งคู่ก็ตกลงปลงใจกันว่าจะครองเรือนด้วยกันและแก่เฒ่าไปด้วยกันจนกว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะล้มหายตายจากไปก่อน..
วันหนึ่ง มีช้างพังเชือกหนึ่งอาละวาดวิ่งวุ่นขึ้นมาจะทำลายเรือกสวนไร่นาของชาวบ้านหนองช้างยืน เจ้าน้อยพรหม จึงแสดงความอาจหาญใช้ดาบฟันเข้าไปที่ตัวของช้างพังเชือกนั้นจนร้องด้วยความทุรนราย วิ่งหนีเข้าไปยังป่าละเมาะและล้มลงตรงนั้น ผลผลิตของชาวบ้านจึงปลอดภัย แต่ทว่า ไม่มีใครรู้เลยว่าช้างเชือกนั้นเป็นของพระเจ้าอินทวิชยานนท์และเจ้าแม่ทิพย์ไกรสร เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ที่โปรดให้ผู้ถือสาส์นยืมขี่มาถึงนครลำพูน
เมื่อเจ้าราชสัมพันธ์ ซึ่งเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ ในหมู่เจ้านายล้านนาและเป็นอาของพระเจ้าอินทวิชยานนท์รู้เรื่อง ก็เรียกเจ้าน้อยพรหมไปตำหนิ แต่เจ้าแม่ทิพย์ไกรสรยังโกรธแค้นถือว่าเป็นการหมิ่นเกียรติเจ้านครเชียงใหม่ เมื่อเจ้าราชสัมพันธ์ไปพักตากอากาศที่เมืองสันทราย เจ้าแม่ทิพย์ไกรสร จึงถือโอกาสล้างแค้น ด้วยการออกสาส์นในนามของพระเจ้าอินทวิชยานนท์ขอตัวเจ้าน้อยพรหมไปสอบสวน เจ้าดาราดิเรกรัตน์เห็นว่าเรื่องคงจบไปตั้งแต่ที่เจ้าราชสัมพันธ์ตักเตือนไปแล้ว จึงส่งตัวเจ้าน้อยพรหมไปแต่โดยดี ก่อนจะเดินทางเจ้าน้อยพรหมซึ่งก็คิดเช่นเดียวกับเจ้าดาราดิเรกรัตน์ผู้พี่ ได้แวะไปบอกลาสาวบัว
ตอง เพื่อจะไปยังนครเชียงใหม่ บัวตองจึงให้พวงมาลัยมะลิสดที่นางร้อยเองแก่เจ้าน้อยพรหมวงศ์เป็นการอวยชัย
ทว่า เรื่องกลับไม่เป็นอย่างที่คาดคิด เมื่อขบวนของเจ้าน้อยพรหมวงศ์ออกจากเมืองลำพูนมาถึงท่าวังตาลแล้ว เจ้าแม่ทิพย์ไกรสรก็สั่งให้เจ้าอุปราชบุญทวงศ์ ผู้มีอำนาจเทียบเท่ากับเจ้าอินทวิชชานนท์ไปสกัดขบวนและจับเจ้าน้อยพรหมไปประหารชีวิต ณ ทุ่งหัวคนซึ่งเป็นเขตทหารของเชียงใหม่ โดยมีหนานปัญญาเป็นเพชรฆาต ก่อนที่หนานปัญญาจะลงดาบนั้น เจ้าน้อยพรหมก็ฝากพวงมาลัยมะลิของบัวตองไว้กับนายหนังสือที่ติดตามมาด้วยกันให้เอาไปคืนบัวตอง หนานปัญญาลงดาบครั้งแรกพลาดไปโดนไหล่ของเจ้าน้อยพรหม ครั้งที่สองจึงถูกที่คอจนหัวของเจ้าน้อยพรหมขาดสะบั้นหลุดออกจากบ่า โดยที่ใบหน้ามิได้แสดงถึงความเจ็บปวดหรือเกรงกลัวต่อความตายเลย
เมื่อข่าวไปถึงนครลำพูน เจ้าดาราดิเรกรัตน์ และเจ้าราชสัมพันธ์ก็เศร้าโศกเสียใจมากถึงขนาดไม่ไปรับศพเจ้าน้อยพรหมกลับมา เจ้าแม่ทิพไกรสรจึงสั่งให้ฝังอย่างหยาบๆ ตรงลานประหารนั้น จากนั้นเจ้าดาราดิเรกรัตน์ก็ไม่เสด็จไปเยือนเจ้าแม่ทิพย์ไกรสรอีกเลย และเจ้านายฝั่งลำพูนและเชียงใหม่ก็หน่ายแหนงแคลงใจกันแต่นั้นมา ส่วนสาวบัวตองคนรักนั้น เมื่อได้รู้ข่าวก็ใจสลายไม่อาจมีชีวิตอยู่ต่อได้
วันรุ่งขึ้นจึงมีคนพบร่างไร้ชีวิตของนางแขวนคออยู่กับกิ่งไม้ที่นางและเจ้าน้อยพลอดรักกัน และยังคงกำพวงมาลัยมะลิที่เป็นสัญญารักชิ้นสุดท้ายกับเจ้าน้อยไว้ในมืออย่างแน่น ราวกับว่าจะกำเอาความรักของนางไปพบกับเจ้าน้อยพรหมในปรโลกอีกครั้ง
สวัสดี และขอจบเพียงเท่านี้
ขอบคุณครับ
ร้อยเรียงจันทร์เจ้าขา
(T.Mon)
21/10/2020
ข้อมูลสนับสนุน เกร็ดเพิ่มเติม: หนานคำอินทร์,ราชินี เจ้าจอม หม่อมห้าม ในอดีต

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา