22 ต.ค. 2020 เวลา 05:12 • บันเทิง
กราบเรียนเพื่อนผอง น้องพี่ ที่เคารพรัก และเครารกจัง
ผมมีเรื่องราวอัดอั้นตันใจ ที่ไม่สามารถระบายออกมาได้ เพราะเกรงจะถูกตีตรา หาว่าบ้าบอ ไม่ก็เพี้ยนสติไม่ดี แปลกประหลาดกว่าชาวโลกทั่วไป แต่ถึงกระนั้น วันนี้ผมคงต้องยอมสลัดความคิดนั้นทิ้งไป เนื่องจากโลกใบนี้ มีความพิลึกกึกกือ เกินกว่าใจผมจะทนไหว โดยจะขอสาธยาย อภิปรายไล่เรียงจากช่วงหนึ่งของชีวิต ที่ผ่านมา
หลังจากที่ผมเดินผ่านย่านการศึกษาชื่อดัง นักเรียนชายสองคนกำลังถกเถียงกัน ก่อนหันมามองหน้าผมแว้บหนึ่ง แล้วก็กลับไปเถียงกันต่อ ผมจับประเด็นได้เพียงคร่าว ๆ ว่า มันเป็นเรื่องของ ความเท่าเทียมทางเพศ
เรามักได้ยินกันอยู่จนชินหู ถึงคำพูดประมาณว่า "น้องคนนี้อกใหญ่ น้องคนนั้นอกสวย น้องคนโน้นเต่งตึง แต่ให้ตายเถอะ ไม่เห็นมีใครเคยพูดให้ฟังเลยว่า โอ้พี่คนนั้นจ้อนโต พี่คนนี้ จ้อนใหญ่ หรือแม้กระทั้ง พี่คนโน้น จ้อนงาม พอเหอะ นี่มันความเท่าเทียมทางเพศตรงไหน"
ผมเหลียวหลังกลับไปนิดนึง ก่อนจะเอนเอียง คิดเข้าข้างเยาวชนคนรุ่นใหม่ หรือว่ามันจะจริง ความเท่าเทียมบนสังคมมันอยู่ตรงไหนกันนะ ผมชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินกลับไปเพื่ออธิบายถึง สิทธิและเสรีภาพบนสังคมที่ว้าวุ่น
น่าเสียดายที่ทั้งคู่ตอนนี้ เปลี่ยนไปคุยเรื่องของวิทยาศาสตร์ สมัยใหม่เสียแล้ว ว่าด้วยเรื่องของปลาดาว หลายคนอาจจะไม่เคยรู้ว่าปลาดาว มีปากอยู่ตรงกลางของลำตัว และข้อสังเกตหนึ่งที่เด็กชายสองคน ตั้งคำถาม คือ ทำไมนางเงือกต้องเอาปลาดาว "มาปิดจุกบนเนินอก"
โอ้ แม่จ้าวว!! ทำไมช่างสังเกตอะไรเยี่ยงนี้ ผมถึงกับอึ้ง พลันเรื่องราวในอดีตของตัวเองสมัยเรียนมัธยมก็แล่นผ่านความทรงจำ .. เพื่อนคนนึงของผมมันเป็นคนกลัวผี แต่มันอยากอ่านหนังสือ เรื่องผีญี่ปุ่นเอามาก ๆ และมันก็ทนอ่านอยู่ได้ถึงสามวัน ก่อนปาหนังสือเล่มนั้นทิ้งลงแม่น้ำไป
ผมเห็นเหตุการณ์เหล่านี้มาตลอด และตัดสินใจไปซื้อหนังสือเล่มนั้นจากร้านมาใหม่ จากนั้นก็เอาไปแช่น้ำ แล้วเอาไปใส่ไว้ในโต๊ะนักเรียนมันอีกครั้ง คุณอยากเห็นสีหน้าของเพื่อนผม ตอนเจอหนังสือนั้น ในลิ้นชักไหมล่ะ
ผมเปลี่ยนใจเดินจากกลุ่มนักเรียน ที่เคยสร้างความว้าวุ่นใจให้ ก่อนคิดถึงอดีตอันชื่นมื่นสมัยเรียน มันช่างเป็นช่วงเวลาแห่งรอยยิ้ม และมิตรภาพของผองเพื่อนจริง ๆ ต้องยอมรับว่ารากฐานของเราทุกคน ส่วนมากล้วนเกิดขึ้นในช่วงวัยเรียนนี่แหละ
จนทุกวันนี้ ผมหาเงินได้วันละเป็นล้าน จากการทำงานที่บ้าน วันละไม่กี่ชั่วโมง ผมมีเวลว่างมากมาย อยากไปไหนก็ได้เท่าที่อยากไป ผมมีลูกน้องนับพันชีวิต บริษัทของผมเติบโตรวดเร็วมาก ๆ และคาดว่าในปีหน้า จะสามารถเปิดสาขาเพิ่มได้อีกราว ๆ สองร้อย ถึงสามร้อยสาขา เพียงแต่มันติดที่ว่า ผมดันตื่นซะก่อน
ผมเคยไปสมัครเป็นเซลล์แมนด้วยนะ ถึงผมจะดูหนิม ๆ เหงียม ๆ ก็เถอะ โดยวันที่ผมไปสมัครงาน ผจก.ก็ส่งแท็ปเล็ตให้ผม พร้อมกับบอกว่า ให้ผมทดลองเสนอขายแท็ปเล็ตนั้นแก่เขาให้ได้ แล้วจะได้งาน ผมจึงเอามันหนีบไว้ใต้รักแร้ แล้วเดินกลับบ้านครับ ไม่นานนัก ผจก.คนนั้นก็โทรมาทวงของ ผมบอกอย่างหน้าไม่อาย "สองหมื่นครับ"
งานสมัยนี้ อย่าเลือกมากครับ ทุกงานล้วนลำบาก เหนื่อยหนักด้วยกันทั้งนั้น ทำงานดียังไงก็โดนบ่น โดนด่า ไม่มีหรอกครับงานที่ไม่โดนด่า นอกจากจะไปสมัครเป็นนักพยากรณ์อุกกาบาต คอยแจ้งเตือนว่า วันนั้น วันนี้อุกกาบาตจะพุ่งเข้าชนโลก เท่านั้นแหละ
นั่นล่ะที่ทำให้เช้าวันนี้ ผมต้องมาเดินทอดน่อง อยู่ในเขตเมือง ย่านที่ผู้คนพลุกพล่านที่สุด เคยคิดไหม คนเยอะ ๆ เดินขวักไขวไปมา กันวุ่นวายขนาดนี้ ยามที่ปวดท้อง พวกเขาทำยังไง เชื่อแน่ว่าหนึ่งในสองสามพันคนในเมืองนี้ มันต้องมีคนปวดท้องบ้างล่ะ
ผมเคยโดยเคาะประตู ขณะปฎิบัติภาระกิจปลดทุกข์ ในห้องน้ำสาธารณะ ซึ่งวันนั้นผมก็ทำอะไรแทบไม่ถูก ลุกลี้ลุกลน จนภาระกิจเกือบแย่ไป หลังจากนั้นไม่นาน ผมก็โดนเคาะประตูอีก ครั้งนี้ทำให้ผมตอบออกไปว่า "เข้ามาได้..!!!" เท่านั้นแหละ คนเคาะถึงกับร้อง ห๊ะ .. ?
เมื่อมีสังคมเมืองเกิดขึ้น ผู้คนมากมายก็จะนำมาซึ่งปัญหา และตำรวจก็เป็นด่านแรก ที่จะจัดการปัญหาต่าง ๆ เชื่อไหมว่า ผมเคยถูกตำรวจสอบสวนด้วยล่ะ ในครั้งหนึ่ง ที่มีเหตุการปล้นร้านทองใกล้ ๆ เมื่อไม่นานมานี้
"เคยเห็นอะไรแปลก ๆ บ้างไหมครับ" คุณตำรวจท่าทางขึงขัง กำลังเตรียมจดเลคเชอร์หลังจากถามผม "เคยเห็นปลาโลมาใส่หมวกครับ" ผมตอบออกไปอย่างซื่อ ๆ ก่อนที่คุณตำรวจจะชักสีหน้า แล้วย้อนถามว่า "ผมหมายถึงแถวนี้ครับ คุณเห็นอะไรที่แปลก ๆ แถวนี้บ้างมั๊ยยย.. โอ๊ยยย"
อ่าว .. ก็คุณตำรวจไม่พูดให้ชัดเจนเองนี่หน่า คือจะว่าไปแล้ว ความชัดเจนก็สำคัญนะ เพราะถ้าเราทำอะไร ที่ไม่ชัดเจนเอง จะเที่ยวไปโทษคนโน้น คนนี้ ไม่ได้นะ อย่างเช่น อดีตแฟนผมคนนึง ที่ผมเคยจีบเมื่อหลายปีก่อน
หลังจากที่เราไปออกเดทกันแล้ว น้องเค้าก็บอกกับผมว่า อยากไปกินข้าวเย็นกับพี่อีกนะ .. ไอ่ผมก็ข้องใจครับ เพิ่งกินอิ่มมาแหม็บ ๆ เนี่ยะจะกินอีกแล้วเหรอ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา น้องเค้าก็หายเงียบไปเลย ไม่รู้จะโกรธอะไรนักหนา กับแค่ข้าวเย็นมื้อเดียว
คือผมบอกเลยนะ สาว ๆ สมัยนี้เข้าใจยาก ถ้าเรามัวแต่เขินอายอยู่ ไม่ทันกาลหรอกครับ ยิ่งในสื่อออนไลน์ ที่ไม่กล้าบอกชอบเค้าอะไรงี้ เอาแต่กดไลค์ แล้วมากดว้าว ว้าว ว้าว ว้าว ว้าว เอ่อ .. ไม่ทราบญาติเป็นรถพยาบาลเหรอครับ
อย่างที่บอกไป ช่วงนี้เศรษฐกิจบ้านเมืองมันแย่ ผู้ร้ายก็ชุกชุมไปหมด ยิ่งถนนสายเปลี่ยว ๆ ยิ่งต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ อย่างเมื่อล่าสุด ผมเจอเข้ากับตัวเองเลย มีผู้หญิงสองคน โบกรถให้ผมจอด เธอบอกว่าจะขอติดรถกลับบ้านด้วย คนแบบผมก็ขี้สงสารซะด้วย เลยให้เธอทั้งคู่ขึ้นมา
สุดท้ายระหว่างทาง ขณะที่เธอคนหนึ่งกำลังมีอะไรกับผม อีกคนก็แอบหยิบกระเป๋าตังค์ผมไป .. บอกเลยว่าเจอแบบนี้ ความรู้สึกมันแย่มาก ๆ ครับ เดือนนี้ผมโดนลักษณะนี้ไป 6 รอบแล้ว น่าเบื่อจริง รอบหน้าไม่รู้ว่าจะใส่แบงค์ยี่สิบไว้กี่ใบดี
ไม่มีงาน ก็ไม่มีเงินครับ แม้บางคนจะหมดสิ้นหนทาง ยอมเป็นโจรก็ตามที แต่บางคนใช้วิธีการประหยัดครับ อย่างเช่นเพื่อนผม มันใช้วิธีทำอาหารกินเอง วันหนึ่งเพื่อนผมมันอยากกินแซนวิชไก่ แต่มันก็ไม่ทำ มิหนำซ้ำไก่ยังขี้บนพรมอีกด้วย
จบฉบับแรกแค่นี้ก่อนนะครับ ไม่ไหวละ ปวดชิ้งฉ่อง ไว้เจอกันฉบับหน้าครับผม
แชร์หากเห็นว่ามีประโยชน์
คอมเมนท์เพื่อแนะนำติชม
พูดคุย และทักทายผ่านอีเมลล์หรือ HangOut ที่
แหล่งข้อมูล ภาพ และสื่อประกอบ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา